ตอนที่ 636 ยันต์เคลื่อนย้าย

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

การประจันหน้าของทั้งสองฝ่ายไม่ดุเดือดมากนักและเหล่าอสูรมายาของฉินอวี้โม่ก็กำลังล้อมรอบจอมยุทธ์นภาเซียนทั้งสองด้วยความตื่นเต้น

มารยาวางข่ายอาคมอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมจอมยุทธ์ทั้งสองไว้ ในขณะที่อสูรมายาตัวอื่น ๆ ก็พุ่งโจมตีพวกเขาเป็นระยะ ๆ เพื่อสร้างปัญหากวนใจจอมยุทธ์นภาเซียนทั้งสอง

แม้ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะอยู่เหนือกว่าอสูรมายาจำนวนมากตรงหน้า ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีและก่อกวนอย่างไม่หยุดหย่อน พวกเขาก็ไม่มีทางเอาชนะได้เลย เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง ทั้งสองก็ล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็วไม่ต่างกับจอมยุทธ์ชราคนแรก

การบ่มเพาะฝึกวิชาจนบรรลุขอบเขตนภาเซียนเป็นสิ่งที่ยากลำบากอย่างยิ่ง พวกเขาไม่ต้องการเอาความพยายามทั้งหมดมาทิ้งไว้ที่นี่เพียงเพราะคนอื่นหนีไปก่อน เพราะถึงอย่างไรด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะเข้าร่วมกับขุมกำลังใด ๆ พวกเขาก็ยังมีสถานะที่สูงได้

ฉินอวี้โม่ก็มิได้สั่งให้อสูรมายาของตนขัดขวางการหลบหนีของจอมยุทธ์นภาเซียนทั้งสองเช่นกัน ตราบใดที่ไม่ปล่อยให้หลัวหมิงซีหลบหนีออกไป เป้าหมายของพวกนางก็ถือว่าประสบผลสำเร็จ พวกเขาเป็นจอมยุทธ์นภาเซียนที่ทรงพลัง หากพวกเขาพยายามหลบหนี ต่อให้จะตามไปสังหาร เหล่าอสูรก็ยังต้องลงทุนไปอย่างมหาศาล

สำหรับจอมยุทธ์พสุธาเซียนขั้นสูงสุดคนอื่น ๆ ในคณะผู้ติดตามของหลัวหมิงซี แม้พวกเขาจะได้เปรียบในตอนแรก ทว่าเมื่อเห็นจอมยุทธ์นภาเซียนทั้งสองเสียเปรียบจนต้องหนีไป ขวัญกำลังใจของพวกเขาก็ถดถอยลงอย่างกะทันหัน กอปรกับการโจมตีตอบโต้อย่างรวดเร็วของเผ่าอู๋เหวย การประจันหน้าของทั้งสองฝ่ายก็ยุติลงหลังจากนั้นเพียงไม่นานและพวกเขาก็ถอยกลับออกไปด้านข้าง

อึดใจต่อมา การประจันหน้าที่ยังเกิดขึ้นก็หลงเหลือเพียงสองพี่น้องหลัวหมิงฮ่าวและหลัวหมิงซีเท่านั้น พวกเขากำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่บนสนาม

หลัวหมิงซีเคยคิดว่าตนเหนือกว่าหลัวหมิงฮ่าวและไม่จริงจังมากนักในตอนแรก อย่างไรก็ตาม หลังจากต่อสู้วัดฝีมือกันไปได้ระยะหนึ่ง เขาก็ตระหนักได้ถึงสิ่งที่ผิดปกติจากที่คาดการณ์ไว้และเมื่อพบว่าความแข็งแกร่งของหลัวหมิงฮ่าวนั้นเหนือกว่าตนเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์หรือไหวพริบในการต่อสู้ น้องชายต่างบิดาผู้นี้ก็ล้วนเหนือกว่าเขาทุกประการ หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ ในไม่ช้าเขาจะต้องเพลี่ยงพล้ำอย่างแน่นอน !

