ตอนที่ 612 ข้าวสวยกับผักกาดดองเค็ม + ตอนที่ 613 แฮมเนื้อ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 612 ข้าวสวยกับผักกาดดองเค็ม + ตอนที่ 613 แฮมเนื้อ โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่  612 ข้าวสวยกับผักกาดดองเค็ม

อู่เยวี่ยชักสังหรณ์ใจ เพื่อนนักเรียนหญิงคนนี้ชื่อสวี่ซาซาซึ่งไม่ได้เรียนห้องเดียวกับเธอ แต่เคยอยู่ห้องเดียวกันเมื่อชั้นประถม ไม่ลงรอยกับอู่เยวี่ยมาตั้งแต่สมัยประถม หลังจากขึ้นชั้นมัธยมต้นก็ยังพุ่งเป้ามาที่อู่เยวี่ยเป็นประจำ

เพียงแต่เมื่อก่อนอู่เยวี่ยเป็นนักเรียนดีเด่น  ซึ่งเป็นศิษย์สุดรักสุดหวงในใจของเหล่าคุณครู สวี่ซาซาเป็นนักเรียนเกเร ทุกครั้งที่เกิดเหตุทะเลาะวิวาทคุณครูต่างก็มาตำหนิสวี่ซาซาร่ำไป เรื่องนี้ยิ่งทำให้สวี่ซาซาแค้นใจอู่เยวี่ยมากกว่าเดิม

สวี่ซาซารูปร่างสูงโปร่งอวบอิ่ม หน้าตาสวยงามมีเสน่ห์ ความจริงถือเป็นเด็กสาวที่หน้าตาสวยงามคนหนึ่งทีเดียว อีกทั้งพ่อแม่ของเธอล้วนประกอบกิจการธุรกิจส่วนตัว ฐานะที่บ้านจึงดีไม่น้อย เพียงแต่สถานะทางสังคมไม่สูงมากนัก

แม้ธุรกิจส่วนตัวจะทำเงินได้มากแต่กลับไม่มีใครให้ค่า อู่เยวี่ยเลยหัวเราะเยาะสวี่ซาซาบ่อยครั้งว่าพ่อแม่เป็นพ่อค้าแม่ค้าแผงลอยที่หน้าไม่อาย เนื่องจากพ่อแม่สวี่ซาซาเปิดร้านขายชุดชั้นในและเพราะการแฉของอู่เยวี่ย ทำให้สวี่ซาซาถูกตั้งฉายาแสนน่าอายจากเพื่อนๆ ว่ายายชุดชั้นในสวี่

แน่นอนว่าต้องเรียกกันลับหลังอยู่แล้ว  แต่สวี่ซาซาจะไม่รู้ได้อย่างไรกันล่ะ ?

เธอถูกฉายาที่น่าอับอายหยามศักดิ์ศรี ความแค้นระหว่างสวี่ซาซากับอู่เยวี่ยจึงเริ่มต้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และจะไม่มีวันจบสิ้นตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่!

สวี่ซาซายกสองมือขึ้นกอดอก ก้มมองอู่เยวี่ยที่นั่งบนเก้าอี้หินอ่อน อู่เยวี่ยเอามือป้องปิดปิ่นโตตามสัญชาตญาณ แต่สวี่ซาซาตาดีและเห็นทุกอย่างชัดเจนนานแล้ว

“โอ้โห อู่เยวี่ย นี่เธอกำลังรำลึกถึงชีวิตที่แสนยากลำบากอยู่เหรอ? ทำไมมีแต่ข้าวสวยกับผักกาดดองเค็มล่ะ? แถมยังเป็นผักกาดดองเค็มที่ไร้น้ำมันด้วย จุจุจุ ยังไงก็ต้องใส่เนื้อสักหน่อยสิ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ผัดใส่ไข่สักฟองก็ได้นี่นา!”

