ตอนที่ 87 เคลื่อนย้าย Ink Stone_Fantasy
ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าไปในโลกคูหาสวรรค์อันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง ภายในโลกคูหาสวรรค์นี้มีเพียงผืนดินเท่านั้น
**“**น่าสนใจดี”
เขาทอดสายตามองออกไปภายนอก
สายตาสามารถมองทะลุผนังเยื่อของคูหาสวรรค์ไปยังโลกภายนอกได้ และเห็นโลกคูหาสวรรค์ใบอื่นๆ รวมทั้งเงาร่างมหึมาของแขกเหรื่อนอกโถงตำหนักด้วย!
**“**ร่างกายของพวกเขาไม่ได้ขยายใหญ่ขึ้นเลย น่าจะเป็นเพราะเมื่อข้าเข้ามาในโลกคูหาสวรรค์แล้วร่างกายก็เล็กลงกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงล่วงรู้ข้อนี้ทันที
**“**โครมมม…”
ทันใดนั้นคูหาสวรรค์ก็มีพละกำลังโหมซัดขึ้นมา
ตงป๋อเสวี่ยอิง ไม่คิดมากอีกต่อไปแล้วสำรวจดูรายละเอียดแทน ขั้นอลวนทั้งสิบสี่คนรอคอยอย่างระมัดระวัง
**“**ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!” ทหารเกราะเงินสามสายรวมตัวกันแล้วปรากฏขึ้นทันที กลิ่นอายโหมซัดเทียบได้กับเทพจักรวาล คาดว่าอย่างน้อยก็ต้องมีพลังระดับวังทวีสูญระดับชั้นที่สิบ
**“**ฆ่ามัน!”
พวกเขาหมายจะสำแดงลูกไม้ของแต่ละคนออกมา แต่ในยามนี้เอง…
**“**ติ๊งๆๆๆ ต่อง…” เสียงกระดิ่งอันไพเราะเสนาะหูดังก้องขึ้นอีกครั้ง กระดิ่งสีทองตรงหว่างเอวของตงป๋อเสวี่ยอิงก็สั่นไหวเบาๆ ทหารเกราะเงินสามนายยังไม่ทันได้สำแดงวิธีการของพวกเขาออกมา ร่างกายก็อ่อนยวบลง ทหารเกราะเงินทั้งสามนายล้มลงกับพื้น หลังเสียสติรับรู้ไปแล้ว ร่างกายของพวกมันก็ถล่มทลายลงไปราวอิฐปูนอย่างไรอย่างนั้น
ถึงอย่างไรพวกมันก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แท้จริงเป็นเพียงสิ่งที่ จักรพรรดิเซี่ยสร้างขึ้นมาภายในชั่วความคิดเดียวเท่านั้น
แม้จะมีสติรับรู้ในช่วงแรก แต่สติรับรู้นั้นก็อ่อนแอมาก วิธีการต่อสู้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่จักรพรรดิเซี่ยป้อนให้โดยตรงเท่านั้น ในด้านการต่อต้านการโจมตีวิญญาณ ก็เป็นการป้องกันที่จักรพรรดิเซี่ยแนบมาด้วย! การทดสอบชั้นแรก การป้องกันวิญญาณที่แนบมาด้วยก็ยังค่อนข้างอ่อนแอ
**“**การทดสอบระลอกแรกนี้ไม่ยากเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ หากระลอกแรกก็สามารถต้านทานโลกเขตลวงระดับชั้นที่สิบได้ ก็เกินจริงไปแล้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปทางโลกภายนอกอย่างสบายๆ มองไปทางโลกคูหาสวรรค์แห่งต่างๆ และมองไปเห็นลูกไม้ของ ‘ทหารเกราะเงิน’ เหล่านั้น
……
