ตอนที่ 1171 - ผลักกระแสสองด้าน

The Divine Nine Dragon Cauldron

“ขอบคุณเจ้ามากข้าจะกลับไปสั่งจับนางทันที”
  นางลึกขึ้นและกล่าวลาแต่ก็หยุดเดินเมื่อไปถึงประตู
  นางให้หยกสื่อสารกับซือหยู
  “ติดต่อข้ามาถ้านึกอะไรขึ้นได้โอ้ จริงด้วยสิ ข้าชื่อเจิ้งหยวนชิง”
  ซือหยูพยักหน้าโดยไม่รู้ตัวเขาตัวแข็งทื่อในทันที เขาใจเต้นแรง!
  เจิ้งหยวนชิง?ผู้คุมกฎอาวุโสอันดับหนึ่งและเทพในตำนานคนนั้น!!
  ซือหยูเสียวสันหลังโชคดีที่เขาแสร้งทำเป็นสุขุมในเบื้องหน้าได้ เทพจึงไม่สังเกตอะไร
  เจิ้งหยวนชิงไม่เห็นสีหน้าที่แปลกไปชั่วขณะของซือหยูนางพยักอย่างด้วยความรู้สึกผิดด้วยหน้าที่แดงระเรื่อก่อนจะจากไป
  หยางไท่มองซือหยูพลางครุ่นคิดแม้ว่าเครือข่ายข่าวสารของศูนย์การค้าจะไม่ข้องเกี่ยวกับจิวโจว แต่ดูจากที่เขารู้ มีเรือผู้คุมกฎอาวุโสได้แล่นออกไปก่อนที่ซือหยูจะขึ้นเรือออกจากจิวโจว
  ความผิดพลาดของข่าวเล็กน้อยเช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
  แต่เมื่อไร้หลักฐานหยางไท่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ แต่ถึงจะมี…เมื่อเขาคิดถึงความเจ้าเล่ห์ของซือหยู หยางไท่ก็ส่ายหน้า เขาไม่คิดจะเป็นศัตรูกัน
  หลังจากทั้งสองจากไปซือหยูคิดในความเงียบ
  มีเพียงฟ้าดินเท่านั้นที่รู้ว่าเขาสังหารผู้คุมกฎฉินคั่วไม่มีใครนอกจากตัวซือหยูและเทพปีศาจที่รู้ แม้แต่เทพกิเลนยังไม่รู้เรื่องนี้เลย
  แต่เขาจะรู้หรือว่าเทพปีศาจพูดถูกในเรื่องที่พันธมิตรบูรพามีวิธีสืบวิเศษ?พวกเขาไม่จำเป็นต้องสืบหาความจริงจากปากผู้ใดเลย  นายน้อยแห่งเทพตำราได้แอบวางกับดักเผื่อซือหยู
  ร่างทมิฬแล่นประตูขณะซือหยูที่กำลังกลุ้มใจ
  ซือหยูชักสีหน้ามีเซียนขั้นสูงสุดจากตระกูลเทพกระเรียนมาป้องกันตำหนักนี้ ใครกันที่สามารถเข้ามาในตำหนักได้โดยที่เซียนเหล่านั้นไม่รู้ตัว?
  ด้วยความตกใจและสงสัยซือหยูเปิดประตูและพบเศษกระดาษที่หน้าประตู
  เขาม้วนมันขึ้นมาด้วยพลังเพื่อป้องกันตัวจากอาวุธลับเมื่อเขาคลายม้วนกระดาษ เขาพบข้อความเขียนเอาไว้
  เมื่อได้อ่านซือหยูหรี่ตาทันที!
  สีหน้าเขาเปลี่ยนไปหลายครั้งเขาเดินไปมาในตำหนักและคิดหนัก
  “เหอเสี่ยวหลานเข้ามา”
  พักใหญ่กว่าที่เขาจะเริ่มพูด
  เหอเสี่ยวหลานมาด้วยความไม่เต็มใจทั้งโมโหและรำคาญ นางผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของซือหยู
  “มีข่าวดีและข่าวร้ายสำหรับเจ้าเจ้าจะฟังข่าวไหนก่อนล่ะ?”
  ซือหยูถาม
  เหอเสี่ยวหลานหันมอง
  “ข่าวดี”
  “ข่าวดีก็คือข้าจะปล่อยเจ้าข้าจะไม่ยุ่งกับอิสระเจ้าอีกต่อไป แน่นอนว่าเจ้าไปได้ตั้งแต่ตอนนี้”
  ซือหยูไม่ได้ล้อเล่นเลย
  เหอเสี่ยวหลานดีใจแต่นางก็ไม่เคลื่อนไหว นางมองเขาอีกครั้งและถาม
  “แล้วข่าวร้ายล่ะ?”
