ตอนที่ 179

The Great Worm Lich

ไมตรีจิตที่ได้รับจากสัตว์ประหลาดทางทะเลทำให้เหล่าผู้นำชาวพื้นเมืองรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง เมื่อหันมองไปรอบ ๆ เขาชี้ไปยังป่าที่ห่างไกล “บุตรแห่งท้องทะเลที่เคารพ  ชนเผ่าบรรพบุรุษของเราอยู่ภายใต้เชิงเขา…”

 

“ดี…ข้าจะพาอาหารนี้กลับไปที่เผ่าของพวกท่านให้หลังจากนั้นไม่นาน” จางลี่เฉินมองทิศทางตามการชี้นิ้วของชาวพื้นเมืองก่อนจะสังเกตเห็นว่ามันไม่มีอะไรอื่นนอกจากใบไม้ เขามองไม่เห็นเงาของภูเขาเมื่อมองไปยังขอบฟ้า อย่างไรก็ตามเขายังคงยืนยันในคำพูดของตัวเอง

 

เหตุผลที่ชายหนุ่มทำเช่นนั้นแน่นอนว่าไม่ใช่เพราะว่าเขารู้สึกเบื่อหรือเป็นห่วงเป็นใยชาวพื้นเมืองที่นี้ว่าจะอดอยากหรือไม่ แต่เขาต้องการรู้ว่าคาถาความเข้าใจชั่วนิรันดร์มีประสิทธิภาพมากเพียงใด

 

ในความเป็นจริง ข้อพิพาทที่ไม่จำเป็นนับไม่ถ้วนมักเกิดจากความไม่เข้าใจกันระหว่างการสื่อสารจากทั้งสองฝ่าย ในยุคนี้ที่ประตูของอาณาจักรเหนือธรรมชาติปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องบนโลก ไม่เคยมีใครบอกว่าความสามารถในการสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดนั้นจะมีค่ามากเพียงใด มันจำเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะต้องรู้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลาอันสั้น

 

ตอนนี้เขาได้พูดในฐานะสัตว์ประหลาดทางทะเลเพื่อช่วยชาวพื้นเมืองในการล่าสัตว์ ชาวพื้นเมืองจึงเลือกที่จะอยู่ข้างเขาด้วยความเต็มใจ อีกทั้งความเร็วที่พวกเขากินเนื้อก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามเช่นกัน

 

ไม่นานหลังจากนั้นชาวพื้นเมืองที่เติมเต็มอาหารจนเต็มท้องก็เริ่มเปิดภาชนะที่มีลักษณะคล้ายกับเปลือกไม้ไผ่สีน้ำตาลที่ผูกไว้ที่เอวของพวกเขาเพื่อดื่มน้ำเย็นฉ่ำสองสามอึกก่อนจะลุกขึ้นจากพื้นดินขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน

 

เมื่อเห็นว่าชาวพื้นเมืองกินกันจนอิ่มท้องแล้ว จางลี่เฉินเดินเข้าไปใกล้ซอยบลูผิวดำที่ยังมีเนื้อเหลือกว่า 90 % จากนั้นก็จับขาหน้ามันไว้ทั้งสองข้างและยกแบกขึ้นเหนือไหล่ของเขา เขาลองเดิน 2 – 3 ก้าวแล้วพบว่าตัวเองสามารถแบกมันกลับไปได้เขาจึงตะโกนออกไปเสียงดังว่า “คนป่า จงนำทาง แสดงเผ่าที่พวกท่านอยู่ให้ข้าได้เห็น”

 

“อูวะ ๆ ๆ บุตรแห่งท้องทะเลผู้กล้าหาญ ท่านมีพลังมากยิ่งนัก ท่านจะต้องเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาบุตรแห่งท้องทะเล พวกเราชาวเผ่าทูเดอนันขอสรรเสริญท่าน…”  เมื่อเห็นจางลี่เฉินเปียกโชกไปด้วยเลือดสีดำที่ไหลลงมาจากร่างใหญ่ของสัตว์ประหลาดอย่างต่อเนื่องขณะลากเจ้ายักษ์นี้เดินไปข้างหน้า ชาวพื้นเมืองต่างตกตะลึงและส่งเสียงด้วยความปิติ