เมื่อเห็นจอมยุทธ์นภาเซียนสามคนในคณะผู้ติดตามของเขาถูกขับไล่ออกไปอย่างง่ายดาย หลัวหมิงซีก็ตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น เขานำคนจำนวนมากมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ที่จะสั่งสอนฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือให้รู้สำนึกเท่านั้น แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการเอาชีวิตของตนเองมาทิ้งไว้ที่นี่

เมื่อเห็นว่าหลัวหมิงฮ่าวมีสีหน้าท่าทางมุ่งมั่นและไม่ยอมปล่อยตนไปง่าย ๆ จู่ ๆ องค์ชายสี่ที่เคยทะนงตนก็มีลางสังหรณ์เลวร้ายผุดขึ้นในใจ

ตูมมม !

ทั้งสองปะทะกันอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ หลัวหมิงซีถือโอกาสในตอนนี้เพื่อแยกตัวออกจากหลัวหมิงฮ่าวและถอยหลังออกไปไกล

“หลัวหมิงฮ่าว แท้ที่เจ้าก็พยายามปิดบังพลังที่แท้จริงมาตลอดหลายปี ดูเหมือนว่าพวกเราพี่น้องจะประมาทเจ้าเกินไป…เจ้าคือผู้ที่ลึกลับซ่อนเงื่อนที่สุด !”

หลัวหมิงซีจ้องมองหลัวหมิงฮ่าวและกล่าวลอดไรฟันที่กัดแน่น

“หากมิใช่เพราะเจ้าสร้างปัญหามากเกินไป ข้าก็คงไม่ต้องเผยพลังที่แท้จริงออกมาเช่นนี้ แม้ว่าข้าจะไม่สนใจเรื่องอิทธิพลและอำนาจ ทว่าหากเจ้าต้องการทำร้ายท่านแม่เพื่อให้ได้ตำแหน่งราชาเอลฟ์มาครอง ข้าไม่มีทางยอมแน่ ต่อให้พวกเจ้าคิดจะสู้สุดชีวิต พวกเจ้าทุกคนก็ไม่มีทางทำได้สำเร็จ !”

น้ำเสียงของหลัวหมิงฮ่าวเต็มไปด้วยความหนักแน่นและไม่ลังเลที่จะกล่าวความคิดที่แท้จริงออกไป นอกจากนี้ เขาก็ยังพยายามยั่วยุเพื่อลองเชิงหลัวหมิงซีว่าจะสามารถสืบเบาะแสหรือความจริงจากเขาได้หรือไม่

“เจ้ารู้ได้อย่างไร ?”

เป็นจริงดังที่คิดไว้ องค์ชายสี่ผู้นี้ไม่มีสมองคิดอย่างแท้จริง วาจาของหลัวหมิงฮ่าวทำให้เขากล่าวตอบออกไปโดยไม่รู้ตัว

“หลัวหมิงซี เจ้าคิดที่จะทำร้ายท่านแม่จริง ๆ !”

ปฏิกิริยาตอบสนองของหลัวหมิงซีทำให้หลัวหมิงฮ่าวยืนยันข้อสันนิษฐานที่มีได้อย่างชัดเจน พวกเขาสมคบคิดกันเพื่อทำร้ายราชินีเอลฟ์ผู้เป็นมารดาอย่างแท้จริง ทว่าตอนนี้ราชินีเอลฟ์ยังคงหลับใหลไม่ได้สติ นางจึงไม่สามารถจัดการหรือลงโทษอะไรพวกเขาได้ !

สีหน้าของหลัวหมิงซีเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เรื่องนี้เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหัวใจของเขา ไม่คิดเลยว่าเขาจะเผลอเปิดเผยมันออกไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ หากพี่ใหญ่รู้เข้า เกรงว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่ !

“หลัวหมิงซี แผนการของพวกเจ้าคืออะไร ? เหตุใดท่านแม่จึงหลับใหลไม่ได้สติเช่นนี้ ? เจ้าและพี่ใหญ่คิดจะทำอะไรกันแน่ ?”

หลัวหมิงฮ่าวจ้องหน้าหลัวหมิงซีตาเขม็งและกล่าวเสียงแข็ง ในเมื่อคนผู้นี้ทราบสิ่งที่เขาพยายามสืบ เขาก็ไม่มีทางปล่อยไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าอย่างไร วันนี้เขาก็จะสืบเบาะแสจากปากของหลัวหมิงซีให้ได้

“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าคิดว่าข้าจะบอกเจ้ารึ ?”

