ตอนที่ 1061

Alchemy Emperor of the Divine Dao

จักรพรรดิจอมอสูรกับปราณชั่วร้ายนี้ค่อนข้างเหมือนกัน

ทั้งสองไม่มีร่างจริงดูราวกับเป็นเพียงคลื่นพลังงาน เมื่อจักรพรรดิจอมอสูรไม่ใช่สิงอยู่ในร่างกายของอะไรก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะโจมตีเขา ต่อให้อีกฝ่ายมีพลังสูงกว่าเท่าใดก็ตาม

แต่สิ่งที่จักรพรรดิจอมอสูรหวาดกลัวที่สุดคือการโจมตีทางจิตวิญญาณ ตราบใดที่เป็นการโจมตีทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าจิตวิญญาณของตน เขาก็จะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส

ซึ่งจิตวิญญาณชั่วร้ายนี่ก็มีจุดอ่อนอยู่ที่จิตวิญญาณเหมือนกัน

จักรพรรดิจอมอสูรรู้สึกมึนงงจากเสียงกรีดร้องเมื่อครู่ แต่เขาอยู่ในร่างหมอกควันจึงไม่สามารถอาเจียนออกมาได้ เขาใช้เวลาสักพักก่อนจะกลับอยู่ในร่างของหุ่นเชิดหมาป่าและกล่าว “นายท่าน ปราณชั่วร้ายนี่น่าปวดหัวเป็นอย่างมาก”

“เจ้าต้องขัดเกลาจิตวิญญาณของตัวเองให้มั่นคงกว่านี้” หลิงฮันกล่าว

แม้จะพูดง่ายแต่ทักษะที่ช่วยบ่มเพะจิตวิญญาณนั้นหายากมาก บางทีอาจจะมีเพียงจ้าวอสูรไม่กี่คนที่มีอยู่ในครอบครอง จอมยุทธทั่วไปก็สามารถทำให้จิตวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นได้ แต่การจะทำให้มันทนทานนั้นเป็นเรื่องยากแสนยาก

การขัดเกลากายหยาบก็เช่นกัน หนทางที่จะขัดเกลากายหยาบเองก็ยากแสนยาก!

จักรพรรดิจอมอสูรไม่กล้าจะเถียงหลิงฮันและทำได้เพียงสบถในใจ แต่เขาก็รู้สึกสงสัยอยู่เหมือนกัน นายท่านของเขาน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่มีกายหยาบที่ไร้เทียมทาน แต่จิตวิญญาณก็ยังมั่นคงด้วย เขาบ่มเพาะพลังด้วยทักษะลับอะไรกันแน่?

หนึ่งคนหนึ่งหมาป่าเดินมุ่งต่อไปข้างหน้า ปราณชั่วร้ายในที่นี้ปกคลุมไปทั่วบริเวณ มันค่อยๆลอยมารวมกันจนเมื่อถึงจุดจุดหนึ่งแล้วมันจะควบแน่นกันจนมีรูปร่างเหมือนมนุษย์

ผ่านไปสักพักปราณชั่วร้ายร่างมนุษย์ก็ปรากฏตัวและโจมตีใส่หลิงฮัน

มันกรีดร้องคำรามโจมตีทะลวงไปถึงจิตวิญญาณด้วยคลื่นเสียง

“คิดจะปะทะด้วยจิตวิญญาณ ข้าเกรงว่าเจ้าคงไม่สามารถชนะได้!” หลิงฮันโคจรทักษะจิตเจ็ดสังหารตอบโต้

ตูม!

ปราณชั่วร้ายร่างมนุษย์ถูกบดขยี้กลายเป็นเศษเสี้ยวปราณนับไม่ถ้วน เศษเสี้ยวปราณพยายามกลับมารวมตัวกันแต่ก็ราวกับว่าพวกมันสูญเสียความสามารถในการควบแน่นไปจนไม่สามารถรวมตัวกันได้

ปราณชั่วร้ายนี้สามารถโจมตีทางจิตวิญญาณได้ แต่จุดอ่อนของมันก็คือการโจมตีทางจิตวิญญาณเช่นกัน