สวี่ซาซาว่าด้วยท่าทางเกินจริงจนเพื่อนนักเรียนหญิงด้านหลังหัวเราะร่วน ทำหน้าดูถูกดูแคลน

ต่อให้เป็นช่วงที่ลำบากที่สุด  บ้านของพวกเธอยังไม่เคยต้องทานแค่ผักกาดดองเค็มที่ไร้น้ำมันแบบนี้เลย!

“มิน่าอู่เยวี่ยถึงต้องหลบมากินข้าวที่นี่ เพราะกลัวเราเห็นข้าวที่น่าเวทนาของเธอสินะ?” เพื่อนนักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดจาแดกดัน

เพื่อนนักเรียนหญิงอีกคนแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “เอ น่าแปลกนะ พ่อของอู่เยวี่ยเป็นคุณครูโรงเรียนอีจงไม่ใช่เหรอ? คุณแม่ก็เป็นคุณครูนี่นา ทำไมไม่มีเงินซื้อเนื้อเชียวเหรอ?”

สวี่ซาซาพูดแค่นเสียงเบาออกมาว่า “นั่นมันกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว เจินหวานหว่าน เธอมาพูดสิ พ่อแม่ของอู่เยวี่ยทำเรื่องต่ำทรามอะไรลงไปบ้าง!”

เจินหวานหว่านที่คอยหลบซ่อนอยู่ด้านหลังก้าวออกมาข้างหน้า มองอู่เยวี่ยที่กำลังกัดฟันกรอดอย่างสะใจ เหอะ อู่เยวี่ย เธอก็มีวันนี้เหมือนกันสินะ!

เจินหวานหว่านที่กำลังอยู่ในสภาวะตื่นเต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวตระกูลอู่ตลอดช่วงปิดเทอมฤดูหนาวอย่างละเอียดไม่มีขาดตกบกพร่อง แถมยังเติมสีใส่ไข่เข้าไปจนเกินความเป็นจริงไปมาก

อย่างเช่นอู่เจิ้งซือยังอยู่ในคุกจนตอนนี้ หรืออย่างเช่นเหอปี้อวิ๋นสติไม่ดีไปแล้ว…

“โอ้พระเจ้า พ่อแม่ของอู่เยวี่ยน่ากลัวจริงๆ เลยนะ คนหนึ่งก็โรคจิตที่ขโมยลูกคนอื่น อีกคนก็ผู้ป่วยทางจิตที่จะฆ่าคน น่ากลัวจริงๆ!” มีคนร้องอุทานตกใจกลัวขึ้นมาด้วยท่าทางที่เกินจริง

“ถึงได้ว่าไง มังกรก็มีลูกเป็นมังกร หงส็มีลูกเป็นหงส์ ลูกของหนูก็ขุดรูเป็น พ่อแม่เป็นแบบนี้อู่เยวี่ยจะเป็นลูกไม้หล่นไกลต้นได้อย่างไรกันเชียว? เธอต้องเป็นผู้ป่วยทางจิตอีกคนแน่ๆ!”

สวี่ซาซาพูดอย่างอาฆาตพยาบาท มองอู่เยวี่ยที่โกรธปนอายอย่างเย้ยหยัน

อู่เยวี่ยตะคอกใส่ด้วยความโกรธว่า  “ฉันไม่ได้ป่วยทางจิต พวกเธอพูดเหลวไหล พวกเธอต่างหากที่ป่วยทางจิต!”

เจินหวานหว่านหัวเราะเยือกเย็นออกมา  “ถ้าเธอไม่ได้ป่วยทางจิตทำไมคนตระกูลอู่ถึงทอดทิ้งเธอล่ะ? ให้เธอไปนอนอัดกับคุณยายของเธอในห้องเช่าขนาดไม่ถึงสิบตารางเมตร ไหนจะต้องซักผ้าทำงานบ้านทุกวัน จุจุ อย่างกับคนรับใช้ที่คอยรับใช้นายท่าน พวกเธอดูมือของอู่เยวี่ยสิ มันยังใช่มือของคนอยู่อีกเหรอ? เทียบขาหมูไม่ได้เสียด้วยซ้ำ!”

