หลังจากที่ส่งโจวเหวินอี้แล้วหลิงหยุนจึงเดินกลับไปหาหลิงลี่ที่บ้าน..
“หลิงหยุน..เจ้ามอบแหวนพื้นที่ให้กับโจวเหวินอี้งั้นรึ!”
หลิงหยุนยิ้มให้กับหลิงลี่พร้อมกับตอบไปว่า“ใช่แล้วท่านปู่!”
“แต่ท่านปู่ไม่ต้องนึกเสียดายข้าจะสร้างแหวนพื้นที่อีกสักกี่วงก็ได้ แต่ที่ข้าไม่สามารถหาได้ก็คือทรัพยากรที่จะใช้สำหรับฝึกวิชา..”
“ท่านปู่..แหวนพื้นที่หนึ่งวงแลกกับตำแหน่งในหน่วยนภาหกตำแหน่ง อีกทั้งยังได้ทรัพยากรในการฝึกวิชาเพิ่มเป็นสองเท่า ตระกูลหลิงมีแต่ได้กับได้!”
หลิงลี่ได้ฟังจึงเอ่ยถามหลิงหยุนขึ้นว่า“ถ้าเช่นนั้นเจ้าคิดเห็นกับการมาของโจวเหวินอี้ในวันนี้เช่นใดบ้าง”
หลิงหยุนตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“เห็นได้ชัดว่าโจวเหวินอี้มาวันนี้ก็เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงเรา หลังจากมั่นใจแล้ว เขาจึงตัดสินใจเช่นนั้น!”
“ข้าคิดว่าโจวเหวินอี้คงจะตกใจไม่น้อยไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อยู่ร่วมโต๊ะกับเราแน่!”
“หลิงหยุน..เมื่อครู่หากเจ้าประมือกับโจวเหวินอี้จริงๆ ผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะ!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ย่อมต้องเป็นข้าแน่นอนท่านปู่!”
“งั้นรึ!”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดโจวเหวินอี้ยังต้องยอมยื่นข้อเสนอเช่นนั้นให้เจ้าด้วย!”
หลิงหยุนอธิบายให้หลิงลี่ฟังว่า“ท่านปู่.. ต่อให้โจวเหวินอี้จะสามารถเอาชนะข้าได้ แต่ข้าเชื่อว่าเขาไม่มีทางสังหารข้าได้ อีกทั้งตัวข้าเองก็ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว..”
“ท่านปู่..เช่นนี้แล้วท่านคิดว่าโจวเหวินอี้จะสามารถสกัดกั้นข้าได้นานเพียงใดงั้นรึ!”
หลิงหยุนอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ“อีกทั้งตระกูลหลิงในเวลานี้ ผู้ใดก็ยากที่จะฉุดรั้ง หรือสกัดกั้นไว้ได้เช่นกัน!”
หลิงลี่ได้ฟังถึงกับหัวเราะออกมาและพูดขึ้นด้วยความโล่งใจ “ฮ่า.. ฮ่า.. จริงอย่างที่เจ้าพูด! เวลานี้นับได้ว่าตระกูลหลิงของเราแข็งแกร่งกว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนเสียด้วยซ้ำไป!”
หลิงหยุนรินชาลงในถ้วยให้กับหลิงลี่และแสร้งถามขึ้นว่า “ท่านปู่.. แล้วหากเทียบตระกูลหลิงในตอนนี้กับเมื่อสี่สิบปีก่อนเล่า”
ในตระกูลหลิงนั้น..ไม่มีผู้ใดอยากจะล่วงรู้ความลับเมื่อสี่สิบปีก่อนเท่าหลิงหยุนอีกแล้ว เพราะมันสำคัญกับเขายิ่งนัก!
“นับว่ายังห่างไกลกันมากนัก!”
หลิงลี่ตอบกลับโดยไม่ต้องคิด..น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “หากวันนี้เป็นเมื่อสี่สิบปีก่อน แม้แต่คนอย่างโจวเหวินอี้ ก็คงไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าท่านปู่ และท่านลุงของข้าเป็นแน่!
“…..” หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกและได้แต่แอบคิดในใจว่า เมื่อสี่สิบปีก่อนนี้ตระกูลหลิงจะแข็งแกร่งถึงเพียงใหนกันแน่!