หลิงฮันกวัดแกว่งมือใส่เศษเสี้ยวปราณชั่วร้ายนับไม่ถ้วนให้ลอยหายไป

“นายท่านช่างแข็งแกร่ง! ทั่วสวรรค์และปฐพี ไม่ว่าจะยุคก่อนหน้านี้หรือยุคต่อไป ท่านก็เป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดโดยไร้ผู้ใดเทียบเคียง!” จักรพรรดิจอมอสูรประจบประแจง

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ในเมื่อข้าแข็งแกร่งขนาดนั้น เจ้าในฐานะผู้ติดตามก็ต้องไม่น้อยหน้า ศัตรูตรงหน้าข้าขอปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้า”

“แน่นอ… ไม่จริง!” จักรพรรดิจอมอสูรกำลังจะตกปากรับคำ แต่เมื่อเขามองไปยังด้านหน้าหางของเขาก็ชูตั้งขึ้นด้วยความหวาดกลัวทันที นั่นเพราะด้านหน้าของเขามีปราณชั่วร้ายร่างมนุษย์ขนาดใหญ่ปรากฏตัวออกมา

มันเกิดจากปราณชั่วร้ายจำนวนมาก ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้น พลังของมันย่อมแข็งแกร่งขึ้นด้วย

คราวนี้เขาคงไม่เพียงแค่ถูกโจมตีใส่จิตวิญญาณจนหลุดออกจากหุ่นเชิด แต่แม้แต่ร่างหมอกของเขาก็คงถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ

“นายท่าน ช่วยข้าด้วย!” จักรพรรดิจอมอสูรรีบร้องโอดครวญ

ถึงแม้เขาจะอยู่ในร่างของหุ่นเชิดที่มีพลังต่อสู้เท่ากับระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นปลาย แต่ปราณชั่วร้ายเหล่านี้ราวกับเป็นศัตรูโดยธรรมขาติของเขา การโจมตีทางจิตวิญญาณของพวกมันทำให้กายหยาบที่แข็งแกร่งของเขาไร้ความหมาย

หลิงฮันเคยพยายามนำปราณชั่วร้ายเข้าไปในหอคอยทมิฬแต่ถึงแม้ปราณชั่วร้ายเหล่านี้จะไม่มีร่างกายพวกมันกลับมีเจตจำนงอยู่ หากจะนำมันเข้าไปในหอคอยทมิฬต้องลบเจตจำนงของพวกมันทิ้งไปเสียงก่อน

ดังนั้นหอคอยทมิฬจึงใช้ไม่ได้ผล

หลิงฮันโคจรทักษะจิตเจ็ดสังหาร ทันใดนั้นหัวของปราณชั่วร้ายร่างมนุษย์ก็ถูกบดขยี้จนระเบิด แต่ร่างส่วนยังคงอยู่ครบถ้วน

หลังจากนั้นฉากที่น่าหวาดหวั่นได้เกิดขึ้น ปราณอสูรชั่วร้ายร่างมนุษย์ขนาดใหญ่ที่ไร้หัวนั้นได้มีปราณชั่วร้ายไหลออกมาจากส่วนและกลายเป็นส่วนหัวอีกครั้ง

มันคือปราณที่ไม่มีร่างกาย ต่อให้ถูกตัดออกเป็นสิบส่วนก็ยังสามารถประกอบร่างของตัวเองเป็นเหมือนเดิมได้ แค่หัวขาดนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่

“เจ้าตัวนี้แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย” หลิงฮันลงมืออีกครั้ง เขาใช้ทั้งทักษะจิตเจ็ดสังหารและรูปแบบอักขระศักดิ์สิทธิ์บนภูผาวารี ทั้งสองสิ่งนี้เป็นจุดอ่อนของปราณชั่วร้ายทั้งคู่

หลิงฮันใช้เวลาพอสมควรในการจัดการปราณชั่วร้ายร่างยักษ์คนนี้

“นายท่านช่างแข็งแกร่ง!” จักรพรรดิจอมอสูรประจบ

หลังจากพวกเขามุ่งหน้าเดินทางต่อโดยที่ทำลายปราณชั่วร้ายไปตามทาง ที่ด้านหน้าพวกเขาก็มีปราณอสูรร่างมนุษย์ใหญ่สูงสามฟุตปรากฏตรงหน้า

ไม่ใช่แค่จักรพรรดิจอมอสูรที่หวาดกลัวจนขนลุกซู่ แม้แต่หลิงฮันก็ยังขมวดคิ้วเช่นกัน

กลุ่มปราณชั่วร้ายตนนี้มันมากเกินไป!

