ในตอนนั้นที่เรือยังพอมีเครื่องมือเพื่อบอกตำแหน่งทิศต่าง ๆ แต่จางลี่เฉินมีเพียงความทรงจำที่เลือนลางเป็นตัวช่วยเขาเท่านั้นในตอนนี้ แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะบินไปอย่างไร้จุดหมายโดยไม่คำนึงถึงทิศทางให้ดี อย่างน้อยที่สุดเขาก็ต้องรอให้ถึงช่วงเวลากลางคืนเสียก่อนเพื่อให้เขาสามารถพึ่งพาดวงดาวบนฟ้ากำหนดตำแหน่งทิศได้
แม้มันจะดูยุ่งยากแต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็มีความหวังและความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
เมื่อมองดูตำแหน่งของดวงอาทิตย์เหนือหัว อีกไม่กี่ชั่วโมงท้องฟ้าก็น่าจะเริ่มมืด จางลี่เฉินนิ่งคิดอยู่พักหนึ่งแล้วสั่งให้เกาะมังกรและเวิร์มดราก้อนกลับคืนสู่ขนานปกติ จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปอยู่ด้านหลังสัตว์อาคมแล้วออกคำสั่งให้มันเดินลึกเข้าไปในป่า
ในช่วงฤดูหนาว พื้นที่ป่าในดินแดนเหนือธรรมชาติจะทั้งเย็นและชื้นแฉะ ใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาบนพื้นทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอ่อน ๆ ทว่าชายหนุ่มกลับนั่งไขว้ขาอยู่บนสัตว์อาคมด้วยความรู้สึกสบายใจ
บางครั้งบางคราวเขาก็จะสั่งให้เกาะมังกรสะบัดหางแมงป่องทั้งเก้าเพื่อทำให้สัตว์ประหลาดและแมลงมีพิษมากมายในป่าหนีไปด้วยความตกใจหรือเพื่อออกมาเพื่อทำการคัดเลือก
จางลี่เฉินมีความต้องการปรับแต่งแมลงดุร้ายที่มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา
ตอนนี้พลังพ่อมดในร่างกายของเขามีมากพอที่จะร่ายคาถา ‘ดูดกลืน’ ได้หลายพันครั้งรวมถึงคาถา ‘ลดความซับซ้อน’ ที่ทำให้เขาสามารถปรับแต่งสัตว์อาคมได้ตามที่ต้องการ แมลงพิษดุร้ายที่อาศัยอยู่ภายในป่ารอบตัวชายหนุ่มพากันกระโจนตัวออกมาจนกลายเป็นความยุ่งเหยิงของเลือดและเนื้อที่สาดกระจาย มีสัตว์ 2 – 3 ตัวที่ได้รับการปรับแต่งให้กลายเป็นสัตว์อาคมสำเร็จแต่ท้ายที่สุดเขาก็ออกคำสั่งให้พวกนั้นกลายเป็นของว่างของเกาะมังกรเนื่องจากอ่อนแอเกินไป ตลอดทางที่เดินไปข้างหน้า เขายังคงไล่ล่าตามฆ่ามาตลอดทาง
แม้จะเป็นการใช้จ่ายพลังงานที่ค่อนข้างน้อยแต่เมื่อนาน ๆ เข้ามันก็เริ่มกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ จางลี่เฉินผู้พยายามมาตลอด 1 – 2 ชั่วโมงแต่ก็ยังไร้ประโยชน์เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าในที่สุด