และครั้งนั้นตระกูลหลิงจะเป็นเพียงแค่ตระกูลของผู้บ่มเพาะพลังที่ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องของชาวโลกหรือจะเป็นตระกูลหลิงดังเช่นที่เป็นอยู่นี้?!
ปัง!
แต่หลังจากที่เผลอพูดออกไปแล้วหลิงลี่ก็กระแทกถ้วยชาลงกับโต๊ะทันที พร้อมกับหันไปตำหนิหลิงหยุน
“เจ้าเด็กคนนี้นี่..นี่เจ้ากล้าหลอกถามข้าเชียวรึ!”
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มออกมา..ในขณะที่หลิงลี่เองก็ถอนหายใจออกมา แล้วบอกกับหลิงหยุนว่า
“หลิงหยุน..เรื่องราวเมื่อสี่สิบปีก่อนนั้นเกี่ยวข้องกับหลายฝ่ายมากเหลือเกิน อีกทั้งยังเป็นความลับด้วย หากเจ้าอยากจะรู้เรื่องนี้จริงๆ ข้าว่าเจ้าควรจะไปถามเฒ่าฉินฉางชิงผู้นั้น เขาจะสามารถบอกเล่าให้เจ้าฟังได้ดีกว่าข้ามาก..”
จากนั้นหลิงลี่ก็ถอนหายใจและพูดต่อว่า “เฮ้อ.. ความคับแค้น และความทุกข์ใจของตระกูลฉินนั้น ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าตระกูลหลิงของเราเลย!”
“หลิงหยุน..ไว้ถึงเวลาที่เหมาะสม ปู่จะเล่าทุกอย่างให้เจ้าฟัง และเมื่อถึงเวลานั้นไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจเช่นใด ปู่ก็พร้อมสนับสนุนและยืนเคียงข้างเจ้า!”
หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆและไม่ถามสิ่งใดต่อ..
“หากให้ข้าคาดเดา..ข้าว่าโจวเหวินอี้น่าจะอยู่ในระดับที่หกของขั้นพลังเหนือธรรมชาติ!”
“ในเมื่อหัวหน้าอาวุโสของหน่วยนภาอยู่ในขั้นนี้ข้าว่ายอดฝีมือระดับสูงสุดของตระกูลหลงกับตระกูลเย่นั้น ก็ไม่น่าจะสูงกว่านี้ เพียงแต่ว่ามีกี่คนเท่านั้นเอง” “ส่วนตัวข้าเวลานี้อยู่ในระดับสูงสุดขั้นซานฉางชี่และข้ามั่นใจว่าในเวลาเพียงแค่สองเดือน ข้าจะสามารถเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่ได้เป็นแน่!”
เวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซานฉางชี่(ขั้นพลังชี่-3) และหลังจากที่ร่างกายดูดซับเอาปราณราชามังกรภายในพระราชวังต้องห้ามเข้าไปอย่างมากมายนั้น ไม่เพียงร่างกายของเขาที่แข็งแกร่งมากขึ้น แม้แต่สมบัติล้ำค่าในตัวเขาก็แข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย..
หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับพูดอย่างภูมิอกภูมิใจ“ท่านปู่.. ข้าเชื่อว่าตราบใดที่ข้าสามารถเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหลง ตระกูลเย่ หรือแม้แต่หน่วยนภา หรือหน่วยมังกร ก็ยากที่จะรับมือข้าได้!”
“ดีมาก!”
หลิงลี่ร้องออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับถามขึ้นว่า “จนถึงตอนนี้เจ้ายังไม่เคยใช้วิชาพลังมังกรเลยไม่ใช่รึ!” “ท่านปู่..วิชานี้พลังมังกรไม่ควรใช้สุ่มสี่สุ่มห้า เพราะเป็นวิชาที่ใช้ระเบิดพลังในร่าง เสมือนการเบิกเงินเกินบัญชี นอกจากจะมีผลกระทบตามมาแล้ว ยังทำให้การฝึกวิชาต่างๆล่าช้าตามไปด้วย ควรใช้ในยามที่เกิดวิกฤตกับชีวิตจริงๆเท่นั้น!”