จู่ ๆ หลัวหมิงซีก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หลัวหมิงฮ่าวเพียงคาดเดาเท่านั้นและยังไม่ทราบสิ่งใดที่ชัดเจน เขาเชื่อว่าตราบใดที่ไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติมและยืนกรานว่าไม่ทำสิ่งใดลงไป หลัวหมิงฮ่าวก็ไม่มีทางที่จะจัดการอะไรกับตนได้

หลังจากกล่าวเช่นนั้น หลัวหมิงซีก็ไม่ลังเลและต้องการไปจากที่นี่ให้ได้โดยเร็ว เกรงว่าวันนี้จุดมุ่งหมายที่จะสั่งสอนฉินอวี้โม่คงไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากกลับไปที่คฤหาสน์ครานี้ เขาจะเตรียมความพร้อมใหม่และกลับมาที่นี่อีกครา ไม่ว่ายังไงคนพวกนี้ก็จะต้องชดใช้ !

“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าคิดว่าเผ่าอู๋เหวยเป็นที่ที่เจ้าจะผ่านเข้าออกได้ตามอำเภอใจงั้นรึ ?”

หลัวหมิงฮ่าวหัวเราะออกมาเบา ๆ เขายอมปล่อยให้คนอื่น ๆ กลับไปได้เพราะพวกเขาไม่มีประโยชน์ใด ทว่าในเมื่อหลัวหมิงซีผู้นี้มีข้อมูลที่เขาต้องการอยู่ เขาจึงไม่สามารถปล่อยออกไปได้

ทันทีที่กล่าวจบ หลัวหมิงซีก็มองเห็นฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า ทั้งสองมองตรงมาที่ตนพร้อมรอยยิ้มมีเลศนัยราวกับเตรียมบางอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว และก็เป็นจริงดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นไปตามแผนการที่อีกฝ่ายวางไว้ก่อนหน้านี้ซึ่งก็คือการกักขังหลัวหมิงซีไว้ที่นี่

“เหอะ ต่อให้ข้าจะเอาชนะเจ้าไม่ได้ เจ้าก็อย่าคิดว่าเจ้าจะจับตัวข้าได้ !”

หลัวหมิงซีแค่นเสียงเย็นชาก่อนหยิบยันต์แผ่นหนึ่งออกมาจากแหวนมิติและกำลังจะฉีกมันออกจากกัน

“จิ๊จิ๊ คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้ามีโอกาสรึ ?”

หานโม่ฉือกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยและพลังมหาศาลแผ่ออกไปครอบงำหลัวหมิงซีจนขยับเขยื้อนไม่ได้แม้แต่น้อย

ใบหน้าที่มีความหวังขององค์ชายสี่เปลี่ยนกลายเป็นความแตกตื่นทันทีและสีหน้าของเขาก็เริ่มที่จะซีดเผือดลงเรื่อย ๆ

หลังจากหยิบยันต์แผ่นนั้นมาจากในมือของเขา ฉินอวี้โม่ก็มองดูมันอย่างตั้งใจครู่หนึ่งก่อนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หึ ไม่คิดเลยว่าในชนเผ่าเอลฟ์จะมียันต์เช่นนี้อยู่ นี่เป็นสิ่งที่มีอยู่ในขุมกำลังบางแห่งเท่านั้นและยังมีอยู่เพียงน้อยนิด อยากรู้นักว่าองค์ชายสี่ได้มันมาจากที่ใดรึ ?”

แท้จริงแล้วยันต์ตรงหน้านี้ก็คือยันต์เคลื่อนย้าย เมื่อฉีกมันออกจากกัน ผู้ที่ถือมันจะสามารถเคลื่อนย้ายร่างของตนเองไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งได้ เมื่อครั้งยังอยู่ในจวนตระกูลหานก่อนหน้านี้ ฉินอวี้โม่ก็ได้เห็นผู้นำตระกูลหลิวที่ใช้ยันต์เคลื่อนย้ายนี้เช่นกัน ดังนั้นนางจึงคุ้นเคยกับมันดี

เวลานี้การที่หลัวหมิงซีหยิบวัตถุดังกล่าวขึ้นมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาก็มีความเกี่ยวข้องกับฝ่ายมารอย่างแท้จริง

“เจ้าทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร ?!”

หลัวหมิงซีหันขวับไปมองฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือด้วยแววตาตื่นตระหนก และจู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวทันที

หากทั้งสองเป็นสมาชิกของเผ่าเอลฟ์จริง ไม่มีทางที่เขาจะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับผู้ทรงพลังเช่นนี้ ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเพียบพร้อมทั้งด้านรูปลักษณ์ ความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ ต่อให้กล่าวว่าทั้งสองเป็นจอมยุทธ์ลับที่เก็บตัวฝึกวิชาในที่ทุรกันดาร เขาก็ควรจะได้ยินชื่อเสียงของทั้งสองมาบ้าง

ทว่าเขากลับไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับจอมยุทธ์ที่โดดเด่นทั้งสองและทั้งสองคนนี้ก็ไม่เห็นองค์ชายสี่อย่างเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย บัดนี้เมื่อฉินอวี้โม่สามารถบอกถึงต้นกำเนิดของยันต์เคลื่อนย้ายในมือของเขาได้อย่างง่ายดาย การที่จะคาดเดาว่าสองคนนี้มาจากที่ไหนก็มิใช่เรื่องยากอีกต่อไป

“โอ้ ต่อให้จะคาดเดาได้ในตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เราทราบถึงแผนการของพวกเจ้ามาก่อนหน้านี้แล้ว เกรงว่าเจ้าคงไม่สามารถเจรจากับเสือเพื่อขอหนังเสือได้อีกต่อไป ทีนี้ก็บอกทุกอย่างที่เจ้าทราบมาซะ บางทีพวกข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าก็เป็นได้ !”

*与虎谋皮 เจรจากับเสือเพื่อขอหนังเสือ เปรียบเทียบเจรจากับคนร้าย เพื่อให้สละผลประโยชน์ของตัวเอง เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้

ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือข่มขู่เล็กน้อย หลัวหมิงซีผู้นี้รักตัวกลัวตายยิ่งกว่าสิ่งใด เพราะเหตุนั้นการข่มขู่จึงเป็นวิธีที่น่าจะได้ผลไม่น้อย

แววตาของหลัวหมิงซีเผยความลังเลเล็กน้อย เวลานี้เขาตกอยู่ในกำมือของฉินอวี้โม่และไม่อาจหาทางรอดพ้นได้เลย หากยอมบอกข้อมูลทุกอย่างที่มี เขาก็พอมีความหวังที่จะเอาตัวรอดไปจากที่นี่ได้

“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าให้สัญญาว่าหากเจ้ายินดีบอกทุกอย่าง ข้าจะถอนพิษที่ใส่ไว้ในร่างกายของเจ้าก่อนหน้านี้”

เมื่อฉินอวี้โม่กล่าวเสริมอีกประโยค ซึ่งมันก็โน้มน้าวใจหลัวหมิงซีได้เป็นอย่างมาก

“ก็ได้ ก็ได้ ! ข้าจะบอก ข้าจะบอกทุกอย่างที่รู้ !”

เนื่องจากไม่อาจทนทุกข์ทรมานได้อีกต่อไป ในที่สุดหลัวหมิงซีก็คิดที่จะเปิดเผยข้อมูลทุกอย่าง

“ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องรีบร้อนไป เรามาเดิมพันกันก่อนเถอะ ข้าอยากให้เจ้าตัดขาดกับพี่ใหญ่ของเจ้าก่อน เมื่อถึงตอนนั้น ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่คิดปิดบังสิ่งใดอีก”

ฉินอวี้โม่กล่าวแทรกวาจาของหลัวหมิงซี เวลานี้นางยังไม่สามารถเชื่อวาจาทั้งหมดของหลัวหมิงซีได้ ทว่าหลังจากนี้ นางเชื่อว่าองค์ชายสี่จะยอมบอกทุกอย่างจนหมดเปลือก

หลัวหมิงซีมองฉินอวี้โม่ด้วยสีหน้าที่สับสน อย่างไรก็ตาม วาจาของฉินอวี้โม่ก็ทำให้เขากังวลเล็กน้อยที่อีกฝ่ายสามารถมองความคิดของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งเช่นนี้ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่คิดที่จะบอกรายละเอียดทุกอย่างจริง ๆ