เขาลุกขึ้นยืนอย่างกระทันหันบนหลังของเกาะมังกรแล้วพึมพำกับตัวเองในขณะเลือกเป้าหมายใหม่ “ดูเหมือนโชคในการได้สัตว์อาคมดี ๆ จะหมดลงแล้วสินะ เราต้องการสัตว์อาคมที่สามารถมีพลังอำนาจรอบรู้ได้ในทันทีหลังได้รับการปรับปรุงแต่เหมือนว่ามันจะยากยิ่งกว่าการชนะรางวัลลอตเตอรีซะอีก”
ขณะนั้นเองสายตาของเขาก็หันไปเจอต้นไม้ใกล้ ๆ 2 – 3 ต้นที่ส่วนร่มไม้ถูกเชื่อมต่อกันกลางอากาศ ชายหนุ่มอ้าปากค้างเพื่อพ่นพายุไซโคลน หลังจากทำลายร่มไม้เสร็จ เขาใช้คาถา ‘ประกอบ’ ขึ้นในใจขณะที่มองดูกิ่งไม้กระจัดกระจายจำนวนมากพร้อมกับเศษเนื้อจากสัตว์และเลือดที่ร่วงหล่นกองมาบนพื้น
ในไม่ช้าคาถาก็เริ่มส่งผลกระทบต่อแมลงนับไม่ถ้วนในป่าจากดินแดนเหนือธรรมชาติ พวกมันรวมตัวกันเพื่อฆ่าและแข่งขันกันเองเพื่อเศษเนื้อที่ผสมกับเลือดบนพื้น
ชายหนุ่มเฝ้ามองดูแมลงพิษหลายพันตัวที่กำลังต่อสู้กันด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนใจ เขานั่งลั่งรออย่างเงียบ ๆ เพื่อดูว่าจะมีอะไรทำให้เขาประหลาดใจได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อแมลงมีพิษมีจำนวนน้อยลงและผู้รอดชีวิตเริ่มแสดงการเปลี่ยนแปลงขนาดของร่างกาย ทันใดนั้นความปั่นป่วนอย่างฉับพลันก็ปะทุขึ้นจากส่วนลึกในป่า
สัตว์ประหลาดที่มีความสูง 2 เมตร ความยาว 7 – 8 เมตร ที่มีความคล้ายคลึงกับแรดเพียงแต่ไม่มีนอกลางหน้าผากกำลังวิ่งออกมาจากป่า กีบเท้าทั้งสี่ของมันเหยียบย่ำพื้นดินจนเผลอเป็นการสาดน้ำโคลนไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเหยียบลงบนกิ่งก้านที่จางลี่เฉินได้ร่ายคาถาเอาไว้
ไม่ว่าศักยภาพของแมลงจะยิ่งใหญ่เพียงใดแต่ก่อนที่พวกมันจะถูกดัดแปลงให้เป็นสัตว์อาคมพวกมันก็ยังเป็นแค่เพียงแมลงที่จะถูกเหยียบย่ำโดยสัตว์ประหลาดที่มีน้ำหนักหลายตันลงไปในแอ่งน้ำและจมลึกลงไปใต้ดิน
เมื่อเห็นว่าแมลงมีพิษของเขาทั้งหมดที่ถูกเลือกมาเป็นพิเศษโดยคาถาต้องมาตายอย่างไร้เหตุผล จางลี่เฉินกัดฟันกรอดพร้อมกับแสยะยิ้มร้าย ราวกับมีสปริงติดอยู่ที่ขา จางลี่เฉินกระโดดขึ้นหลังสัตว์อาคมเพื่อมุ่งหน้าตรงไปหาสัตว์ประหลาดตัวนั้น
ขณะที่เขากำลังเข้าใกล้สัตว์ร้ายที่มีผิวสีดำ แขนขวาของเขาเหวี่ยงหมัดออกเพื่อส่งสัตว์ประหลาดบินลอยออกไปด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“รอวร์…” สัตว์ประหลาดตะโกนเสียงดังก้องไปทั่วอากาศเป็นครั้งสุดท้าย ดวงตาโตขนาดใหญ่ของมันกลายเป็นสีแดงก่ำก่อนที่จะระเบิดออกมาพร้อมเสียงดัง ‘ป๊อป’ จากนั้นเลือดสดก็ไหลพุ่งออกจากปากและจมูกก่อนจะล้มลงไปกับพื้นอย่างไร้กำลังแล้วหยุดหายใจไปในที่สุด