**“**เฮอะ”
ผิวกายของอ๋องส้าหลงมีระลอกคลื่นสายแล้วสายเล่าแผ่ออกมาทั่วทุกทิศทุกทาง ส่งผลกระทบต่อทหารเกราะเงินทั้งสามรอบกาย ขณะเดียวกันเขาก็จับจ้องทหารเกราะเงินซึ่งมีเปลวเพลิงทั่วร่างพลางโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
**“**ฟิ้ว” หนึ่งในทหารเกราะเงินมลายหายไปราวกับหมอกสีดำ บางครั้งก็สลาย บางครั้งก็รวมตัวขึ้นใหม่! ขณะที่รวมตัวกันขึ้นมานั้นก็พันธนาการอ๋องส้าหลงเอาไว้
ยังมีทหารเกราะเงินตนหนึ่งซึ่งทุกครั้งจะมีกระสวยยาวเล่มหนึ่งรวมตัวขึ้นมาในมือ ก่อนจะขว้างกระสวยยาวออกไป กระสวยยาวกลายเป็นสายฟ้าโหมซัดอย่างไร้ระลอกคลื่น! ทำเอาอ๋องส้าหลงปวดหัว
อานุภาพยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ ทั้งร่างของทหารเกราะเงินซึ่งกำลังห้ำหั่นกับเขาในตอนนี้ก็สามารถแปรเป็นเปลวเพลิงทรงวงแหวนสองสีได้ เปลวเพลิงทรงวงแหวนนี้คือกระบวนท่าของทหารเกราะเงินซึ่งสามารถทิ่มแทงร่างกายเขาอย่างสาหัสได้ครั้งแล้วครั้งเล่า! ร่างของอ๋องส้าหลงแกร่งกล้าอย่างยิ่ง การโจมตีระดับชั้นที่สิบโดยทั่วไปล้วนมิอาจทำอะไรเขาได้ เขาอาศัยบริเวณทำให้การโจมตีของทหารอีกสองตนอ่อนกำลังลงจนสามารถต้านทานได้อย่างสิ้นเชิง อย่างมากที่สุดก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น
**“**แตก”
อ๋องส้าหลงห้ำหั่นกับทหารเกราะเงินเปลวเพลิงผู้นั้นอย่างยากลำบาก เขาทำให้ร่างของมันสลายไปได้แล้ว แต่ร่างกายของอีกฝ่ายก็รวมตัวกันขึ้นมาอีกครั้งทันที เพียงแต่พละกำลังสลายหายไปบ้างเท่านั้นเอง
**“**ฟึ่บ” กระสวยยาวพลันมีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ แล้วแทงเข้าไปในกายของอ๋องส้าหลง จากนั้นสายฟ้าก็สลายหายไป
หมอกดำพุ่งทะยาน มาพันธนาการเคลื่อนไหวของอ๋องส้าหลง
**“**ฆ่า ฆ่า ฆ่า” อ๋องส้าหลงโจมตีทหารเกราะเงินเปลวเพลิงอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น พยายามทำลายพละกำลังของทหารเกราะเงินเปลวเพลิงอย่างสุดแรง
**“**ฟึ่บๆๆ…”
เปลวเพลิงทรงวงแหวนสองสีปรากฏขึ้นมา เปลวเพลิงสองวงทั้งบนทั้งล่างครอบอ๋องส้าหลงเอาไว้ เปลวเพลิงสองชนิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแผดเผา ทำให้ร่างของอ๋องส้าหลงเจ็บปวดเหลือคณา มันยังทำร้ายร่างกายเขามากกว่ากระสวยสายฟ้าโจมตีร่างกายของเขาสิบครั้งยี่สิบครั้งเสียอีก
**“**ต้องทำลายมันให้ได้โดยเร็วที่สุด” อ๋องส้าหลงไม่กล้าปล่อยให้ทหารที่ควบคุมเปลวเพลิงสองสีนี้มีชีวิตรอดต่อไป
เวลาสิบกว่าชั่วลมหายใจ
เหมือนจะสั้นมาก แต่ระหว่างการห้ำหั่นอย่างบ้าคลั่ง สำหรับอ๋องส้าหลงก็ถือว่ายาวนานมากแล้ว!
