ตอนที่ 614 ฮีโร่ช่วยสาวงาม + ตอนที่ 615 เป็นตัวสำรองตลอดไป โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 614 ฮีโร่ช่วยสาวงาม
แฮมเนื้อเป็นของตะวันตกที่พวกฝรั่งนำมาเผยแพร่ ซึ่งความจริงก็คือแฮมกระป๋องนั่นเอง เป็นอดีตเสบียงของทหารอเมริกัน เหล่าทหารอเมริกันทานจนเอียนเลยเผยแพ่สู่คนทั่วโลก และประเทศจีนคือหนึ่งในนั้น
เวลานี้แฮมเนื้อเป็นของที่หายากมาก เพราะเป็นของจากตะวันตก กระป๋องหนึ่งราคาไม่ถูกเลย ต้องใช้เงินตั้งสองหยวน ครอบครัวธรรมดาไม่มีทางควักงินเพื่อซื้อมันมาทานอยู่แล้ว!
เงินสองหยวนซื้อเนื้อได้ตั้งหลายขีด แต่การซื้อแฮมเนื้อกระป๋องหนึ่งไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย!
คงมีแค่ครอบครัวที่มีเงินใช้ไม่ขาดมืออย่างสวี่ซาซาถึงยอมเสียเงินซื้อแฮมเนื้อมาทานกับขนมปัง เรียกว่าการใช้ชีวิตแบบคนรวย
“ของฉันยี่ห้อเหมยหลินเชียวนะ ยี่ห้อดัง อู่เยวี่ยเธอต้องหิวมากแน่ๆ ใช่มั้ย? ไม่เรียกพี่ซาซาก็ได้ งั้นเธอเลียนเสียงหมาเห่า แล้วฉันจะให้เธอกิน!”
สวี่ซาซาคว้ามืออู่เยวี่ยไว้ พลางพูดจาหยอกล้ออู่เยวี่ยเล่น ๆ
“สวี่ซาซาเธอปล่อยฉันนะ ก็แค่แฮมเนื้อกระป๋องเดียวจะมาวางมาดต่อหน้าฉันทำไม? หึ พวกคนรวยที่ไร้การศึกษา คิดว่าแฮมเนื้อคือของดี นั่นมันก็แค่ขยะที่พวกคนอเมริกันไม่เอา แม้แต่หมาที่อเมริกายังไม่กินเลย บ้านเธอถือเป็นของล้ำค่า ช่างน่าขำจริงๆ!”
สุดท้ายอู่เยวี่ยก็ทนไม่ไหวโพล่งโต้กลับไป การพูดจาเสียดสีกระแนะกระแหน ต่อให้มีสวี่ซาซาสิบคนก็สู้เธอไม่ได้!
สวี่ซาซาเปลี่ยนสีหน้าทันที สิ่งที่เธอเกลียดที่สุดก็คือการที่คนอื่นเรียกบ้านเธอว่าบ้านรวยฉับพลัน เพราะพ่อแม่เธอไม่มีการศึกษาอย่างที่ว่าจริงๆ อ่านหนังสือออกแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น
“อู่เยวี่ยพ่อแม่ของเธอมีการศึกษาเหรอ? มีการศึกษาแล้วคนหนึ่งยังเป็นขี้คุก อีกคนเป็นบ้า? คนยาจกอย่างเธอยังมีหน้ามาบอกว่าแฮมเนื้อคือขยะ? เธอลองซื้อสักกระป๋องให้ฉันดูสิ!”
เจินหวานหว่านรีบพูดเสริมขึ้นมาว่า “เธอจะซื้อแฮมเนื้อได้เหรอ? ขนาดกระดาษทิชชูยังไม่มีปัยญาซื้อเลย !”
“โถ่ ช่างน่าสงสาร ไม่มีเงินซื้อแม้แต่กระดาษทิชชูแล้วเหรอ ให้ฉันบริจาคเงินค่ากระดาษทิชชูให้เธอสักหยวนมั้ย!”