แม้กระบวนการที่เกิดขึ้นจะใช้พลังงานที่สะสมมาเป็นส่วนสำคัญ แต่ความจริงที่ว่าจางลี่เฉินสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเขาได้แค่เพียงหมัดเดียวทำให้เขาตกใจเป็นอย่างยิ่ง
“โอ้ ว้าว หมัดทะลวงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังจริง ๆ! ขนาดเราฝึกมาแค่เพียงไม่กี่วันยังมีพลังทำลายมากขนาดนี้ มันสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดที่มีขนาดใหญ่กว่าเราหลายเท่าได้อย่างง่ายดาย หลังการเปลี่ยนแปลง ความแข็งแกร่งทางกายภาพ พลัง และความยืดหยุ่นของเราจะเหนือกว่าคนทั่วอย่างไม่ต้องสงสัย แต่อย่างน้อยเราก็ต้องขยายร่างกายให้สูง 5 – 6 เมตรก่อนที่จะฆ่าสัตว์ประหลาดนั่นในครั้งเดียวได้…”
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังพูดพึมพำกับตัวเอง ชาวพื้นเมืองที่เป็นคนแคระประมาณ 20 – 30 ถือหอกพร้อมส่งเสียงคำราม “อูวะ ๆ ๆ” มาจากทางเดียวกันกับสัตว์ประหลาด
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าชาวพื้นเมืองเหล่านี้กำลังไล่ล่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นสัตว์ร้ายนอนราบอยู่บนพื้นพวกเขามองหน้ากันด้วยความสับสนและเริ่มพูดคุยกันในขณะที่ยังคงส่งเสียง “อูวะ ๆ ๆ” จากนั้นก็หันมาจ้องมองจางลี่เฉินผู้ซึ่งกำลังงงงัน
ชายหนุ่มเคยเจอกับคนพื้นเมืองพวกนี้มาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนแคระที่อ่อนแอ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะฆ่าคนพวกนี้ได้ทั้งหมด
เช่นเดียวกับสิงโตตัวผู้ที่จะไม่ให้ความสนใจกับละมั่งอ่อนแอที่บุกเข้ามาในเขตแดนของตัวเองในตอนที่มันยังไม่หิวกระหาย จางลี่เฉินจึงไม่สนใจว่าคนพื้นเมืองพวกนี้ต้องการจะทำอะไร
เขาคิดเพียงแค่ว่าถ้าชาวพื้นเมืองพวกนี้ไม่เข้ามารวบกวนเขา เขาก็จะปล่อยพวกนั้นไป แต่ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งคิดที่จะทำร้ายเขาขึ้นมาก่อน เขาจะเปลี่ยนมนุษย์แคระทั้งหมดนี้ให้เป็นอาหารของสัตว์อาคมไปซะ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนั้นไกลเกินความคาดหมายของจางลี่เฉินไปมาก ชาวพื้นเมืองต่างจ้องมองมาที่เขาด้วยการแสดงออกว่าพวกเขากำลังรู้สึกซาบซึ้งใจต่อจางลี่เฉินอย่างมาก ผู้เฒ่าหลายคนเดินเข้ามาหาเขาด้วยความเมตตาและใช้ปลายแขนแตะที่ตัวของชายหนุ่ม ขณะเดียวกันพวกชายหนุ่มก็หันมามองจางลี่เฉินเป็นครั้งคราวด้วยสายตาชื่นชมขณะที่ใช้มีดล่าสัตว์เพื่อตัดส่วนเนื้อต่าง ๆ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง พวกเขาก็เอาส่วนเนื้อที่อร่อยที่สุดที่ได้มาจากอกขาหลังและบั้นท้ายมาวางไว้ด้านหน้าจางลี่เฉิน