  ซือหยูจ้องมองเหอเสี่ยวหลานครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
  “ข่าวร้ายคือตัวข้าที่เป็นผู้สืบสวน จำเป็นต้องไล่ล่าเจ้า แม้ว่าเจ้าจะหนีไปถึงสุดขอบโลก!”
  เหอเสี่ยวหลานถอนหายใจแรง
  “เจ้าพยายามจะทำอะไรกันแน่?”
  ฟึ่บ!
  “เจ้าอ่านเองสิ”
  ซือหยูโยนแผ่นกระดาษให้นาง
  เหอเสี่ยวหลานคลี่กระดาษอ่านด้วยความสงสัยและตกใจจากนั้นนางก็ชักสีหน้า นางตะโกนด้วยความแค้นและโกรธเกรี้ยว
  “คังเตี้ยยี่ยังไม่ตายเรอะ?มันตกไปอยู่ในมือพี่ใหญ่ข้าสินะ?”
  เหอเสี่ยวหลานรู้ดีกว่าใครว่าพี่ชายทั้งสองของนางมองนางอย่างไรนางคือลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของท่านพ่อ! ทั้งสองอยากให้นางตายก่อนใคร!
  พี่กลางนั้นไม่เป็นไรแต่พี่ใหญ่นั้นถวิลหาวันตายของนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพื่อที่ท่านพ่อจะให้มอบบัลลังก์เทพกับเขา  เมื่อคังเตี้ยยี่ตกอยู่ในมือพี่ใหญ่หากเขาประกาศข่าวกับทั้งโลก แม้แต่เทพกระเรียนก็ช่วยนางไม่ได้!
  ไม่แปลกเลยที่ซือหยูขอให้นางหนีไปเพราะความตายกำลังจะมาถึงนางแล้ว!
  “ถ้าเจ้าหนีข้าจะใช้โอกาสนี้ตามล่าเจ้าและหนีออกจากโลกเทพกระเรียน ทั้งเจ้ากับข้าจะได้ประโยชน์ เจ้าว่าอย่างไร?”
  ซือหยูแนะนำ
  เมื่อเหอเสี่ยวหลานมีความผิดเทพกระเรียนย่อมระเบิดความโกรธใส่ซือหยู และเขาจะต้องตายอย่างไร้ความหมาย
  ดังนั้นก่อนที่เรื่องจะเกินมือซือหยูต้องทำการไล่ล่าเหอเสี่ยวหลานที่หนีจากความผิด เมื่อข่าวกระจ่ายออกมา ซือหยูก็หนีไปไกลโดยไร้ร่องรอยให้ติดตามแล้ว
  “ไม่มีทาง!”
  เหอเสี่ยวหลานตะโกนด้วยความโกรธนางจะนั่งรอความตายอยู่เฉย ๆ ได้อย่างไร?แต่ซือหยูไม่ได้ร้อนรนเลย เขากลับยิ้ม
  “เจ้าคิดแบบนั้นข้าก็โล่งใจ”
  เหอเสี่ยวหลานมีความหวัง
  “เจ้าหาทางออกได้หรือ?”
  เหอเสี่ยวหลานรู้จักความล้ำลึกในอุบายของซือหยูสุดขั้วหัวใจ
  แต่ถ้าหากนางจับมือกับเขามันจะเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ไม่มีใครคาดคิด!
  ซือหยูกับนางลงเรือลำเดียวกันแล้วไม่มีใครอยากจะให้ข่าวแพร่งพรายออกไป
  “ไม่ใช่ทางออกแต่เป็นการวางแผน!”
  ซือหยูยิ้ม
  แววตาเหอเสี่ยวหลานเต็มไปด้วยความดีใจ
  “ข้าจะช่วยเจ้าอย่างดีที่สุดต้องการอะไรจงบอกมา”
  ซือหยูลังเลอยู่นานก่อนจะตอบ
  “มันเป็นกลยุทธ์ที่จะจัดการทุกอย่างในคราเดียวสำหรับทั้งเจ้าและข้า ถ้าเจ้ายอมรับได้ เราจะเริ่มลงมือ แต่ถ้าไม่ ก็ลืมสิ่งที่ข้ากำลังจะพูดไปซะ”
  เหอเสี่ยวหลานตอบ
  “ข้ากำลังจะตายอยู่แล้วข้าจะลังเลอะไรอีก?”
