ฆ่าหรือถูกฆ่า ความแตกต่างระหว่างทั้งสองคำห่างกันเพียงพยางค์เดียว แต่ความหมายนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง อันที่จริงแล้ว ถือเป็นขั้วตรงข้ามที่อยู่บนแนวระนาบเดียวกันก็ว่าได้!
วิธีการประกาศการฆ่าตัวตายของผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ของเซี่ยไห่หยางแสดงให้เห็นถึงอำนาจและบารมีของเขาอย่างชัดเจน ใครก็ตามที่ได้ยินชายหนุ่มพูดเช่นนั้นก็ย่อมต้องตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้
ก่อนหน้านี้ หวังเป่าเล่อเคยสงสัยเรื่องตระกูลเซี่ยอยู่บ้างและพอจะเข้าใจว่าตระกูลใหญ่นี้น่ากลัวอย่างไร ชายหนุ่มกระทั่งคาดเดาไปว่ากับดักที่เซี่ยไห่หยางวางเอาไว้ให้เขานั้นตั้งใจเพื่อให้เขาต้องร้องขอความช่วยเหลือ แต่ความคิดเหล่านั้นก็ไม่ได้ช่วยให้หวังเป่าเล่อรู้สึกตกใจกับคำประกาศของเซี่ยไห่หยางน้อยลงแต่อย่างใด ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปเป็นเวลานาน
ถึงแม้ว่าหวังเป่าเล่อจะไม่ได้เห็นสิ่งที่เซี่ยไห่หยางกล่าวอ้างด้วยตนเอง แต่การที่อีกฝ่ายพูดออกมาด้วยอารมณ์สบายๆ และการที่ผนึกจางหายไปก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าเซี่ยไห่หยางไม่ได้โกหกหรืออวดโม้อยู่ ผู้อาวุโสฝ่ายขวาแห่งสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์…ตายแล้วจริงๆ!
เขาตายในอารยธรรมวิญญาณโลก อารยธรรมที่อยู่ภายใต้อาณัติของอารยธรรมครามทองคำ ผลพวงจากการตายของเขาจะต้องยิ่งใหญ่มาก แต่เซี่ยไห่หยางกลับไม่กังวลแม้สักนิด
*ตระกูลเซี่ย…*หวังเป่าเล่อหรี่ตา ชายหนุ่มไม่ได้ถามเรื่องผู้อาวุโสฝ่ายขวาอีก กลับกัน เขาเปลี่ยนไปพูดเรื่องการเคลื่อนย้ายตัวเขาและการออกจากอารยธรรมวิญญาณโลกแห่งนี้กับเซี่ยไห่หยาง
การเคลื่อนย้ายหวังเป่าเล่อออกจากอารยธรรมวิญญาณโลกตรงกลับไปยังอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์นั้นเกินความสามารถของเซี่ยไห่หยาง แม้ว่าตระกูลเซี่ยจะทรงพลังและกว้างขวางเพียงใด แต่ก็ไม่อาจแผ่อิทธิพลไปครอบคลุมอาณาเขตใหญ่น้อยทั้งหมดในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นได้ ส่งผลให้เป็นเรื่องยากที่จะเคลื่อนย้ายได้อย่างแม่นยำ ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีวิธีแก้ไขปัญหานี้
ตลาดของตระกูลเซี่ยที่หวังเป่าเล่อเคยไปเยือนนั้นเป็นจุดศูนย์รวมการเดินทาง หวังเป่าเล่อต้องเคลื่อนย้ายไปยังตลาดก่อน จากที่นั่น ชายหนุ่มจึงค่อยเดินทางกลับอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ถ้าคิดจากความเร็วของหวังเป่าเล่อก็คงใช้เวลาไม่นาน