 

คนหนุ่ม ๆ 2 – 3 คนที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนรีบกระโดดและปีนป่ายไปตามทางเพื่อนำทางให้จางลี่เฉิน จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ค่อย ๆ เดินออกจากป่าเพื่อกลับเผ่า

 

ที่พักอาศัยของชาวพื้นเมืองนี้ตั้งอยู่ในแอ่งภูเขาขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ในป่า ข้างหุบเขาจะมีน้ำตกสายเล็กไหล เนื่องจากทรัพยากรน้ำมีจำกัด ประชากรของทั้งเผ่าจึงน้อยกว่า 2,000 คน พวกเขาทั้งหมดอยู่ในบ้านที่ทำจากเปลือกไม้

 

เผ่านี้มีช่างที่มีฝืมือที่เรียบง่ายและดั้งเดิมอยู่เช่นช่างตีเหล็ก ช่างทำอาวุธ ช่างทำหนัง และอื่น ๆ ไม่เพียงแค่นั้นแต่พวกเขายังมีประวัติอันยาวนานบันทึกไว้ในกระดาษเปลือกไม้อีกด้วย

 

เมื่อจางลี่เฉินลากซอยบลูผิวดำขนาดใหญ่กลับมาที่เผ่าได้สำเร็จ เขาได้รับการต้อนรับจากสมาชิกที่เหลือทั้งหมดของเผ่าอย่างอบอุ่น

 

ในฐานะที่เป็น ‘บุตรแห่งท้องทะเล’ จอมปลอมและสหายที่คิดมีเมตตาต่อหน้าชนเผ่าทูเดอนัน  เขาได้รับเชิญจากหัวหน้าเผ่าให้เข้าสู่บ้านเปลือกไม้ที่ใหญ่ที่สุดถัดจากเสาโทเท็มที่ซึ่งเก็บหนังสือทางประวัติศาสตร์โดยเฉพาะของเผ่าทูเดอนันเอาไว้ภายใน

 

ขณะนั่งอนู่บนเบาะขนปุย จางลี่เฉินกำลังมองดูหนังสือเล่มหนาในมือที่เต็มไปด้วยภาพวาดสัตว์ที่มีสีสันและตัวละครต่าง ๆ จางลี่เฉินสังเกตเห็นว่าภาพในหนังสือเล่มนี้คล้ายกันกับภาพแกะสลักบนโทเท็ม ไม่เพียงเท่านั้นแต่เขายังสามารถเข้าใจความหมายของคำที่เขียนอยู่ในหนังสือนี้ได้อีกด้วย

 

ด้วยความสามารถที่ยอดเยี่ยมของคาถาความเข้าใจชั่วนิรันดร์ทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจขึ้นโดยไม่รู้ตัว

 

เมื่อได้เห็นความตื่นเต้นของสัตว์ประหลาดทางทะเล หัวหน้าเผ่าทูเดอนันที่ใบหน้าเหี่ยวย่นและกำลังดูเหมือนจะง่วงนอนในตอนนี้ก็เอ่ยถามไปว่า “ท่านบุตรแห่งท้องทะเล ข้าสงสัยว่าท่านจะเต็มใจทิ้งภาพของท่านลงไว้ในหนังสือทางประวัติศาสตร์ของชนเผ่าทูเดอนันของเราหรือไม่?”

 