  ซือหยูพยักหน้าช้าๆ และบอกแผนทั้งหมดกับนาง
  เมื่อฟังจบใบหน้าเหอเสี่ยวหลานหมองหม่นลงในทันที นางหน้าซีดราวกับกระดาษ นางพูดพลางตัวสั่น
  “เจ้าอยากให้ข้าข้า…”
  ซือหยูถอนหายใจ
  “เฮ้อเจ้าลืมมันซะเถอะ ความเสี่ยงในแผนนี้มากเกินไป ไม่ได้ดีไปกว่าแผนเสี่ยงหนีเลย”
  แต่เหอเสี่ยวหลานไม่ได้ปฏิเสธในทันทีหลังจากคิดอยู่นาน ความเยือกเย็นก็ปรากฏในแววตาที่คล้ายวิหคเพลิงของนาง  “เจ้าคิดว่าโอกาสสำเร็จมีเท่าใดกัน?”
  ซือหยูคิดไม่นาน
  “ไม่ถึง…หนึ่งในสิบ”
  “หนึ่งในสิบ…ไม่ได้น้อยเกินไปหรอกน่า!ถ้าเราทำสำเร็จ อนาคตก็จะไม่มีภัยกับพวกเราอีกแล้ว!”
  ต่อหน้าความตายเหอเสี่ยวหลานนั้นมีความปรารถนาที่จะเอาตัวรอด
  ซือหยูพูด
  “ถ้าเรายืนยันตัวตนของคนที่ทิ้งกระดาษแผ่นนี้ได้โอกาสจะเพิ่มขึ้นเป็นห้าในสิบ! ข้าหวังว่าข้าจะคิดถูก”
  หลังจากสองวันซือหยูออกจากตำหนักและเดินทางรอบโลกเทพกระเรียน
  ทุกการเคลื่อนไหวของเขาดึงดูดความสนใจและมิอาจเล็ดรอดคนที่คิดร้ายได้
  แม้กระนั้นก็ไม่มีใครเห็นพฤติกรรมประหลาดของซือหยูโดยเฉพาะคนตระกูลเทพกระเรียน  เพราะซือหยูนั้นมีหน้าที่ของผู้สืบสวนอยู่เขากำลังทำภารกิจให้เทพสองคน ถ้าหากเขาไม่ออกจากตำหนักมาเลย มันจะแปลกกว่าหรือไม่?
  เหอจิงหงสนใจซือหยูเป็นพิเศษเขาจับตาดูทุกคนที่ติดต่อกับซือหยูและพยายามฟังสิ่งที่พูดคุย
  แม้จะมีตราเทพในมือนี่ก็คือดินแดนของตระกูลเทพกระเรียน ไม่มีความเคลื่อนไหวใดของซือหยูที่รอดพ้นสายตาตระกูลเทพกระเรียน
  หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรชอบมาพากลของซือหยูเหอจิงหงจึงสบายใจได้
  สองวันต่อมาในห้องลับ เหอเสี่ยวหลานกลับมาหาซือหยู
  “เจ้าเตรียมการถึงไหนแล้ว?”
  ซือหยูถาม
  เหอเสี่ยวหลานม้วนผมเล่นด้วยนิ้วมือและตอบอย่างน่าหลงใหล  “ข้ากำลังรอให้ท่านพี่มาจบชีวิตข้าอยู่ยังไงล่ะ!”
  ฟึ่บ!
  ไม่นานผู้เฒ่าคนหนึ่งก็รีบมาจากนอกประตู
  “นายหญิงเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
  “เกิดอะไรขึ้น?”
  เหอเสี่ยวหลานแสร้งทำเป็นไม่รู้และเหลือบมองกับซือหยูโอกาสพลิกชะตาของพวกเขามาถึงแล้ว!
  เหงื่อเย็นๆ แตกเต็มใบหน้าตู่หลง
  “นายหญิงคังเตี้ยยี่ถูกเจอตัว เขารายงานกับผู้คุมกฎอาวุโสไปแล้ว ข้ามาเพื่อแจ้งข่าวให้ท่าน!”
  เหอเสี่ยวหลานยิ้มอย่างเยือกเย็นที่มุมปากแต่นางก็เปิดประตูไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล
  “อะไรนะ?เขาไม่ได้หายตัวไปเรอะ? เขายังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?”   ตู่หลงเหงื่อแตกพลั่กและเครียดจนสมองแทบจะระเบิด
  “ข้าก็ไม่รู้แต่ต่อให้เขาไม่ตาย มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาโลกเทพกระเรียนของเรา นายหญิงต้องหาทางหยุดเขา ถ้าคังเตี้ยยี่ไปบอกผู้คุมกฎอาวุโสเมื่อไหร่มันจะสายเกินไปแล้ว!”
  เหอเสี่ยวหลานกล่าว
  “แต่ถ้าถูกจับตัวอยู่ข้าไปไหนไม่ได้…”
  เหอเสี่ยวหลานมองซือหยูอย่างหมดหวังซือหยูตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
  “ชะตาของเราผูกกันแล้วข้าจะติดตามเจ้าไปในฐานะผู้สืบสวน! จะต้องหยุดคังเตี้ยยี่ให้ได้!”