และนี่คือไพ่ใบสำคัญในมือของหลิงหยุนหลิงหยุนเตรียมไว้ใช้กับหลงฮ่าวหลาน เย่ชิงเฟิง และโจวเหวินอี้เท่านั้น..
“ท่านปู่..ท่านกับท่านพ่อเองก็เช่นกัน หากใช้วิชาพลังมังกรก็สามารถสังหารยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับสาม หรือสี่ได้เลยทีเดียว!”
“ท่านปู่..นับตั้งแต่ตระกูลหลิงของเราผงาดขึ้นมาได้อีกครั้งนั้น ดูเหมือนทั้งตระกูลหลง และตระกูลเย่ต่างก็ยังคงนิ่งดูท่าที ไม่มีผู้ใดแสดงเจตนาว่าต้องการมีเรื่องกับตระกูลหลิงเลย..”
“ข้าคิดว่าทั้งหลงฮ่าวหลานและเย่ชิงเฟิงต่างก็รู้ดีว่า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเรื่องกับตระกูลหลิงของเรา ผลก็ก็คือตระกูลหลิงกับอีกฝ่ายย่อมต้องพ่ายแพ้ด้วยกันทั้งคู่ ส่วนผู้ที่ยืนดูอยู่ห่างๆ ก็จะทำหน้าที่คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อย่างสบายใจ..”
“ด้วยเหตุนี้..ปักกิ่งจึงต้องมีสามตระกูลใหญ่ค้ำยันเพื่อความสมดุลย์!”
หลิงลี่ได้ฟังการวิเคราะห์ของหลิงหยุนก็ถึงกับหัวเราะออกมาอย่างพอใจ “ฮ่า.. ฮ่า.. เจ้าวิเคราะห์ได้มีเหตุมีผลยิ่งนัก!”
“แต่ดูเหมือนเวลานี้ตระกูลหลงกำลังอยากจะมีเรื่องกับตระกูลหลิงของเราและพวกมันก็ได้เริ่มลงมือแล้ว..” หลิงหยุนเปรยขึ้นเบาๆ
“ห๊ะ!”
หลิงลี่ถึงกับถามออกมาด้วยความตกใจ“เป็นไปได้อย่างไรกัน! ตระกูลหลงนี่นะเริ่มลงมือแล้ว?”
หลิงหยุนตอบกลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย“อาจเป็นเพราะเมื่อวานข้าได้สร้างความไม่พอใจให้กับตระกูลหลงโดยไม่ตั้งใจ และหลงฮ่าวหลานก็คงไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นวันนี้โจวเหวินอี้คงไม่มาถึงตระกูลหลิงของเราเป็นแน่!”
หลิงลี่ผุดลุกขึ้นพร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห“นี่เจ้าหมายความว่าที่โจวเหวินอี้มาที่นี่ก็เพราะตระกูลหลงสั่งงั้นรึ”
หลิงหยุนส่ายหน้า“ตระกูลหลงไม่ได้สั่งโจวเหวินอี้โดยตรง แต่ใช้วิธีกดดันหน่วยนภาต่างหากเล่า!”
“ไม่เช่นนั้น..ผ่านมาตั้งเจ็ดวันแล้ว เหตุใดหน่วยนภาจึงเพิ่งตัดสินใจมาที่นี่กันเล่า!”
หลิงลี่ถามย้ำเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง“หลิงหยุน.. นี่เจ้ามั่นใจว่าว่าตระกูลหลงกำลังประกาศศึกกับตระกูลหลิงจริงๆอย่างนั้นรึ”
หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบไปว่า“หลงฮ่าวหลานอาจไม่ถึงกับประกาศสงครามกับตระกูลหลิงอย่างจริงจัง แต่ในวันข้างหน้าก็คงยากที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ของสองตระกูลได้!” หลิงลี่ถึงกับอึ้งไปจากนั้นจึงถามขึ้นว่า “เจ้าไปทำอะไรให้ตระกูลหลงไม่พอใจงั้นรึ”
หลิงหยุนลุกขึ้นยืนพร้อมตอบกลับไปว่า“ความจริงแล้วข้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจ.. เมื่อวานที่ข้าไปเที่ยวพระราชวังต้องห้ามนั้น ข้าได้ดูดเอาปราณมังกรที่อยู่ภายในพระราชวังเข้าไป ก็เท่านั้นเอง..”