……………………….

ตอนที่  613 แฮมเนื้อ

ทุกคนต่างกวาดตามองไปอย่างพร้อมเพรียง อู่เยวี่ยเผลอเอามือซ่อนไว้ด้านหลังโดยไม่รู้ตัว สวี่ซาซาเป็นพุ่งตัวเข้าไปคว้ามือของเธอแล้วพูดด้วยความรังเกียจว่า “อี๊ เจินหวานหว่านเธออย่าหยามเกียรติขาหมูเชียว มือของเธอดูดีกว่าขาหมูเหรอ? เอาไปทำตุ๋นน้ำแดงฉันยังขยะแขยงเลย!”

อู่เยวี่ยอยากกระชากมือกลับแต่ถูกสวี่ซาซาจับไว้แน่น เธอใช้แรงทั้งหมดก็กระชากกลับมาไม่สำเร็จ

“สวี่ซาซาเธอปล่อยฉันนะ เธอเป็นบ้าอะไร ฉันไม่เคยมีความแค้นอะไรกับเธอสักหน่อย!” อู่เยวี่ยตะโกนเสียงดังหวังว่าจะมีคนที่เดินผ่านเข้ามาช่วยเธอ แต่เธอหาที่ลับตาคนมากเกินไป ไม่เห็นแม้แต่เงาของผีด้วยซ้ำ

สวี่ซาซามองอู่เยวี่ยในสภาพน่าอนาถอย่างเยาะเย้ย “อู่เยวี่ยเธอก็มีวันนี้เหมือนกันสินะ!เมื่อก่อนเธอคิดว่าอยู่เหนือกว่าทุกคนไม่ใช่หรือไง? วันๆ ก็ได้แต่เสแสร้งทำตัวเหมือนเธอสูงส่งที่สุดเลิศเลอที่สุด  แล้วทำไมตอนนี้ไม่เสแสร้งต่อไปล่ะ?”

“ก็ต้องให้เธอเสแสร้งไว้นี่นา พี่ซาซาพี่ไม่รู้ว่าบ้านที่เธอเช่าอยู่น่ะ โอ้โห คอกหมูยังจะสะอาดกว่า กินข้าวเข้าห้องน้ำที่เดียวกัน พอถึงฤดูร้อนในห้องก็มีแต่กลิ่นเหม็นคลุ้ง!”

เจินหวานหว่านพูดเกินจริง  เพื่อเหยียดหยามอู่เยวี่ยให้มากที่สุด ภายในใจก็ยิ่งสะใจมากกว่าเดิม!

คนอื่นระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างพร้อมเพรียง  ทำหน้าดูถูกเหยียดหยามกันถ้วนหน้า

อู่เยวี่ยตวาดกลับด้วยความโกรธปนอับอาย “เจินหวานหว่าน เธอมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน? เธอคิดว่าที่ที่เธออยู่มันดีนักเหรอ? พ่อของเธอคืออันธพาลขี้เหล้าบ้าพนัน คนทั้งบ้านก็อยู่อย่างแออัดในห้องเดียวกันไม่ใช่เหรอ? บ้านของเธอจะที่กินข้าวหรือเข้าห้องน้ำก็ที่เดียวกันไม่ใช่เหรอ?”

เจินหวานหว่านหน้าถอดสีทันที นึกเสียใจที่เคยเล่าสถานการณ์ที่บ้านเธอให้อู่เยวี่ยฟังครั้งที่ต้องการความเห็นใจจากอู่เยวี่ย กลับทำให้นางแพศยานี่เอาคืนได้หนึ่งดอก !