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ ศิษย์พี่เป่าเล่อ ข้าจะไปรอเจ้าที่ตลาด เจ้าจะออกจากที่นี่เมื่อใดก็ได้ตามต้องการ แค่ส่งดวงจิตเทพของเจ้าเข้าไปในเหรียญตราสันติ ข้าได้เปิดสิทธิ์การเข้าถึงที่ท่านต้องการเอาไว้หมดแล้ว แต่ตามที่ข้าได้บอกไป ข้าจะยกเว้นค่าบริการให้แค่ครั้งนี้เท่านั้น…ข้าคงต้องรบกวนขอคิดค่าบริการเจ้าหากมีครั้งต่อไป” เซี่ยไห่หยางกระแอมกระไอก่อนจะจบบทสนทนา
เซี่ยไห่หยางกลับมายังตลาดและนั่งอยู่ในตำหนักของตนตามเดิม ในมือของเขามีแผ่นหยกสื่อสารอยู่แผ่นหนึ่ง นัยน์ตาของชายหนุ่มฉายแววพึงใจก่อนจะยิ้มออกมา เซี่ยไห่หยางรู้สึกพอใจกับการรับมือในเรื่องนี้ของตนเป็นอย่างยิ่ง ชายหนุ่มไม่เพียงแต่สะสางความบาดหมางระหว่างตัวเขากับหวังเป่าเล่อ แต่ยังช่วยอีกฝ่ายให้รอดพ้นภยันตรายได้ แถมยังมีโอกาสแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลและอำนาจอย่างเด็ดขาดด้วย
“เป่าเล่อ จากทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นมีคนเพียงหยิบมือที่ข้าให้ความช่วยเหลือเช่นนี้” เซี่ยไห่หยางพึมพำกับตนเอง ชายหนุ่มรู้ดีว่าความนับถือที่เขามีต่อหวังเป่าเล่อนั้นไม่ได้มาจากความชื่นชมที่ตนมีต่ออีกฝ่ายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างหวังเป่าเล่อกับปรมาจารย์แห่งไฟด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น…สัญชาตญาณของเซี่ยไห่หยางก็บอกเขาว่า ปรมาจารย์แห่งไฟไม่ใช่พันธมิตรคนเดียวที่หวังเป่าเล่อมี มีใครอีกคนหรืออะไรอีกอย่างที่ให้ความช่วยเหลือหวังเป่าเล่ออยู่ ใครอีกคนหรืออะไรอีกอย่างนี้แข็งแกร่งและลึกลับยิ่งกว่าปรมาจารย์แห่งไฟเสียอีก
ด้วยเหตุนี้ การลงทุนของเขากับหวังเป่าเล่อจึงคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง!
หวังเป่าเล่ออาจไม่ได้ล่วงรู้ความคิดของเซี่ยไห่หยางทั้งหมด แต่ชายหนุ่มก็พอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ แววตาครุ่นคิดปรากฏขึ้นบนใบหน้าขณะที่เขาวางเหรียญตราสันติลง อึดใจต่อมา นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อก็ส่องประกาย
*ไม่สำคัญหรอก อย่างไรเสียนี่ก็เป็นข่าวดี!*การสำแดงอำนาจของเซี่ยไห่หยางและความตายของผู้อาวุโสฝ่ายขวาเป็นสองสิ่งที่หวังเป่าเล่อรับรู้ด้วยความยินดี หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ชายหนุ่มก็ทำใจให้สงบ ก่อนจะมีเศษเสี้ยวแห่งความยินดีปรากฏขึ้นในใจ