“อ่อ..ถ้าเป็นเรื่องนี้ก็ไม่น่าแปลก!”
หลิงลี่ได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความตกใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ตระกูลหลงใช้ปราณมังกรในการฝึกบ่มเพาะพลังมาตั้งแต่สมัยบรรพชน อีกทั้งยังมีหน้าที่ปกป้องปราณมังกรภายในพระราชวังต้องห้ามด้วย ความจริงตระกูลหลงก็สงวนไว้ให้กับทายาทของตนเองเท่านั้น..”
แต่หลิงลี่กลับหยุดอยู่เพียงแค่นั้นเขาไม่อยากพูดต่อว่าการที่หลิงหยุนไปขโมยทรัพยากรในการฝึกวิชาของตระกูลหลงเช่นนั้น ตระกูลหลงย่อมไม่วันให้อภัยแน่!
และหากมีชาวยุทธเข้ามาขโมยดูดซับพลังชีวิตภายในค่ายกลหลุมพลังในบ้านตระกูลหลิงไปจนหมดคนตระกูลหลิงก็ไม่มีทางให้อภัยเช่นกัน!
แต่หลิงหยุนกลับพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย“ใครจะไปรู้ว่าภายในพระราชวังต้องห้ามจะปราณมังกรกันเล่าท่านปู่ และที่สำคัญข้าเองก็ไม่รู้ว่าปราณมังกรภายในพระราชวังแห่งนั้นจะเป็นของตระกูลหลงด้วย!”
มีหรือที่หลิงหยุนซึ่งมีทั้งเตียงมังกรและตราจักรพรรดิจะไม่รู้ว่าภายในพระราชวังต้อห้ามมีปราณมังกร
“หลิงหยุน..เจ้าเด็กตัวแสบ!”
แต่แล้วจู่ๆหลิงลี่ก็คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบถามขึ้นว่า “หลิงหยุน.. แล้วเจ้าดูดซับปราณมังกรเหล่านั้นเข้าไปได้อย่างไรกัน! มัน.. มันไม่น่าเป็นไปได้?!”
หลิงหยุนแสร้งทำหน้าไม่รู้เรื่องและตอบกลับไปว่า “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน.. จู่ๆ ปราณมังกรที่อยู่ตามสถานที่ต่างๆ ก็พุ่งเข้าไปในร่างกายของข้าเอง ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย!” “แต่หลังจากที่ใคร่ครวญเรื่องนี้อยู่นานข้าคิดว่าสาเหตุอาจมาจากการที่ข้าดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปอย่างต่อเนื่องตลอดหกเดือนที่ผ่านมานี้ก็เป็นได้!”
“ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น..”
แต่แล้วหลิงลี่ก็จ้องหน้าหลิงหยุนนิ่งพร้อมกับถามต่อว่า“หลิงหยุน.. หากเป็นเช่นนี้ ในวันข้างหน้าเจ้าไม่ต้องแก่งแย่งปราณมังกรกับตระกูลหลงหรอกรึ!”
หลิงหยุนพยักหน้า“ก็น่าจะต้องเป็นเช่นนั้น.. ด้วยเหตุนี้ความขัดแย้งระหว่างตระกูลหลงกับตระกูลหลิง ก็เพียงแค่เริ่มต้นขึ้นเท่านั้น!”
“…..”
หลิงลี่ถึงกับพูดไม่ออก..
เพราะความจริงแล้วก่อนหน้านี้หลิงลี่ยังแอบคิดว่าหลังจากที่ตนเองเข้าสู่ระดับสองขั้นพลังเหนือธรรมชาติเมื่อใด เขาก็จะไปตระกูลหลงเพื่อผูกสัมพันธไมตรี อย่างน้อยก็ไม่ต้องมีปัญหากับตระกูลหลงภายในระยะเวลาสามถึงห้าปีนี้..
แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้จบสิ้นลงแล้ว!
เพราะปราณมังกรนั้นเปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่าของตระกูลหลง!