เมื่อได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพจากชาวพื้นเมือง ณ อาณาจักรเหนือธรรมชาติ ชายหนุ่มรู้สึกสับสนและพูดไม่ออกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขามองชาวพื้นเมืองที่อยู่ตรงหน้าด้วยความงงงันและสังเกตเห็นว่าใบหน้าที่น่าเกลียดของคนแคระเหล่านี้เต็มไปด้วยความเป็นมิตรและความเคารพอย่างแท้จริง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงความเข้าใจผิดของชายชราอามานด์นิกที่มีต่อตัวเขาจนทำให้หัวใจของเขาเต้นระส่ำ
“สัตว์ประหลาดทางทะเล…” จางลี่เฉินจ้องมองลงไปที่แขนหนา ๆ ของตัวเองที่มีเกล็ดสีน้ำเงินและสีเหลืองปรากฏอยู่จาง ๆ ก่อนจะพึมพำออกมา “สัตว์ประหลาดทางทะเล…”
เมื่อเขาพูดคำว่า “สัตว์ประหลาดทางทะเล” เป็นครั้งที่สอง รอยยิ้มที่เป็นมิตรก็พุ่งขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาจับชิ้นเนื้อไปไว้บนใบไม้สะอาดแล้วส่งกลับไปยังผู้เฒ่าชาวพื้นเมืองขณะสัมผัสกับหน้าท้องของตัวเองเพื่อแสดงท่าทางว่าเขาอิ่มแล้ว
ชาวพื้นเมืองต่างพากันส่งเสียงรื่นเริงและยอมรับความตั้งใจดีของชายหนุ่มโดยไม่ขัดข้อง พวกเขาเริ่มหยิบกิ่งไม้และเริ่มก่อกองไฟก่อนที่จะโยนเนื้อสัตว์ประหลาดเข้าไปในกองไฟเพื่อทำอาหาร ก่อนที่กลิ่นเลือดจะถูกกำจัดออกไปได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขาใช้มีดล่าสัตว์แล่เอาเนื้อออกมาและเริ่มเคี้ยวกันอย่างเอร็ดอร่อย
จางลี่เฉินเฝ้าดูชาวพื้นเมืองจัดการชิ้นเนื้อสัตว์ประหลาดอย่างเงียบ ๆ เขาสังเกตเห็นว่าหนึ่งในชาวพื้นเมืองกำลังใช้ไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งอย่างระมัดระวังซึ่งมีคำพิมพ์ไว้ด้วยว่า ‘ผลิตในประเทศจีน’ มันทำให้เขารู้สึกตกใจอย่างมาก
เกาะขนาดใหญ่ในอาณาจักรเหนือธรรมชาติที่เขาอยู่ขณะนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก ในป่าที่ชายหนุ่มอยู่อยู่ห่างจากที่ตั้งของกองทัพสหรัฐฯไปอย่างน้อยประมาณ 200 กิโลเมตร ถึงกระนั้นชาวพื้นเมืองพวกนี้ก็จำเป็นต้องใช้ชีวิตประจำวันบนโลกไปตามปกติ นั่นหมายความว่าอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งเกาะแห่งนี้แล้ว
“พวกยักษ์ใหญ่ในกองทัพสหรัฐฯกำลังพยายามทำอะไรกันแน่…” จางลี่เฉินพูดพึมพำกับตัวเองแล้วเดินไปหาชาวพื้นเมืองที่กำลังกินอยู่ ขณะที่จางลี่เฉินกำลังจะเข้าไปถามว่าได้ไฟแช็กมาจากไหน เขาก็รู้สึกราวกับว่าจิตใจของเขาถูกชะล้างด้วยความเยือกเย็นบางอย่าง ทันทีที่เขาเอ่ยออกไป มันกลายเป็นภาษาของชาวพื้นเมืองโดยตรง “พวกท่านได้วัตถุก่อไฟนี้มาจากที่ใด?”