นี่คงเป็นเพราะข้านั้นยอดเยี่ยมเกินไปหวังเป่าเล่อทอดถอนใจ ชายหนุ่มกำลังจะส่งดวงจิตเทพเข้าไปในเหรียญตราสันติแต่ก็หยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาหรี่ตาลง ไม่ได้เริ่มการเคลื่อนย้ายทันที กลับกัน หวังเป่าเล่อออกจากดาวเคราะห์ มุ่งหน้าไปในอวกาศ ชายหนุ่มตรงไปยังอาณาเขตนอกอารยธรรมวิญญาณโลกที่สามารถเดินทางไปได้เพราะผนึกสลายลงแล้ว
หวังเป่าเล่อพุ่งทะยานออกไปหาอวกาศราวกับเป็นดาวหางและเข้าใกล้เส้นเขตแดนของอารยธรรมขึ้นทุกที อารยธรรมวิญญาณโลกไม่ได้ใหญ่โตนัก ดาวเคราะห์ที่หวังเป่าเล่ออยู่ก็ใกล้เส้นเขตแดนมาก ด้วยระดับปราณของเขาในตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ชายหนุ่มจะไปถึงขอบของอารยธรรมอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึง หวังเป่าเล่อก็พร้อมจะพุ่งตัวออกไปนอกอารยธรรมนี้ทันที
ตอนนั้นเอง…สรรพชีวิตในอารยธรรมวิญญาณโลก ไม่ว่าจะอยู่ตรงส่วนใดของอารยธรรม ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เด็กหรือชรา รวมไปถึงต้นไม้และสรรพสัตว์ ชีวิตเรือนแสน จู่ๆ…ก็ตัวสั่นขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
ซิ่วเหยียน หญิงสาวที่หวังเป่าเล่อได้พบก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่สำคัญว่าจะทำสิ่งใดอยู่ก่อนหน้านี้ ในวินาทีนั้น ทุกคนกลับมีแววตาว่างเปล่าก่อนที่จะตัวสั่นสะท้าน บางสิ่งที่หลับใหลอยู่ในกายพวกเขาได้ตื่นขึ้น
ใช่แล้ว มีบางสิ่งตื่นขึ้นมา!
หากมีผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์อยู่ใกล้เคียงและได้ใช้ดวงจิตเทพกวาดออกไปจนทั่ว ก็คงสัมผัสได้ถึงเปลวไฟเล็กจ้อยภายในกายของสิ่งมีชีวิตจำนวนมหาศาลในอารยธรรมวิญญาณโลกแห่งนี้ เส้นด้ายที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นปรากฏออกมาจากร่างของพวกเขาก่อนจะพวยพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ด้ายเหล่านั้นปรากฏขึ้นมาจากทุกแห่งหนบนดวงดาว พุ่งออกไปรวมกันอยู่ ณ จุดหนึ่งในจักรวาล!
ก่อนจะรวมตัวกันเป็นร่างเงาที่พร่าเลือนของชายชราคนหนึ่ง!
ชายชราคนนั้นก้าวขาออกมาก้าวหนึ่งก่อนจะหายตัวไป อึดใจถัดมา…เขาก็มาปรากฏอยู่ที่ขอบอารยธรรมวิญญาณโลกที่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อพอดิบพอดี! ชายหนุ่มที่กำลังจะออกตัวจากไปถึงกับชะงัก
เพื่อป้องกันมิให้เกิดการเข้าใจผิด ชายชราจึงรีบยกมือประสานก่อนจะโค้งศีรษะต่ำคำนับหวังเป่าเล่อทันทีที่ปรากฏกาย แววตาลุ่มลึกสะท้อนอยู่บนดวงตาของชายหนุ่ม เขาไม่ได้ดูประหลาดใจกับการปรากฏตัวอย่างปุบปับของชายชราเท่าใดนัก
“สวัสดี สหายร่วมสำนักเต๋าจากต่างจักรพิภพ!”
นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อส่องประกายขณะที่ชายหนุ่มส่งเอาสัมผัสของตนออกไปสำรวจรัศมีของชายชรา จากนั้น คิ้วข้างหนึ่งของเขาก็เลิกขึ้นเล็กน้อย หวังเป่าเล่อรู้ว่าชายชราตรงหน้าเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของดวงวิญญาณเทพเท่านั้น ร่างจริงที่สมบูรณ์ของเขาเคยอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์หรือสูงกว่า
แต่ขณะนี้ ชายชราอ่อนกำลังลงมาก อันที่จริงแล้ว การที่เหลือเศษเสี้ยวของดวงวิญญาณเทพเอาไว้ได้เช่นนี้จะเรียกว่าเป็นปาฏิหาริย์ก็ย่อมได้ การจะรวบรวมกำลังมาปรากฏกายต่อหน้าหวังเป่าเล่อนั้นไม่ควรจะเป็นไปได้ แต่เขาก็ทำได้ ผู้อาวุโสคนนี้หากไม่ได้มีลูกไม้กลอุบายเก็บงำเอาไว้ ก็แปลว่าต้องได้รับพรอันยิ่งใหญ่ในการฝึกปราณที่หวังเป่าเล่อไม่เคยรู้จักมาก่อน
ช่วงแรกที่เขาสำรวจรัศมีของอีกฝ่าย หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงเปลวไฟในกายของชายชรา เป็นเปลวไฟแบบเดียวกับที่สัมผัสได้ในกายของผู้ฝึกตนสตรีที่เขาพบในโรงเตี๊ยม แม้จะไม่สามารถบอกได้ว่าชายชราคนนี้เป็นใคร หวังเป่าเล่อก็ค่อนข้างแน่ใจว่าเขาต้องเป็นปรมาจารย์คนก่อนของอารยธรรมวิญญาณโลกแน่
“ท่านต้องการอะไรจากข้าหรือ” หวังเป่าเล่อถามอย่างเย็นชา
ชายหนุ่มเดาถูก ผู้อาวุโสคนนี้คือปรมาจารย์คนก่อนของอารยธรรมวิญญาณโลก ดวงวิญญาณเทพของเขากระจัดกระจายไปทั่วจักรวาลเมื่อกายเนื้อตายลง แต่ด้วยวิธีการพิเศษบางอย่าง ชายชราได้เข้าไปหลอมรวมกับสายโลหิตของผู้คน ด้วยวิธีนี้ ชายชราจึงสามารถหลบเลี่ยงสายตาของอารยธรรมครามทองคำไปได้ เขาจำต้องอยู่ในภาวะหลับลึกและตื่นตัวสลับกันอยู่ไปมา ชายชราติดตามความเป็นไปของโลกผ่านความรับรู้ของชีวิตนับหมื่นที่เขาเข้าไปเร้นกายอยู่ภายในโดยไม่มีใครล่วงรู้ เขาเฝ้ารอโอกาสที่จะได้ชุบชีวิตตนเองและช่วยเหลืออารยธรรมของเขามาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา!
ชายชราสัมผัสได้ถึงการมาถึงของหวังเป่าเล่อและการเปิดผนึกครอบอารยธรรมวิญญาณโลก เขาไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากแต่เฝ้าดูอยู่เงียบๆ รอให้ทุกอย่างค่อยๆ คลี่คลายลง ชายชราเฝ้ามองการต่อสู้ระหว่างหวังเป่าเล่อกับผู้อาวุโสฝ่ายขวา สัมผัสได้ถึงความตายอันแปลกประหลาดของผู้อาวุโสพร้อมการสลายไปของผนึก ทำให้รู้สึกตื่นตะลึงอย่างยิ่งกับทุกสิ่งที่ได้เห็นและสัมผัส
สัญชาตญาณของชายชราบอกเขาว่า นี่อาจเป็นโอกาสทองครั้งเดียวในชีวิต!