ที่ผ่านมาเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงล้วนฝึกฝนวิชาโดยอาศัยปราณเสวียนหวงจึงไม่เคยเกิดปัญหาเช่นนี้มาก่อน แต่เวลานี้หลิงหยุนกลับสามารถดูดซับปราณมังกรเข้าไปได้ อีกทั้งในวันข้างหน้ายังมีแนวโน้มที่จะต้องการปราณมังกรจำนวนมากอีกด้วย เช่นนี้แล้วจะสามารถแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างสองตระกูลได้อย่างไรกัน ไม่มีทางเป็นไปได้เลย!
“เอาล่ะ..ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ปู่ก็พร้อมที่จะสนับสนุน และยืนเคียงข้างเจ้า!”
เพราะที่หลิงหยุนพูดมานั้นก็ไม่ผิด..ปราณมังกรไม่ใช่ของตระกูลหลงแต่เพียงผู้เดียว และใช่ว่าสิ่งใดที่ตระกูลหลงต้องการ ผู้อื่นจะไม่สามารถหยิบฉวยได้! “ขอบคุณท่านปู่!”
หลังจากขอบคุณหลิงลี่แล้วหลิงหยุนก็มีท่าทีลุกลี้ลุกลนคล้ายต้องการจะรีบหนีให้ไกลจากหลิงลี่..
“เจ้าไม่ต้องรีบร้อนกลับนัก..”
หลิงลี่ร้องบอกหลิงหยุนอย่างรู้ทัน..
“ท่านปู่..เรื่องตำแหน่งในหน่วยนภาข้าให้ท่านไม่ได้จริงๆ!” หลิงหยุนร้องบอกหลิงลี่ทันทีเช่นกัน
หลิงลี่ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก“เหตุใดจึงให้ข้าไม่ได้”
หลิงหยุนยิ้มให้หลิงลี่พร้อมกับอธิบายว่า“ท่านปู่.. หากท่านต้องการทำเพื่อบ้านเมือง ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกของหน่วยนภาก็สามารถช่วยบ้านเมืองได้ แต่หากท่านปู่ต้องการเข้าหน่วยนภาเพราะอยากจะได้ทรัพยากรสำหรับฝึกวิชา ท่านปู่บอกข้ามาได้เลย เท่าไหร่ข้าก็หาให้ท่านปู่ได้..”
หลิงลี่ได้ฟังคำอธิบายของหลิงหยุนจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก “หลิงหยุน.. ข้าขอบอกเจ้าตามตรง.. ข้าต้องการเข้าร่วมในหน่วยนภาเพราะต้องการชื่อเสียง!”
หลิงหยุนจึงอธิบายให้หลิงลี่ฟังว่า“ท่านปู่.. เวลานี้สมาชิกตระกูลหลิงทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เดินเข้าสู่เส้นทางบ่มเพาะกันทุกคนแล้ว บนเส้นทางบ่มเพาะพลังนั้น นอกเหนือจากทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการฝึกเพื่อพัฒนาขั้นแล้ว สิ่งอื่นยังจะมีความหมายอะไรอีกเล่า..”
“…”
หลิงลี่ถึงกับพูดไม่ออก..
หลิงหยุนจึงพูดต่อว่า“ท่านปู่.. ท่านเองก็อายุมากแล้ว จะหลงใหลกับสิ่งลวงตาอย่างชื่อเสียงเกียรติยศไปทำไมกัน!”
หลิงลี่ไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้เถียงหลิงหยุนได้จึงได้แต่ถามขึ้นว่า “เช่นนั้นแล้วเจ้าคิดที่จะให้ผู้ใดเข้าร่วมกับหน่วยนภา”
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ“ตัวข้า.. ตี้เสี่ยวอู๋..แล้วก็โม่วู๋เตา ส่วนอีกสามคนข้ายังไม่ได้คิด!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็วิ่งหายไปทันที ปล่อยให้หลิงลี่ยืนบ่นพึมพำ “เฮ้อ.. เจ้าเด็กคนนี้นี่!”
“ตระกูลหลงงันรึ!”
หลิงลี่ยกมือขึ้นลูบคางไปพร้อมกับพึมพำออกมาในที่สุดก็ส่งกระแสจิตไปให้หลิงเสี่ยว
“ลูกสาม..เจ้ามาหาข้าที่บ้านที!”