ทันใดนั้น เฉินธงนึกถึงครั้งแรกตอนที่แจ้งเตือนเฉินโม่ในมหาวิทยาลัยหัวหนานว่าอย่ามีเรื่องกับหยุนเทียนหลิง ใบหน้าของเฉินโม่นั้นสงบเยือกเย็น
รวมถึงงานจัดเลี้ยงตอนเด็ก ทัศนคติอันเย่อหยิ่งที่เฉินโม่มีต่อเอียนซื่อหรง และยังมีตอนที่เฉินโม่อยู่ต่อหน้าของผู้อาวุโสตระกูลเฉินในห้องโถง โดยไม่สนใจคำพูดของตระกูลเอียนเลยแม้แต่น้อย
เฉินธงยิ้มอย่างขมขื่น ความรู้สึกหงุดหงิดโลดแล่นไปทั่วร่างกายของเขา “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ไม่แปลกเลยว่าทำไมเขาถึงได้กล้าเมินเฉยต่อตระกูลหยุนและตระกูลเอียน ที่แท้เขาก็ทำมันจนสำเร็จไปแล้ว !”
“ฉันคือผู้โดดเด่นที่สุดของตระกูลเฉินในรุ่นนี้ แต่เกรงว่าคงเทียบไม่ได้แม้แต่นิ้วมือของเขา !”
“น่าขัน ฉันกล้าคิดที่จะขับไล่อัจฉริยะแบบนี้ออกไปจากตระกูลเฉิน ! คนที่ไม่รู้จักประมาณตนเอง ที่แท้ก็เป็นฉันเอง !”
เฉินควางโกรธจนสั่นไปทั้งร่างกาย เอาแต่ส่ายหัวและพึมพำกับตัวเอง “ไม่ เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องจริง มันไม่จริง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นความจริง !”
“เขาเป็นแค่เศษขยะของตระกูลเฉิน เขาจะประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้อย่างไร ? นี่มันผิดหลักทางวิทยาศาสตร์ ! โกง จะต้องเป็นการโกงอย่างแน่นอน !”
เฉินควางลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน ตะโกนออกมาดังลั่น “ไม่ ฉันไม่เชื่อ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องโกหก ! ระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปี เขาไม่มีแม้แต่เงินลงทุน และเขาจะสร้างความมั่งคั่งขึ้นมาเพื่อบดขยี้ตระกูลเฉินได้อย่างไร ? โกง ทั้งหมดเกิดขึ้นจากการโกงอย่างแน่นอน !”
ทุกคนจับจ้องเฉินควางที่จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาอย่างใกล้ชิด พวกเขาเองก็หวังว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นจากการโกง เนื่องจากมันส่งผลกระทบกับพวกเขามากเกินไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเฉินโม่จะโกง แต่คำถามก็คือ ใครมีความสามารถอันยอดเยี่ยมที่ช่วยให้เขาโกงได้ถึงขนาดนี้ ?
ต่อให้นำตระกูลเฉินมามัดรวมกันก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะทำให้เขาหาเงินได้มากมายขนาดนี้ในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปี
ทุกคนมองไปยังเฉินควางซึ่งกำลังโกรธด้วยใบหน้าไม่พอใจ แต่พวกเขาก็เงียบ ไม่พูดอะไร
ทุกคนต่างรู้ดีว่าคำกล่าวหาของเฉินควางนั้นไร้ประโยชน์ เนื่องจากไม่มีทางตามหาคนที่ช่วยเฉินโม่ในการโกงมาถึงขนาดนี้ได้
สำหรับความถูกต้องของทรัพย์สินเหล่านั้น มีผู้ตรวจสอบมืออาชีพสองท่าน ประกอบกับผู้อาวุโสอีกสามคนของตระกูลเฉิน แน่นอนว่ามันไม่มีทางผิดพลาด
ดังนั้นทุกอย่างจึงชี้ให้ทุกคนได้เห็นอย่างชัดเจนว่า เรื่องทั้งหมดเป็นความจริง !
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจเขา เฉินควางเหมือนกับเป็นบ้า ตะโกนออกมาดังลั่น “พวกนายรีบตรวจสอบเร็ว รีบไปตรวจสอบ ทรัพย์สินเหล่านั้นของเขาต้องเป็นของปลอม พวกนายรีบไปตรวจสอบเร็ว !”
“พอได้แล้ว !” เฉินกั๋วจงพูดออกมาอย่างเยือกเย็น เฉินควางเป็นหลายชายของเขา เขาต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่าง “ยังขายหน้าไม่พองั้นเหรอ ? ไสหัวกลับไปได้แล้ว !”
“ท่านปู่ !” เฉินควางคำรามออกมา “นี่มันไม่มีทางเป็นเรื่องจริง เขาเป็นแค่น้องใหม่ที่ยังไม่เคยก้าวเข้าสู่สังคม เขาจะหาเงินมากมายขนาดนี้มาได้อย่างไร ?”
คำพูดนี้ของเฉินควาง ที่จริงมันเป็นเหมือนตัวแทนแห่งความสงสัยในใจของใครหลายคน เนื่องจากเฉินโม่ไม่เคยก้าวเข้าสู่สังคม แต่เขากลับสามารถหาเงินได้มากมายถึงขนาดนี้ นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก !
“ยังไม่ไสหัวออกไปอีก !” เฉินกั๋วจงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
เฉินเยว่ลุกขึ้นยืนในทันที พาตัวของเฉินควางกลับมา
“พี่……” เฉินควางยังคงไม่เต็มใจ แต่ก็ถูกเฉินเยว่ห้ามเอาไว้ได้ทันเวลา “พอได้แล้ว ฉันเคยพูดกับนายไปตั้งแต่แรกแล้วว่าความแข็งแกร่งของเฉินโม่นั้นสูงส่งจนไม่อาจคาดเดาได้ แต่นายกลับไม่เชื่อ ตอนนี้นายยังจะหมกมุ่นอยู่กับความผิดที่ไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีกอย่างนั้นเหรอ ?”
สีหน้าของเฉินควางดูหม่นหมอง หลังจากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาราวกับร่างซึ่งไร้วิญญาณ “ผมไม่ยอมเด็ดขาด !”
เฉินเยว่ยิ้มอย่างเยือกเย็น แต่ไม่ได้พูดอะไร
ไม่ยอม ? ไม่ยอมแล้วมันมีประโยชน์อะไร ?
ปรมาจารย์บู๊ผู้หนึ่ง หากแม้แต่เงินจำนวนนี้ยังไม่สามารถหามาได้ งั้นก็คงไร้ประโยชน์ที่จะเรียกเขาว่าปรมาจารย์บู๊
ไม่ใช่นักบู๊ พวกนายก็ไม่มีทางรู้ถึงความน่ากลัวของผู้ที่ถูกเรียกว่าปรมาจารย์บู๊ !
เฉินเข่อเอ๋อร์ตื่นเต้นจนหน้าแดง เธอมองไปที่เฉินโม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม “ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่เฉินโม่ไม่มีทางทำให้ฉันผิดหวัง และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง !”
ทันใดนั้นสายตาของเฉินเข่อเอ๋อร์ก็มองไปที่เฉินหลี้ซึ่งอยู่ในอาการตกตะลึงที่ไม่ไกลจากเธอ ความเย่อหยิ่งที่เคยมีบนใบหน้าของเขา ตอนนี้ไม่เห็นมันอีกต่อไปแล้ว