ด้วยเหตุนี้ ชายชราจึงยอมเสี่ยงรวบรวมดวงไฟของตนเพื่อมาปรากฏกายต่อหน้าหวังเป่าเล่อ เมื่อได้ยินคำถามของชายหนุ่ม ชายชราก็รู้ดีว่าผู้ฝึกตนคนนี้ต้องรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร อันที่จริงแล้ว มีความเป็นไปได้มากที่หวังเป่าเล่อจะเฝ้ารอเขาอยู่ ชายชราจึงก้มศีรษะคำนับต่ำอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงใจ
“ข้าไม่กล้าขออะไรจากท่านหรอก ข้าหวังเพียงว่า สหายร่วมสำนักเต๋าผู้ทรงเกียรติจะช่วยข้าแก้ไขสถานการณ์ของอารยธรรมวิญญาณโลกในสักวันหนึ่งในอนาคตหากท่านทำได้…แต่หากท่านทำไม่ได้ก็ไม่เป็นปัญหา แต่เมื่อโชคชะตาได้พาท่านมาที่นี่ ก็ขอให้เราได้ฉกฉวยโอกาสนี้เอาไว้ อย่าปล่อยให้หลุดมือไป” ทันทีที่พูดจบ ชายชราก็ยกมือขวาขึ้น เปลวไฟที่รวมตัวกันเป็นร่างกายของเขาก็มารวมอยู่ที่มือขวาจนกลายเป็นดวงไฟสว่างไสว
ชายชราสะบัดแขนเสื้อเพียงครั้งเดียว ดวงไฟที่มือของเขาก็ลอยมาหาหวังเป่าเล่อ เห็นได้ชัดว่าชายชราเจ็บปวดจากการกระทำนี้ ร่างของเขาพร่าเลือนขึ้นกว่าเก่า และดูเหมือนจะทนได้อีกไม่นาน ดวงจิตเทพของเขาอ่อนแรงลงมากอย่างเห็นได้ชัด
“สิ่งนี้คือสสารดาวเคราะห์ เป็นส่วนหนึ่งของสารัตถะตั้งต้นแห่งอารยธรรมวิญญาณโลก มีฤทธิ์ช่วยให้ผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณอมตะขั้นสมบูรณ์ผสานรวมกับดาวเคราะห์ได้ง่ายขึ้น!” ชายชรานิ่งเงียบไปหลังจากนั้น เขาคำนับอีกครั้ง ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆ สลายหายไปในความว่างเปล่า สรรพชีวิตที่งุนงงนับแสนตัวสั่นอีกครา บ้างก็เหี่ยวแห้งและสลายกลายเป็นผงไป พวกที่รอดชีวิตก็อ่อนแรงเป็นอย่างยิ่ง
จากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ หวังเป่าเล่อได้พูดเพียงครั้งเดียว ชายหนุ่มเฝ้ามองร่างของชายชราสลายหายไป จากนั้นจึงก้มลงมองดวงไฟตรงหน้า ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าสสารดาวเคราะห์คือสิ่งใดแน่ แต่หลังจากใช้ดวงจิตเทพสำรวจดู เขาก็พบว่ามันมหัศจรรย์เพียงใด ความจริงใจและสำบัดสำนวนของผู้อาวุโสทำให้หวังเป่าเล่อได้เพียงแค่ทอดถอนใจ
ชายชราคนนี้ไม่ใช่ธรรมดาจริงๆ ด้วยวิธีที่เขาจัดการเรื่องนี้และปฏิบัติต่อข้า คงไม่ใช่การดีแน่หากจะเอารัดเอาเปรียบเขา ข้าคงรู้สึกไม่ดีถ้าต้องทำเช่นนั้นหวังเป่าเล่อรู้ดีว่าชายชราคงรับรู้ได้ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นจึงตัดสินใจเสี่ยง อีกฝ่ายวางเดิมพันกับหวังเป่าเล่ออย่างเปิดเผยและปล่อยให้ชายหนุ่มตัดสินใจได้ตามใจชอบ หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบครุ่นคิดขณะที่หันกลับไปมองอารยธรรมวิญญาณโลก ชายหนุ่มไม่ได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธการช่วยเหลือ เขาเพียงแค่เปิดใช้งานการเคลื่อนย้ายด้วยเหรียญตราสันติก่อนจะก้าวออกจากอารยธรรมไป
วินาทีต่อมา…ลำแสงจากคาถาเคลื่อนย้ายก็เข้าคลุมตัวหวังเป่าเล่อก่อนที่ชายหนุ่มจะหายวับไป!