การร้องขอของหัวหน้าเผ่าทำให้นักรบที่ปกป้องเขามาตลอดแสดงใบหน้าที่ดูน่าหวาดกลัวขึ้นมา อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขานึกถึงช่วงเวลาที่จางลี่เฉินผู้ซึ่งถูกปกคลุมด้วยเลือดสดขณะก้าวย่างครั้งใหญ่เพื่อถือร่างสัตว์ยักษ์กลับมาที่เผ่า เขาจำถึงคำพูดของคนที่ออกไปล่าสัตว์ได้ พวกนั้นพูดกันว่าเป็นเพราะสัตว์ประหลาดทางทะเลนี้ที่สามารถฆ่าซอยบลูผิวดำได้ด้วยตัวคนเดียว เนื่องจากฝ่ามือขนาดมหึมาพิมพ์ที่ประกับอยู่หน้าท้องของสัตว์ร้ายนั้นเป็นบาดแผลที่ร้ายแรง และเมื่อระลึกถึงชนเผ่าที่มีประสบการณ์มากว่า 1750 หนาวที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่คนเฮลล์ไฟร์ นักรบลดระดับศีรษะของตัวเองโดยไม่ได้พูดอะไรจากนั้นก็กลับคืนความเคารพที่มีต่อจางลี่เฉินอีกครั้ง

 

“ทิ้งภาพเอาไว้? ข้าทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ?” เมื่อได้ยินคำพูดจากหัวหน้าเผ่า จางลี่เฉินผู้ไม่ทราบถึงความหมายของการทิ้งชื่อของเขาลงบนหนังสือเผ่าของเฮลล์ไฟร์เอ่ยถามอย่างไม่ตั้งใจ

 

แน่นอนถ้าเขาเพิ่มรูปวาดของตัวเองลงไปในหนังสือประวัติศาสตร์ของชนเผ่าทูเดอนัน เขาจะได้รับสิทธิ์ในการเพลิดเพลินกับสิ่งที่เผ่านำเสนอให้ร่วมถึงภาระหน้าที่ในการปกป้องเผ่า

 

“แน่นอนท่านผู้ยิ่งใหญ่ ตราบใดที่ท่านเต็มใจ ข้าสามารถวาดรูปของท่านได้ในทันที”

 

“ท่านเองก็เป็นนักวาดหรือ? ท่านหัวหน้าลูล่า ลูกิ นับเป็นเกียรติสำหรับข้าอย่างมาก” จางลี่เฉินส่งยิ้มแปลก ๆ ขณะส่งหนังสือเปลือกไม้กลับไปให้ที่หัวหน้าเผ่า

 

หัวหน้าเผ่าหยิบหนังสือกลับคืนมาและนำกระดาษเปลือกไม้ที่ไม่ค่อยมีคุณภาพดีนักออกมาจากกล่องไม้ที่วางไว้บนแท่นบูชากลางเหนือที่นั่งอันทรงเกียรติในบ้านเปลือกไม้นี้ จากนั้นเขาก็จุ่มนิ้วของเขาลงไปในเลือดแมลงมีพิษที่มีสีสันก่อนที่จะวาดลงบนกระดาษเพื่อวาดภาพลักษณ์ของจางลี่เฉินที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงแล้วอย่างชัดเจน

 

“ท่านบุตรแห่งท้องทะเล ท่านมีนามว่าอะไรหรือ?”

 

“จางลี่เฉิน” เดิมทีชายหนุ่มต้องการปลอมแปลงชื่อตัวเองแก่ชาวพื้นเมืองที่มีผมหงอกอยู่ข้างหน้าเขา แต่แล้วชื่อภาษาจีนของเขาก็โพล่งออกมาจากปากของเขาแทน

 

สถานการณ์ที่มอบคำอธิบายใด ๆ ให้ไม่ได้ทำให้จางลี่เฉินตกตะลึงเนื่องจากลางสังหรณ์ไม่ดีที่เกิดขึ้นในใจ ใเวลาตอนนั้นหัวหน้าเผ่าทูเดอนันได้วางกระดาษเปลือกแข็งลงแล้ววาดรูปของเขาลงในหนังสือประวัติศาสตร์ของชนเผ่า นอกจากนี้เขายังเขียนคำสองสามคำเป็นภาษาเฮลล์ไฟร์ที่มีการออกเสียงคล้ายกันกับชื่อ ‘จางลี่เฉิน’ ลงไปอีกด้วย

 

ขณะที่ชายชรากำลังนั่งอยู่บนพื้น เขาก้มศีรษะของตัวเองจมไปกับหน้าอก “จางลี่เฉิน ผู้พิทักษ์ของเผ่า ขอให้ท่านอยู่ปกป้องทูเดอนันไปชั่วนานกัลปาวสานเทอญ”