สวี่ซาซาล้วงเงินหนึ่งหยวนจากกระเป๋าโบกตรงหน้าอู่เยวี่ยไปมา อู่เยวี่ยตาแดงก่ำ เธอเคยโดนหยามแบบนี้เสียเมื่อไรกัน จนสุดท้ายทนไม่ไหวพลางแย่งเงินหนึ่งหยวนมาแล้วขยำเป็นก้อนก่อนจะโยนใส่หน้าสวี่ซาซา
“โอ๊ย!”
สวี่ซาซาอารมณ์เดือดพล่าน ยกฝ่ามือตบศีรษะอู่เยวี่ยหนึ่งฉาดแล้วยกขาถีบหน้าท้องอู่เยวี่ยหนึ่งที ทั้งกำปั้นทั้งเท้าอู่เยวี่ยไม่มีทางตั้งรับไหว ถูกคนพวกนั้นผลักไปมาจนเวียนหัว แถมยังมีเสียงอื้ออึงดังก้องอยู่ในหู
“เธอสูงส่งมากไม่ใช่หรือไง? ไม่กินของที่คนอื่นให้? แต่ฉันจะให้เธอกิน อ้าปากรับเนื้อไปซะ นี่ฉันสงสารเพราะเห็นเธอไม่ได้กินเนื้อหรอกนะถึงตั้งใจซื้อมาฝากเธอ เชื่อฟังนะเด็กดี กินลงไปซะ ! ”
สวี่ซาซาเปิดฝากระป๋องใช้ช้อนควักก้อนเนื้อสีอมชมพูออกมายัดใส่ปากอู่เยวี่ย อู่เยวี่ยขย้อนออกมา สวี่ซาซาก็เก็บจากพื้นยัดใส่ปากเหมือนเดิม เธอเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ อู่เยวี่ยสู้เธอไม่ไหวหรอก จึงฝืนถูกยัดเนื้อเข้าปากไปหลายคำทีเดียว
“อร่อยสินะ ดูเธอกินอร่อยเชียว!”
สวี่ซาซาตบหน้าอู่เยวี่ยอย่างชอบใจ ไฟโทสะที่อัดอั้นมาหลายปีถึงเวลาระบายออกมาสักที พลางคิดว่าหลังจากนี้หากอารมณ์ไม่ดีจะมาลงที่อู่เยวี่ยให้หมด!
ขณะนั้นเองพวกกลุ่มเหมยเหมยที่มาทานข้าวละแวกแถวนั้นถูกดึงมาเพราะเสียงดังโวยวาย เห็นสวี่ซาซาป้อนเนื้อมื้อเที่ยงให้อู่เยวี่ยพอดี อู่เชาคิดจะเข้าไปช่วยแต่ถูกเหมยเหมยกระชากแขนไว้
“นายไม่ต้องไปหรอก ฮีโร่มาช่วยสาวงามแล้ว!”
เหยียนหมิงต๋าวิ่งมาอย่างร้อนใจ เห็นหญิงสาวผู้เป็นที่รักดวงตาแดงกล่ำถูกคนกลุ่มนั้นจับกดพื้นเพื่อหยามศักดิ์ศรี
“พวกเธอทำเกินไปแล้ว รีบปล่อยเยวี่ยเยวี่ย ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”
เหยียนหมิงต๋าพุ่งเข้ามาคำรามด้วยความโกรธ ผลักสวี่ซาซาล้มไปกองกับพื้น แล้วพยุงตัวอู่เยวี่ยที่อาเจียนไม่หยุดขึ้นมา
…………………..