  ทั้งสองออกจากตำหนักทันทีอย่างรีบร้อน
  เมื่อไปถึงกองทัพพวกเขาก็เห็นคนแปลกหน้ามากมาย มีคนแบกคังเตี้ยยี่และเดินมาที่หน้าทัพผู้คุมกฎอาวุโสที่ประจำการโลกเทพกระเรียน  คังเตี้ยยี่สีหน้าดำมืดราวกับว่าเขาอยู่ข้างโลงศพของตัวเอง
  สาวน้อยคนหนึ่งที่ดูคล้ายสาวใช้มารับเขาอย่างอดทน
  “ท่านคังท่านมีอะไรจะพูดหรือ?”
  นางถาม
  คังเตี้ยยี่หายใจเข้าลึกและพูดด้วยความยากลำบาก
  “ข้าต้องการรายงานเหอเสี่ยวหลาน!เป็นฝีมือนาง! นางฆ่าจิงไป่ ลูกของเทพจิง โปรดสืบสวนด้วย ผู้คุมกฎอาวุโส”
  หลักฐานมาอยู่ตรงหน้าผู้คุมกฎอาวุโสแล้ว!
  ทุกอย่างจบแล้ว!
  เหอเสี่ยวหลานตัวสั่นอย่างคุมไม่อยู่นางชักสีหน้า นางนั้นนางก็กัดฟันลอบโจมตีซือหยูและเตรียมจะบินหนี
  แต่ซือหยูตอบสนองอย่างรวดเร็วเขาหยิบตราเทพออกมาทันที ภายใต้แสงพลังเทพ เหอเสี่ยวหลานร่างกายบิดเบี้ยว นางล้มลงกับพื้น
  ซือหยูพันธนาการนางและถอนหายใจ
  “เจ้าเป็นผู้กระทำผิดจริงๆ ข้าต้องขอให้เจ้าให้ความร่วมมือในการสืบสวน”
  เมื่อเขาพูดจบเขาก็พานางไปยังตำหนักของตระกูลเทพกระเรียน
  เมื่อได้ข่าวผู้คุมกฎอาวุโสเห็นถึงความสำคัญในคดีนี้และส่งเสี่ยวเสวียนมาดูแล
  เทพกระเรียนนั้นกำลังบ่มเพาะพลังเขาให้ความสำคัญกับเรื่องของเหอเสี่ยวหลานมากและคิดจะหยุดบ่มเพาะแต่เพียงเท่านี้ เมื่อสายลมสงบแล้ว เขาจึงจะกลับไปบ่มเพาะต่อ
  หลักฐานจะต้องถูกทำลายเหอเสี่ยวหลานจะไม่มีความผิด
  ในบรรดาลูกทั้งสามเขาตั้งใจจะส่งมอบบัลลังก์เทพให้กับเหอเสี่ยวหลานและไม่ปรารถนาให้มีเรื่องร้ายเกิดกับนาง
  ในตอนนั้นเองเสียงของเหอจิงหงดังมาจากนอกห้องลับ
  “ท่านพ่อข่าวร้าย! ตังเตี้ยยี่เปิดโปงน้องสาวแล้ว! ผู้คุมกฎอาวุโสกำลังมา!”
  เทพกระเรียนราวกับถูกสายฟ้าฟาดเขาหันไปถามอย่างเยือกเย็น
  “เหอเสี่ยวหลานอยู่ที่ไหน?เจ้าบอกนางให้หนีหรือไม่?”
  หากผู้คุมกฎอาวุโสเข้ามาเอี่ยวนั่นก็หมายความว่าเรื่องได้ถูกรู้กันเป็นวงกว้างแล้ว
  เขาเพียงแค่หวังให้เหอเสี่ยวหลานหนีอย่างเร็วที่สุดเท่าที่นางจะทำได้
  “มันสายไปแล้ว!ทันทีที่หลักฐานชัดเจนและปกปิดไม่ได้อีกต่อไป ซือหยูก็จับน้องสาวข้าที่กำลังจะหนีอย่างป่าเถื่อนเพื่อที่จะทำให้เทพจิงพอใจ นางถูกส่งตัวไปที่เรือนข้า ท่านพ่อต้องตัดสินใจ”
  เทพกระเรียนไม่พอใจ
  “อะไรนะ?เจ้าซือหยูกล้าดียังไง! มันไม่ใช้โอกาสนี้หนีไปแต่กลับหยุดลูกสาวข้าให้หนีเรอะ? มันคิดจริง ๆ รึว่าเทพจิงจะช่วยมันได้?”