แม้ชาวพื้นเมืองจะคิดว่ามันแปลกประหลาดมากที่สัตว์ประหลาดทางทะเลตรงหน้าพวกเขาสามารถพูดภาษาเฮลล์ไฟร์ได้อย่างคล่องแคล่วแต่ก็ยังตอบกลับมาด้วยความเคารพ “ท่านสัตว์ประหลาดทางทะเล สิ่งประดิษฐ์นี้เป็นรางวัลสงครามที่เราได้รับหลังจากเอาชนะเผ่าทูลุนตอนที่พวกเราถูกจับไปเป็นทาสได้ หากเราเดินไปทางฝั่งตะวันตกของเกาะเพื่อชมพระอาทิตย์ตกดินสองครั้งเราจะเห็นเรือลึกลับและเรือเหล็กขนาดใหญ่หลายลำ ผู้เป็นนายของเรือเหล็กเหล่านี้จะใช้วัตถุเวทมนตร์ทุกชนิดเพื่อแลกกับเมล็ดที่ไร้ประโยชน์และสัตว์ขนาดเล็กที่ถูกจับได้ในป่า”
ผู้นำชาวพื้นเมืองมอบคำตอบให้อย่างละเอียดแต่ทว่าจางลี่เฉินไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่ชาวพื้นเมืองพูดเลยสักนิด เขาจ้องมองด้วยความเบิกกว้างขณะคิดกับตัวเองด้วยความงุนงงอย่างมากว่าทำไมเขาถึงพูดภาษาพื้นเมืองของอาณาจักรเหนือธรรมชาติได้อย่างคล่องแคล่วเช่นนี้
จากนั้นไม่นานเขาก็จำบันทึกส่วนหนึ่งในแผ่นหนังได้ว่า “ภาษาของพวกเขาซับซ้อนมากแม้ว่าข้าจะมีคาถาความเข้าใจชั่วนิรันดร์ที่ได้รับมาจากซากปรักหักพังจากวัดโบราณไกอาก็ตาม ในที่สุดข้าก็ใช้เวลาถึง 12 วันเต็มในการสื่อสารกับพวกเขา … วันนี้คือวันที่ 12 ความเข้าใจชั่วนิรันดร์มีผลแล้วและข้าก็ได้เรียนรู้ว่าขนมหวานนั้นเรียกว่า ‘ช็อคโกแลต’ ช่างเป็นชื่อที่แปลกแต่อร่อยมาก….”
“คาถาความเข้าใจชั่วนิรันดร์ … ความเข้าใจชั่วนิรันดร์….” ดวงตาของจางลี่เฉินก็สว่างขึ้นในทันใด “เราคงได้รับคาถาของอามานด์นิกที่ผนึกไว้ในม้วนแผ่นหนังวิเศษจากตอนที่เราฉีกมันออกจากกัน แม้ว่าชายชราผู้มีเล่ห์เหลี่ยมจะเขียนจดหมายด้วยความจริงใจ แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงซ่อนความลับเอาไว้อีกมากมาย บางทีถ้าเราไปที่เมืองบลูเวลล์ของนครรัฐคัททามานเพื่อส่งจดหมายฉบับนี้ ตอนนั้นเราอาจจะถูกฆ่าแทนที่จะได้รับรางวัลก็ได้!”
“บุตรแห่งท้องทะเล ทะ ท่านว่าอย่างไรหรือ?” เมื่อผู้นำชาวพื้นเมืองเห็นสัตว์ร้ายมีการแสดงออกถึงของความตกใจ ความประหลาดใจ และความโกรธแค้นขณะที่พึมพำกับตัวเองด้วยภาษาแปลก ๆ จึงถามออกไปอย่างใจจดใจจ่อ
“ไม่มีอะไร ท่านหัวหน้าคนป่า ข้าอย่างถามอะไรสักท่านสักอย่าง พวกท่านวางแผนที่จะไล่ล่าไปจนถึงค่ำคืนนี้เลยหรือไม่? หากพวกท่านต้องการเช่นนั้น ข้ายินดีช่วยท่านตามล่าสัตว์ใหญ่ได้” จางลี่เฉินตอบเมื่อกลับสู่ความเป็นจริงและถามด้วยรอยยิ้ม
“ขอบใจท่านมาก บุตรแห่งท้องทะเลผู้ยิ่งใหญ๋” ผู้นำชาวพื้นเมืองตอบรับด้วยความสุขก่อนจะทำหน้าผิดหวัง “แต่ซอยบลูผิวดำตัวนี้เป็นเหยื่อที่ใหญ่ที่สุดที่เราจะสามารถขนย้ายได้…”
“หากเผ่าของพวกท่านอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าสามารถช่วยพวกท่านขนย้ายซอยบลูผิวดำตัวใหญ่ไปไว้ให้ก่อนได้” รอยยิ้มเป็นมิตรปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ดุร้ายของจางลี่เฉินในขณะที่เขาตอบกลับ