 

นักรบที่อยู่ด้านหลังคุกเข่าขณะถือหอกยาวพร้อมกับก้มศีรษะของพวกเขาให้จางลี่เฉิน

 

เป็นเรื่องที่ดีที่นอกเหนือจากการเปลี่ยนทัศนคติการให้ความเคารพและยอมจำนนต่อจางลี่เฉินแล้วมันไม่มีสิ่งแปลกใด ๆ เกิดขึ้นตามมา ราวกับหัวใจของจางลี่เฉินถูกยกระดับขึ้นจนในที่สุดเขาก็สามารถผ่อนคลายลงได้บ้าง

 

อย่างไรก็ตามมันยังมีความน่ากลัวอยู่ด้วยเสมอกับทุกสิ่ง แม้เขาจะโล่งใจแต่เขาก็ตัดสินใจอะไรขึ้นมาได้ 2 สิ่ง

 

หนึ่ง – เขาจะไม่ยอมรับคำขอแปลก ๆ ที่เขาไม่เข้าใจไม่ว่าจะเป็นบนอาณาจักรเหนือธรรมชาติหรือบนโลก

 

สอง – เขาต้องการออกจากเผ่าทูเดอนันตอนนี้ทันที!

 

“ท่านหัวหน้าลูล่า ลูกิ ข้าได้ยินเสียงข้อความจากสายลม ท้องทะเลกำลังเรียกหาตัวข้า…” ชายหนุ่มสร้างสิ่งสมมุติขึ้นมาและวิ่งออกจากบ้านเปลือกไม้ไปอย่างรวดเร็ว  โดยไม่ต้องหันไปดูนักรบที่กำลังรอเขาอยู่ด้านนอกเพื่อตามล่า เขากระโดดขึ้นไปพร้อมกับพลังทั้งหมดที่เขามี

 

ด้วยความสูงจากการกระโดดเกือบ 100 เมตรท่ามกลางการจ้องมองของชาวพื้นเมืองที่กำลังตกตะลึง จางลี่เฉินเพียงก้าวเดินต่อไปไม่กี่ก้าวเขาก็ได้หายเข้าไปในป่าลึกทันที

 

ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว หลังจากที่ชายหนุ่มออกกระโจนด้วยความสามารถทั้งหมดที่เขามี เชาใช้เวลา 2 – 3 นาทีหลังตรวจสอบทิศทางของตัวเอง เขาพุ่งชนกับต้นไม้ยักษ์ไปหลายร้อยต้นก่อนจะไปที่ชายหาดที่อลิซาเบธ ฮอลิเดย์เคยติดอยู่ก่อน

 

เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า จางลี่เฉินได้จดจำตำแหน่งของดาวที่ส่องสว่างทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จากนั้นเขาก็สั่งให้เวิร์มดราก้อนขยายตัวและขึ้นขี่สัตว์อาคมของตัวเอง เขาพุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าและแยกเมฆออกเป็นสองส่วนเพื่อจะได้บินขึ้นไปยืนอยู่เหนือทะเล

 

อาศัยสัญญาณตามตำราโหราศาสตร์ ชายหนุ่มสั่งให้เวิร์มดราก้อนบินตรงไปในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ตามเขาได้ปรับมุมมองของการบินอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าในลักษณะแบบการหมุนของพัดลม ในที่สุดเมื่อถึงรุ่งเช้ามาถึง เขาก็ได้ยินเสียงแตรรถที่คลุมเครือดังมาจากระยะไกล

 

“ออกมาได้แล้ว! ออกมาจากอาณาจักเหนือธรรมชาติและกลับมาบนโลกอีกครั้งได้แล้ว!”  จางลี่เฉินพึมพำด้วยความประหลาดใจและด้วยความยินดีท่ามกลางเมฆของกระแสไฟฟ้าขนาดเล็ก

 

เขาเพ่งตาเพื่อจะได้มองเห็นอะไรได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในที่สุดเขาก็พบแสงบอบบางที่ค่อย ๆ ลอยไปบนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

