เฉินกั๋วเหลียงตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดออกมาอีกว่า “เอาแบบนี้แล้วกัน นายสามารถเลือกรางวัลด้วยตัวเองได้ ขอแค่ตระกูลเฉินของฉันมี ฉันรับปากว่าจะมอบให้กับนาย !”

สีหน้าของทุกคนในตระกูลเฉินเปลี่ยนไปทันที

นัยน์ตาส่วนลึกของเฉินเหล่ยและเฉินหลี้เต็มไปด้วยความอิจฉา รางวัลนี้ช่างยิ่งใหญ่เสียจริง !

ใบหน้าของเฉินควางเต็มไปด้วยความโกรธ หากไม่ใช่เพราะเฉินเยว่ห้ามไว้ เขาคงพุ่งออกไปอีกครั้งแล้ว

สีหน้าของเฉินตงหวาเคร่งขรึม ยืนขึ้นมาและโค้งคำนับ “ผู้นำตระกูล ในอดีต รางวัลของการทดสอบประจำตระกูลก็คือเงิน ในเมื่อกฎเกณฑ์ถูกตั้งไว้แบบนั้น ผู้นำตระกูลอย่าเปลี่ยนแปลงมันเลยจะดีกว่า มิฉะนั้นเกรงว่าจะเป็นการยากที่จะโน้มน้าวใจผู้คนในอนาคต”

เฉินกั๋วต้งเองก็หันมาประสานมือให้กับเฉินกั๋วเหลียง “พี่รอง ที่ตงหวาพูดออกมาก็มีเหตุผล พี่อย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจโดยไม่สนกฎเกณฑ์ของวงศ์ตระกูล !”

“ใช่ กฎเกณฑ์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ! หวังว่าท่านผู้นำตระกูลจะถอนคำพูดดังกล่าว” เฉินตงเยว่ลุกขึ้นยืนและพูดออกมา

“ใช่ ท่านผู้นำตระกูลจะทำลายกฎเกณฑ์ของตระกูลเช่นนี้ไม่ได้ !” เฉินฉงซานเองก็ยืนขึ้น

สีหน้าของเฉินกั๋วเหลียงยังคงไม่เปลี่ยนไป มุมปากของเขาเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มแห่งความภูมิใจ มองไม่ออกว่าโกรธหรือมีความสุข

ใบหน้าเฉินโม่ยังคงไร้ซึ่งความรู้สึก กวาดสายตามองไปยังทุกคนด้วยความเฉยเมย เผยให้เห็นร่องรอยของความเย็นบนร่างกายของเขา

เฉินจิงเย่มองดูผู้คนที่เกลี้ยกล่อมเฉินกั๋วเหลียง แอบถอนหายใจ ยืนขึ้นและเดินออกมาด้านหน้าของเฉินกั๋วเหลียง โค้งคำนับและพูดว่า “ท่านผู้นำตระกูลโปรดถอนคำสั่ง กฎเกณฑ์ของตระกูลเฉินมิอาจละเลยได้ !”

ทุกคนตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าเฉินจิงเย่จะเป็นคนเข้าไปห้ามเฉินกั๋วเหลียงด้วยตัวเอง

เฉินตงหวาพูดออกมาด้วยความชื่นชมในทันที “พี่จิงเย่ช่างเปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรม น้องชายผู้นี้ขอแสดงความนับถือ !”

เฉินกั๋วเหลียงไม่สนใจใครทั้งนั้น แต่มองไปที่เฉินโม่ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า จากถามนั้นออกมาอย่างแผ่วเบา “เสี่ยวโม่ ฉันอยากได้ยินความคิดเห็นของนาย !”

เฉินโม่มองมาทางเฉินกั๋วเหลียง ตอนนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็เดาความคิดของเฉินกั๋วเหลียงไม่ออก

“ท่านปู่ ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น แค่หวังให้ท่านดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี !”

สัมผัสได้ถึงอารมณ์จากแววตาของเฉินกั๋วเหลียง ในฐานะที่เป็นผู้นำตระกูลใหญ่ ตำแหน่งของเขาเป็นที่น่าอิจฉาของใครหลายคน ความสัมผัสในครอบครัวก็เริ่มเบาบาง ทุกคนต่างต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอำนาจ มีเพียงเฉินโม่เท่านั้นที่ยังคงจดจำร่างกายของเขาไว้ในใจ

“ดี ดี ดีมาก !” เฉินกั๋วเหลียงมองมายังเฉินโม่ พูดออกมาติดต่อกันสามคำ

ห้องโถงถูกปกคลุมไปด้วยความมืด บางคนมีสีหน้าละอายใจ พวกเขาต่างหากที่ไม่ต่างอะไรกับขยะ

ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินกั๋วเหลียงถอนหายใจและพูดออกมา “ในเมื่อนายมีความคิดเช่นนี้ งั้นปู่ก็จะทำให้เจ้าสมหวัง ! ”

“แม้ว่านายจะไม่ต้องการรางวัลในส่วนนี้ แต่กฎเกณฑ์ไม่อาจถูกทำลาย รางวัลยังคงต้องแจกจ่ายต่อไป ดังนั้นนายไม่จำเป็นต้องหลบเลี่ยงมัน!”

เฉินโม่โค้งคำนับ “ครับ”

เฉินกั๋วเหลียงกวาดสายตาไปยังทุกคน พูดออกมาเสียงดังลั่น “การทดสอบของตระกูลในปีนี้ ผลลัพธ์ได้ออกมาเป็นที่ประจักษ์ ทุกคนกลับไปเตรียมตัว พรุ่งนี้งานเลี้ยงปีใหม่ประจำปีแห่งตระกูลเฉินของพวกเราจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ !”

“ครับ !” ทุกคนต่างโค้งคำนับเพื่อตอบรับ

เฉินกั๋วเหลียงประกาศสิ้นสุดการทดสอบ ทุกคนก็ค่อย ๆ แยกย้ายกันไป เฉินควางและพวกของเฉินหลี้แอบชำเลืองมองเฉินโม่ แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาและความไม่พอใจ

เฉินเหล่ยเองก็แอบหันมามองเฉินโม่ ความเกลียดชังปรากฏออกมาจากนัยน์ตาส่วนลึกของเขา “เฉินโม่ นายทำลายแผนการของฉัน แย่งตำแหน่งผู้ชนะของฉันไป แต่ พวกเรามันยังไม่จบ เจอกันงานเลี้ยงใหม่ปีหน้า !”

เฉินโม่เดินตามเฉินจิงเย่กลับไป

ระหว่างทาง เฉินโม่กำลังคิดว่าจะตอบคำถามของเฉินจิงเย่อย่างไร แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วเขาก็ไม่สามารถปิดบังความจริงได้ เฉินโม่จึงตัดสินใจปฏิเสธและพูดความจริงออกไป

เนื่องจากไม่สามารถปิดบังพ่อของเขาให้อยู่ในความมืดได้ตลอดเวลา

แต่ตลอดการเดินทางกลับ เฉินจิงเย่ไม่ถามอะไรเฉินโม่แม้แต่คำเดียว

หลี่ซู่เฟินนั่งกระสับกระส่ายเป็นเวลานาน รอข่าวอยู่ด้านนอกของประตู เห็นเฉินโม่และเฉินจิงเย่สองคนเดินออกมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุข รีบวิ่งเข้าไปต้อนรับทันที