พลังชีวิตของเขายังเหลืออีกสามส่วน! ในที่สุดก็เผาผลาญพลังของทหารเกราะเงินเปลวเพลิงไปได้ทั้งหมด ทำให้สลายหายไปจนสิ้นในท้ายที่สุด
**“**ยังเหลือพวกเจ้าสองคน” อ๋องส้าหลงมั่นใจเต็มเปี่ยม
จริงๆ แล้ว
ขณะที่พลังชีวิตยังเหลืออยู่สองส่วนนั้น เขาก็ทำการใหญ่สำเร็จแล้ว! ท้ายที่สุดก็โจมตีคู่ตอสู้ทั้งสามให้สลายหายไปได้อย่างสิ้นเชิง
**“**ในที่สุด ในที่สุดก็ต้านทานศัตรูชุดแรกได้แล้ว และได้หม้อขาหยั่งทองมาใบหนึ่งจนได้” อ๋องส้าหลงลอบถอนหายใจ ครั้งนี้เขาถูกเชื้อเชิญมา หากมิได้หม้อขาหยั่งทองมาก็จะเป็นการดูถูกครั้งใหญ่!
**“**ทว่ากว่าจะเอาชนะชุดแรกได้นั้นก็ไม่ง่ายเลย” อ๋องส้าหลงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยมาก ทหารทั้งสามล้วนร้ายกาจมาก ความเชี่ยวชาญก็แตกต่างกันไป เพียงแต่เคล็ดการฝึกฝนร่างกายของเขาก็คือม้วนน้ำแข็งอนธการ เปลวเพลิงนั้นจำกัดเขาเป็นอันมาก
อ๋องส้าหลงมองไปรอบกาย
เพียงแวบเดียวก็มองเห็นผู้มาจากภายนอกซึ่งได้รับการเชื้อเชิญมาจากสกุลฝานเช่นเดียวกัน อิงซานเสวี่ยอิงในรูปลักษณ์ของชายหนุ่มอาภรณ์ขาวยืนอยู่ตรงนั้น กลิ่นอายเหมือนที่แล้วมา ภายในโลกคูหาสวรรค์นั้นไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใดเลย
**“**ทำลายได้ในพริบตาเดียวอย่างนั้นหรือ” อ๋องส้าหลงลอบร่ำร้องในใจ “เหนือคนยังมีคน! ข้ายังห่างชั้นอยู่ไกลโข”
**“**ฟิ้ว”
**“**ไม่…”
การต่อสู้ของโลกคูหาสวรรค์ทั้งสิบห้าใบเข้าสู่ช่วงท้ายแล้ว อ๋องส้าหลงนับว่าใช้เวลาในการต่อสู้มากแล้ว หลังจากการต่อสู้ของเขาจบลงเพียงสามชั่วลมหายใจ ทั้งหมดก็เงียบสงัดลง
มียอดฝีมือขั้นอลวนสี่คนถูกเคลื่อนย้ายออกไป จักรพรรดิเซี่ยไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาสู้จนตายไปต่อหน้าต่อตาเป็นแน่
**“**มีผู้ที่สามารถต้านทานศัตรูชุดแรกได้ถึงสิบเอ็ดคนเชียวหรือ”
**“**สงครามสามตระกูลใหญ่ในครั้งนี้ เห็นทีพลังโดยรวมคงจะแข็งแกร่งมากทีเดียว”
**“**สิบเอ็ดคนเชียวหรือ ข้าจำได้ว่าครั้งก่อนมีแค่หกคนเท่านั้นเองกระมัง!”
บรรดาแขกเหรื่อทั้งหลายพากันตกตะลึง
สิบเอ็ดคนสามารถต้านทานการโจมตีระลอกแรกได้ เป็นการพิสูจน์ว่าทั้งสอบเอ็ดคนนี้มีพลังบรรลุถึงขั้นที่สูงส่งอย่างยิ่ง