 

ในไม่ช้าเขาก็สั่งให้เวิร์มดราก้อนบินไปตามแสงเพื่อมาที่ท่าเรือควีนส์ที่มีแสงสว่างในนิวยอร์ก จากนั้นเขาก็บินออกจากเมืองไปตามแนวชายฝั่ง 10 นาทีต่อมาเขาก็ได้เห็นโรงงานขนาดใหญ่ของตัวเองที่ตั้งอยู่ชานเมืองของนิวยอร์ก

 

“ในที่สุด!” จางลี่เฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอกอยู่นานทำให้ร่างกายของเขาลดลงไปเกือบ 20 เซนติเมตร จากนั้นเขาก็กระโดดลงจากหลังของสัตว์อาคม

 

หลังจากว่ายน้ำขึ้นฝั่งแล้วเขาก็แอบเข้าไปในโรงฆ่าสัตว์ LS อย่างระวัง เปิดประตูด้วยลายนิ้วมือและรูม่านตาก่อนจะกลับขึ้นไปที่สำนักงานของตัวเอง

 

ในความมืดสุดท้ายช่วงรุ่งสาง ชายหนุ่มกลับมาอยู่ในร่างขนาดปกติและอาบน้ำอุ่นในห้องน้ำก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่

 

หลังจากที่เขาฟื้นสภาพกลับมาเป็นผู้มีอารยะธรรมตามเดิมได้แล้ว เขาก็หยิบโทรศัพท์และกุญแจจากโต๊ะเพื่อเดินออกจากสำนักงานไป

 

ขณะนั้นเองที่ดวงอาทิตย์เริ่มลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อมอบแสงสว่างมากขึ้น ก่อนที่เขาจะขึ้นรถจางลี่เฉินตระหนักได้ว่าภายในโรงงานของเขาถูกฉาบไปด้วยโปสเตอร์สำหรับการหาเสียงของพรรคริพับลิกัน  ไม่เพียงเท่านั้นแต่ยังมีการเรียกร้องเชิญชวนให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการเลือกพรรครีพับลิกันและทางโรงงานจะจัดรถรับส่งและอาหารเย็นให้ฟรี ๆ

 

สิ่งนี้คงเป็นสิ่งที่ชาร์ลีทำเอาไว้เพื่อผู้สมัครทำเนียบขาวที่ทรงพลังบางคนภายใต้คำสั่งของพ่อทีน่า เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเบา ๆ ขึ้นมาเพียงลำพัง

 

ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีมันเป็นไปไม่ได้ที่ประชาชนจะลงคะแนนเสียงให้กับคนแปลกหน้าที่พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน

 

ดังนั้นนอกเหนือไปจากการสะสมประสบการณ์ทางการเมืองดั้งเดิมของพรรค ผู้สมัครผ่านการปราศรัย ทีมหาเสียง และรูปแบบดังกล่าวเพื่อแสดงเสน่ห์ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากในการโฆษณาและเชื้อเชิญทางการเมืองและธุรกิจที่มีอิทธิพลในสังคมเพื่อสร้างแรงผลักดันให้กับตัวเอง

 

แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่โรงฆ่าสัตว์ LS จะบังคับให้เกษตรกรทุกคนลงคะแนนเสียงให้กับพรรครีพับลิกัน แต่มันอาจขึ้นอยู่กับคำขวัญในโรงงาน   การชุมนุมที่เป็นประโยชน์การเลือกตั้ง และการสื่อสารของผู้อำนวยการสหภาพเกษตรกรหลายร้อยแห่งที่มีอิทธิพลต่อการเลือกอนาคตของประชากรเกษตรเกือบ 30% ในนิวยอร์ก เป็นที่ที่ซึ่งคุณค่าทางการเมืองของจางลี่เฉินก่อตั้ง

 

คำว่าคุณค่าอาจฟังดูอ่อนโยนและนุ่มนวล แต่ในสหรัฐอเมริกาไม่มีการช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่เบื้องหลังสำหรับผู้สมัครที่ประสบความสำเร็จ