“โฮกกก!” ปราณชั่วร้ายขนาดมหึมาคำรามและปล่อยหนึ่งฝ่ามือออกมา การโจมตีทางจิตวิญญาณของมันรุนแรงจนทำให้พื้นปฐพีสั่นสะเทือน

หลิงฮันไม่คิดจะสู้ เขาคว้าหางหุ่นเชิดหมาป่าของจักรพรรดิจอมอสูรและเข้าไปในหอคอยทมิฬทันที

ตูม!

ปราณชั่วร้ายมหึมายกมือขึ้นฟ้าพร้อมกันฝุ่นควันและชะงักเล็กน้อย ศัตรูของมันไปไหนแล้ว?

หอคอยทมิฬลอยขึ้นไปตามฝุ่นควัน

หลิงฮันรีบออกจากหอคอยทมิฬและหลบหนีทันที

ต่อให้สู้ไปก็ไม่มีความหมาย หากเป็นสัตว์อสูรเขายังเก็บเกี่ยวเนื้อพลังปราณได้ แต่สู้กับปราณชั่วร้ายนี่ไปแล้วเขาจะได้อะไร?

หลิงฮันเคลื่อนที่ราวกับสายลม เมื่อเขาพบเจอปราณชั่วร้ายเขาก็จะหลบซ่อนตัวและหาโอกาสจู่โจม เขาใช้จังหวะที่ปราณชั่วร้ายฟื้นฟูตนเองในการพุ่งผ่านไป

ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ปราณชั่วร้ายก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เขาพบเจอปราณชั่วร้ายขนาดมหึมาที่สูงถึงสิบฟุต ซึ่งหลิงฮันไม่คิดสู้และหลบซ่อนตัวทันที

ปราณชั่วร้ายขนาดเช่นนี้ พลังโจมตีทางจิตวิญญาณของมันสามารถเทียบได้กับระดับสุริยันจันทรา หลิงฮันไม่สามารถต่อต้านได้แน่นอน

เบื้องหน้านี้ไปอีกมีภูเขาอยู่ลูกหนึ่ง

หืม?

หลิงฮันส่ายหัว ที่เขาเห็นไม่ใช่ภูเขาแต่เป็นแท่นบูชา! เพียงแต่ว่าด้วยความสูงของมันแวบแรกเขาจึงมองเห็นเป็นภูเขา

บูชาแห่งนี้สูงเป็นอย่างมาก มันสูงมากกว่าพันฟุตและมีรูปทรงเป็นทรงกรวยสามมุม แท่นบูชาถูกสร้างขึ้นจากก้อนหินที่มีขนาดใหญ่กว่าบ้านหนึ่งหลัง ทั่วทั้งแท่นบูชามีสีแสงเข้ม

ทำไมเขาถึงคิดว่านี่คือแท่นบูชาน่ะรึ?

นั่นเพราะเขาได้กลิ่นโลหิตอันรุนแรงมาจากที่นั่น มันไม่ใช่กลิ่นโลหิตจากสิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งพันหรือหนึ่งหมื่น แต่เป็นอย่างน้อยหลายล้านชีวิต บางทีหินที่ใช้สร้างแท่นบูชาอาจจะเป็นสีขาวแต่ถูกโลหิตย้อมจนกลายเป็นสีแดง

นอกจากนี้ที่มุมหนึ่งของแท่นบูชายังมีซากสิ่งมีชีวิตหลายร่างกองกันรวมกับเป็นภูเขาอีกด้วย ถึงแท้ซากพวกนั้นเมื่อกองรวมกันแล้วจะสูงไม่เท่าแท่นบูชา แต่มันกองยาวเรียงกันหลายร้อยไมล์เลยทีเดียว เจ้านวนของซากสิ่งมีชีวิตคือล้านชีวิตเป็นอย่างน้อย บางทีอาจจะมีมากกว่านั้นถึงสิบเท่า

จักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์คิดจะทำอะไรกันแน่?