**“**ฮ่าฮ่าฮ่า สกุลฝาน คนสกุลฝานต้านทานระลอกแรกได้ทั้งหมด สกุลเซี่ยมีสี่คนที่ต้านทานระลอกแรกได้ ส่วนสกุลชางมีสองคน!”
**“**ห้าคนที่สกุลฝานส่งมาในครั้งนี้ล้วนแต่มีพลังมากทีเดียว”
**“**ช่วยไม่ได้ สกุลฝานแพ้ไม่ได้แล้ว แน่นอนว่าต้องสรรหาทุกวิถีทาง!”
บรรดาแขกเหรื่อพากันวิพากษ์วิจารณ์
คนสกุลฝานทุกคนต้านทานระลอกแรกได้ทั้งหมดอย่างแท้จริง เนื่องจากสงครามสามตระกูลใหญ่ห้าครั้งก่อนหน้านี้พ่ายแพ้มาโดยตลอด ครั้งนี้ หลังจากภายในตระกูลคัดเลือก ‘ฝานซานหยวน ฝานอีเชียนและฝานโม่จู๋’ ออกมาแล้ว ก็รู้สึกว่าศิษย์สกุลฝานคนอื่นๆ ต่างก็อ่อนแอไปบ้าง เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสต้านทานศัตรูในโลกคูหาสวรรค์ระลอกแรกได้ สกุลฝานไม่อยากพ่ายแพ้อีกแล้ว ดังนั้นจึงได้ตามหาผู้ที่ยอดเยี่ยมพอจากโลกภายนอก
รัฐภายนอกไม่มีอาจารย์ที่ดี ไม่มีเคล็ดวิชาที่ดี จะหาผู้ที่สามารถเทียบได้กับฝานอีเชียนสักคนนั้นยากเย็นเพียงใดกัน
ทว่าในที่สุดก็พอจะหาได้สองคน คนหนึ่งคืออ๋องส้าหลงแห่งเผ่าทุ่งน้ำแข็ง ส่วนอีกคนก็คืออิงซานเสวี่ยอิงแห่งรัฐเมฆทักษิณา! ส่วนการเจรจาระหว่างประมุขรัฐเมฆทักษิณาและมหาเคารพซือเทียนนั้น…ทำให้สกุลฝานรู้ว่าพลังของอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ล้ำเลิศกว่าที่พวกเขาคาดเอาไว้เสียอีก แม้พวกเขาจะมอบผลประโยชน์ของ ‘เค่อชิงระดับบน’ ให้ แต่ก็ยังยินดีเป็นอย่างมาก
เพราะถึงอย่างไรก็เป็นถึงระดับอ๋องเลยทีเดียว
แล้วก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังจริงๆ! รอบแรก อิงซานเสวี่ยอิงเป็นอันดับสอง ได้หม้อขาหยั่งทองมาสองใบ รอบที่สองยังช่วงชิงกับเซี่ยฝ่าหยาง ได้หม้อขาหยั่งทองมาอีกใบหนึ่ง
**“**โครมมม…”
ท่ามกลางความสนใจของบรรดาแขกเหรื่อทั้งหลาย ภายในโลกคูหาสวรรค์ทั้งสิบเอ็ดใบที่หดเล็กลงอยู่กลางโถงตำหนัก ขั้นอลวนแต่ละคนก็ล้วนหดเล็กลง พวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรูอีกครั้ง ครั้งนี้มีทหารเกราะเงินเพียงสองนายเท่านั้น
ทหารเกราะเงินสองนายก็โหดเหี้ยมขึ้นมากทีเดียว ทหารเกราะเงินนายหนึ่งแปรเป็นกลุ่มเมฆโหมซัดเข้ามา กลุ่มเมฆแผ่กำจายไปทั่วทั้งโลกคูหาสวรรค์และพันธนาการเอาไว้ ส่วนอีกนายหนึ่งก็ปะทุออกมาอย่างแท้จริง
**“**ตู้ม”
เขาแปรเป็นอสนีบาตอันน่าหวาดหวั่น อสนีบาตจำนวนมากฟาดฟันลงมาอย่างโกรธเกรี้ยว ภายใต้การพันธนาการของกลุ่มเมฆและการฟาดฟันของอสนีบาต ‘เซี่ยจิ้งจือ’ แห่งสกุลเซี่ย เพียงไม่ถึงชั่วลมหายใจ นางก็ถูกจักรพรรดิเซี่ยเคลื่อนย้ายออกมา
โหมซัดและดุดัน กำแหงไม่หวั่นไหว
พวกเขาถูกเคลื่อนย้ายออกมาคนแล้วคนเล่าต่อเนื่องกัน สวบๆๆ…
อ๋องส้าหลง ฝานโม่จู๋และฝานซานหยวนก็อยู่ท่ามกลางเงาร่างมากมายที่ถูกเคลื่อนย้ายออกมา ศัตรูระลอกที่สองน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว! อย่างสงครามสามตระกูลใหญ่ที่แล้วมา ตามปกติแล้วก็มีเพียงสองสามคนเท่านั้นที่สามารถต้านทานระลอกที่สองได้
…………………………………