ตอนที่ 615 เป็นตัวสำรองตลอดไป
สวี่ซาซาคลานลุกขึ้นมาจากพื้นเพราะถูกเหยียนหมิงต๋าผลักแรงไม่เบา ดีที่เสื้อกันหนาวในฤดูหนาวหนา จึงไม่ได้รับบาดแผลใด แต่ด้วยศักดิ์ศรีของเธอแล้วทนรับไม่ได้จริง ๆ
“เหยียนหมิงต๋านายโง่หรือไง? ถึงได้ไปชอบสุนัขจิ้งจอกแบบนี้ ระวังวันหน้ามันจะสวมเขาให้นาย!”
พ่อแม่ของสวี่ซาซาล้วนเป็นชาวบ้านถึงได้พูดจาสองแง่สามง่ามอยู่บ่อยครั้ง สวี่ซาซาฟังมาตั้งแต่เด็กย่อมหลุดปากไปหลายคำ
เหมยเหมยที่อยู่ในดงดอกไม้มุมปากกระตุกเกือบกลั้นเสียงหัวเราะไม่ไหว สวี่ซาซานี่เหลือเชื่อจริงๆ แวบเดียวก็มองธาตุแท้ของอู่เยวี่ยที่ปรากฏออกมาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
ชาติก่อนเหยียนหมิงต๋าถึงได้ถูกสวมเขาโดยไม่รู้ตัวไงล่ะ!
“สวี่ซาซาเธอพูดบ้าอะไร รีบไสหัวไปซะ หลังจากนี้อย่าให้ฉันเห็นพวกเธอรังแกเยวี่ยเยวี่ยอีก ไม่งั้นอย่าหาฉันไม่เกรงใจ!”
เหยียนหมิงต๋าเขินจนหน้าแดงพลางเหวี่ยงหมัดขึ้นขู่สวี่ซาซา หากไม่ถึงที่สุดเขาไม่อยากลงไม้ลงมือกับผู้หญิงเลยจริงๆ แต่สวี่ซาซาทำน่ารังเกียจเกินไป มาเหยียดหยามเยวี่ยเยวี่ยแบบนี้ เขารักษาคติบ้าบออะไรนั่นไม่ได้แล้ว!
เจินหวานหว่านมองอู่เยวี่ยด้วยความโกรธแค้นริษยา ตกอยู่ในสภาพครึ่งผีครึ่งคนแล้วแท้ๆ เหยียนหมิงต๋ากลับยังไม่ลืมเธออีก โง่เขลาสิ้นดี!
“เหยียนหมิงต๋า นายช่วยมีสมองหน่อยเถอะ อู่เยวี่ยมีโรคทางจิตตามกรรมพันธุ์ ไหนจะมือไม้ที่สกปรก คิดร้ายใจดำอำมหิต อู่เยวี่ยกำลังหลอกใช้นาย นายเห็นมั้ยว่าเมื่อก่อนเธอไม่สนใจนายด้วยซ้ำ? พอตอนนี้ไร้ที่พึ่ง ไม่มีคนสนใจเธอ เธอก็แกล้งทำตัวน่าสงสารต่อหน้านาย เงินค่าขนมของนายให้อู่เยวี่ยไปหมดแล้วสินะ?”
เจินหวานหว่านมองเหยียนหมิงต๋าอย่างขุ่นเคืองไม่ชอบใจ ชอบใครไม่ชอบดันมาชอบผู้หญิงใจเหี้ยมอำมหิตอย่างอู่เยวี่ย!
เธอโมโหแทบตาย!
อู่เยวี่ยมองเจินหวานหว่านด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก นางแพศยา การดูถูกเหยียดหยามที่เธอโดนในวันนี้เธอจะจดจำเอาไว้ !
พวกคนชั้นต่ำที่หยามเธอเหยียบย่ำเธอในตอนนี้ หลังจากนี้เธอจะเอาคืนเป็นร้อยเท่า!