“ข้าพนันได้เลยว่าภายในสามวัน พี่ใหญ่ของเจ้าจะส่งคนมาลอบสังหารเจ้าที่นี่”

ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างมั่นใจ เวลานี้ในเมื่อหลัวหมิงซีอยู่ในกำมือของนางแล้ว หลัวหมิงรุ่ยจะต้องรู้สึกถึงวิกฤตที่อาจมาถึงและจะส่งคนมาเพื่อยืนยันความจริงเรื่องนี้อย่างแน่นอน ในเมื่อหลัวหมิงซีทราบข้อมูลมากเกินไป หากเขาต้องการเก็บเรื่องเหล่านั้นเป็นความลับ ทางที่ดีที่สุดก็คือการปลิดชีวิตผู้ที่อาจปริปากผู้นี้

เมื่อครู่หานโม่ฉือได้ใช้พลังผนึกพื้นที่รอบ ๆ ตัว แน่นอนว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ผู้อื่นได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ คาดว่าจะต้องมีใครสักคนกลับไปแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่กับหลัวหมิงรุ่ย และในตอนนั้นก็จะได้ทราบเองว่าหลัวหมิงรุ่ยจะตัดสินใจทำอย่างไร

“ข้าไม่เชื่อ ! พี่ใหญ่จะต้องส่งคนมาช่วยข้าแน่ !”

หลัวหมิงซีส่ายศีรษะโดยที่ไม่เชื่อวาจาของฉินอวี้โม่ เขาและหลัวหมิงรุ่ยเป็นพี่น้องแท้ ๆ ซึ่งมีบิดามารดาเดียวกันและเขาเชื่อว่าพี่ชายก็รักตนมาก หากทราบว่าเขาตกอยู่ในกำมือของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ หลัวหมิงรุ่ยจะต้องหาทางช่วยตนอย่างแน่นอน

แต่ทว่า…เขาก็มีความลังเลในใจเล็กน้อยเช่นกัน หลัวหมิงรุ่ยมีลักษณะนิสัยที่ชัดเจน หากต้องการปกปิดความลับที่มี เขาอาจทำสิ่งเดียวกับที่ฉินอวี้โม่กล่าวมา

“ฮ่า ๆ ๆ เราจะได้เห็นความจริงกันในไม่ช้า ในเวลานี้เจ้าควรจะเล่นละครกับข้าดีกว่า”

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มและยังคงแสดงสีหน้ามั่นใจไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นนางก็บอกให้หานโม่ฉือปลดพลังรอบ ๆ ออกเพื่อให้ทุกคนได้ยินเสียงของพวกนางอย่างชัดเจน

“หลัวหมิงซี ในเมื่อเจ้ายืนกรานที่จะปฏิเสธไม่บอกความจริงในตอนนี้ ข้าก็จะจับตัวเจ้าไว้ก่อนและค่อย ๆ ทรมานจนกว่าเจ้าจะสารภาพความจริงออกมา !”

“เหอะ ต่อให้ต้องตาย ข้าก็ไม่มีทางบอกอะไรพวกเจ้า !”

..…

“อ๊ากกก !”

ด้วยเสียงร้องขัดขืน หลัวหมิงซีก็ถูกพาตัวเข้าไปในเผ่าอู๋เหวยโดยคนของหลัวหมิงฮ่าว

ในขณะเดียวกันนั้น ใครคนหนึ่งก็แยกตัวออกไปจากฝูงชนและมุ่งหน้าออกไปในทิศทางตรงข้ามกับเผ่าอู๋เหวย

ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจับมือหานโม่ฉือและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เราไปพักกันก่อนเถอะ รอชมเรื่องสนุก ๆ ในอีกสามวัน !”

หานโม่ฉือพยักศีรษะตอบตกลงก่อนเดินออกไปกับฉินอวี้โม่และค่อย ๆ หายไปจากทัศนวิสัยของทุกคน

หลัวหมิงฮ่าวมองดูแผ่นหลังของทั้งสองและส่ายศีรษะเบา ๆ อย่างจนปัญญา อย่างไรก็ตาม เขาเองก็อยากทราบเช่นกันว่าหลัวหมิงรุ่ยจะตัดสินใจทำอย่างไร ?

.