“อย่างน้อยบ้านฉันก็เป็นห้องขนาดสิบห้าตารางเมตร แล้วยังเป็นบ้านของฉันเอง ส่วนเธออาศัยคนอื่นอยู่ไม่มีแม้แต่บ้านตัวเอง เธอมันน่าภูมิใจกว่าตรงไหน ? ”

เจินหวานหว่านพุ่งตัวเข้าไปตรงหน้าอู่เยวี่ยแล้วตวัดฝ่ามือตบลงไปหนึ่งฉาด  อู่เยวี่ยสูญเสียการได้ยินทำให้ปฏิกิริยาตอบโต้ไม่ดีเท่าเมื่อก่อน แค่เอาหน้าหลบทันแต่ปิ่นโตในมือกลับหลบไม่พ้นถูกปัดจนตกพื้นกระจัดกระจาย

“ดูท่าทางยาจกน่าเวทนาอย่างเธอสิ ปีใหม่แล้วยังไม่มีเสื้อตัวใหม่ใส่ แม่ของเธอตกงานไปแล้ว ฉันว่าอนาคตเธออาจไม่มีปัญญาแม้แต่จะกินผักกาดดองเค็มล่ะมั้ง!”

เจินหวานหว่านจงใจเหยียบกับข้าวจนเละ แถมยังเตะปิ่นโตออกไปไกล ทำแบบนี้สาแก่ใจเธอจริง ๆ ถือว่าได้ระบายความอัดอั้นในใจสักที !

“เจินหวานหว่านเธอมันก็แค่คนถ่อยที่ชอบประจบสอพลอ เมื่อก่อนตอนเธอขอเงินฉัน อยู่ต่อหน้าฉันยอมก้มหัวให้ฉันเหมือนหมาตัวหนึ่ง ตอนนี้เธอทำมาเป็นวางมาด สวี่ซาซา คนเจ้าเล่ห์ร้ายกาจแบบนี้เธอกล้าคบเป็นเพื่อนด้วยเหรอ เธอไม่กลัววันหลังจะโดนแทงข้างหลังหรือไง?”

อู่เยวี่ยพยายามสะกดให้ตัวเองใจเย็นลง ตอนนี้เธออยู่ตัวคนเดียวเลยมีกำลังจำกัด สู้คนพวกนี้ไม่ไหว หากใช้ไม้แข็งมีแต่จะเสียเปรียบ เธอต้องถ่วงเวลารอให้เหยียนหมิงต๋ามา

เจินหวานหว่านใจหล่นวูบ ที่เธอยอมคบค้าสมาคมกับสวี่ซาซาเพราะเห็นแก่ความใจป้ำของสวี่ซาซาที่มีมากกว่าอู่เยวี่ยมากโขทีเดียว!

“พี่ซาซา พี่อย่าไปฟังคำปลุกปั้นยุแยงนะ ฉันกับพี่สนิทกันขนาดนี้ จะทำร้ายพี่ได้ยังไงกันล่ะ!”

สวี่ซาซาโบกมือปัดอย่างไม่ใส่ใจ เธอไม่ได้โง่ จะไม่รู้ว่าเจินหวานหว่านเป็นคนพวกเห็นแก่เงินได้อย่างไรกันเล่า !

แต่พ่อแม่ของเธอเคยบอกว่า เรื่องหรือคนที่ใช้เงินแก้ปัญหาได้ล้วนโอเคหมดแหละ ก็แค่เรื่องเล็กน้อย!

“อู่เยวี่ย เธอไม่ได้กินเนื้อมานานแล้วใช่มั้ย? เรียกพี่ซาซาสักคำสิ ฉันจะให้แฮมเนื้อเป็นมื้อเที่ยงของเธอเชียวนะ!”

สวี่ซาซาล้วงกล่องข้าวออกมาจากอ้อมอก  พลางโบกไปมาล่อหน้าล่อตาอู่เยวี่ยเหมือนกำลังเล่นสนุกกับสุนัขหรือแมวตัวน้อย เหยียบย่ำศักดิ์ศรีอีกฝ่าย