สวี่ซาซายังคงเกรงกลัวเหยียนหมิงต๋า เพราะหมอนี่ตัวสูงร่างบึกบึนแถมยังเป็นคนคลั่งรัก เธอสู้ไม่ไหวหรอก คราวหน้ารอโอกาสที่อู่เยวี่ยอยู่คนเดียวค่อยแก้แค้นต่อแล้วกัน
พวกเขาเดินจากไปพร้อมเสียงคำกรนด่า เหยียนหมิงต๋าพยุงอู่เยวี่ยมานั่งบนเก้าอี้หินอ่อนและถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง อู่เยวี่ยที่ทั้งโกรธปนอับอายโผเข้าซบอ้อมอกเขาปล่อยโฮร้องไห้สะอื้น ทำเอาเหยียนหมิงต๋าปวดใจแทบตาย
และนึกเกลียดตัวเองที่โดนคนขวางไว้ถึงไม่ทันมาช่วยหญิงรักได้ทันท่วงที!
“เยวี่ยเยวี่ยหิวแล้วสินะ กินข้าวของฉันสิ วันนี้มีเนื้อซี่โครงแถมฉันเติมข้าวมาเยอะเป็นพิเศษเลย เรามากินด้วยกันเถอะ!”
เหยียนหมิงต๋าเปิดกล่องข้าวเก็บความร้อนของเขา กับข้าวที่ถูกยัดไว้อัดแน่นเต็มกล่อง ไอร้อนลอยพุ่ง เหยียนหมิงต๋าแบ่งให้อู่เยวี่ยบางส่วนก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มลงมือทานข้าว
“เยวี่ยเยวี่ยกินเยอะๆ นะ พรุ่งนี้ฉันจะให้คุณย่าหมูตุ๋นน้ำแดงมาอีก เธอไม่ต้องเอาข้าวมาแล้ว หลังจากนี้ไปฉันจะเอาข้าวส่วนของเธอมาด้วยแล้วกัน”
เหยียนหมิงต๋าพูดอย่างกระตือรือร้น ความจริงเขาชอบอู่เยวี่ยในเวลานี้มากกว่า อ่อนแอเหมือนต้นหญ้าเล็กๆ ที่ไม่ว่าทำอะไรก็ต้องพึ่งพาเขา มันทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมใจและรู้สึกภาคภูมิใจ
ไม่เหมือนอู่เยวี่ยในอดีตที่มักทำให้เขารู้สึกอยู่สูงเกินเอื้อม ไม่กล้าเข้าใกล้เลยสักนิด
อู่เยวี่ยกลับไม่เห็นด้วย “ฉันเอาข้าวมาเองดีกว่า จะกินของพี่ทุกวันก็ไม่ได้ ไม่งั้นพวกสวี่ซาซาจะพูดซี้ซั้วเข้าอีก!”
สำหรับเธอแล้วเหยียนหมิงต๋าเป็นเพียงตัวสำรองเสมอมา หากไม่จำเป็นจริงๆ เธอไม่อยากผูกมัดกับเหยียนหมิงต๋าเลยตลอดชีวิต เธอต้องปีนให้สูงกว่านี้!
จ้าวเสวียหลินมองธาตุแท้ของอู่เยวี่ยออกในแวบเดียวและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเป็นปม ผู้หญิงคนนี้เล่ห์เหลี่ยมเยอะเกินไป น้องสาวของเขาแค่คนซื่อคนหนึ่ง ไม่ใช่คนที่เธอจะสู้ด้วยไหว วันหลังเขาต้องระวังตัวเสียหน่อยแล้ว
เจินหวานหว่านกับสวี่ซาซาเก็บความแค้นไว้ในใจ หลังกลับไปก็เอาเรื่องอู่เยวี่ยบอกเล่าแพร่ออกไป ทำให้เรื่องของตระกูลอู่กลายเป็นที่พูดถึงมากที่สุดในโรงเรียนชั่วขณะ ไม่ว่าอู่เยวี่ยจะเดินไปที่ไหนก็มีคนชี้นิ้วใส่ จนทำให้เธออับอายถึงที่สุด
…………………