ตอนที่ 1175 - การลอบสังหารที่ไตร่ตรองมาก่อนหน้า

The Divine Nine Dragon Cauldron

หลังจากถ่ายโอนพลังให้กับเหอเสี่ยวหลานซือหยูพูด
  “จากที่ข้าดูเจ้าในสภาพนี้จะอยู่ได้อีกเจ็ดวัน”
  “ข้ารู้ถ้าข้าไม่ตาย ข้าจะซ่อนตัวจากท่านพ่อเพื่อทำตามแผนของเราได้รึ?”
  เหอเสี่ยวหลานพูดอย่างสบายใจ
  วารีพิษเย็นในร่างกายของนางนั้นเป็นของจริงเพราะถ้าหากนางใช้พิษปลอม นางจะหลอกพ่อตัวเองได้อย่างไร?
  เพื่อโอกาสน้อยนิดในการทำลายเทพเหอเสี่ยวหลานถึงกับยอมเสี่ยงครั้งใหญ่!
  “ปัญหาก็คือเจ้าหวังว่าเจ้าจะคืนชีพข้ากลับมาตามสัญญา”
  เหอเสี่ยวหลานพูดภายใต้ใบหน้าใจเย็นนั้นมีความสะพรึงกลัวและตกใจอยู่  เหตุผลเดียวที่นางกล้ากินพิษเข้าไปจนต้องตายในท้ายสุดก็เพราะว่าซือหยูสามารถชุบชีวิตนางได้!
  นางไม่เชื่อในทีแรกจะมีพลังหวนคืนความตายอยู่บนโลกใบนี้อยู่หรือ? แม้แต่เทพร้อยคนก็ไม่มีใครเคยได้ยินเรื่องนี้ ไม่มีใครมีพลังเช่นนี้ นางเองก็เชื่อซือหยูเมื่อได้เห็นกับตาว่าเขาสามารถชุบชีวิตได้
  “วางใจเถอะหากไม่มีเจ้า แผนก็ไม่มีโอกาสสำเร็จมากนัก…”
  ซือหยูตอบ
  ทันใดนั้นเองหยกสื่อสารที่เอวของซือหยูเริ่มสั่น มีเสียงดังออกมา
  หลังจากได้ข้อความซือหยูใบหน้าหม่นหมอง
  “เกิดอะไรขึ้น?”
  เหอเสี่ยวหลานถาม
  ซือหยูส่ายหน้า
  “ไม่มีอะไรเกี่ยวกับแผนแค่มีพวกชั่วกำลังวางกำลังรอบตำหนักเก่าของข้า”
  เหอเสี่ยวหลานโล่งใจเล็กน้อยนางคิดครู่หนึ่ง
  “ไม่ต้องห่วงไม่มีใครกล้าทำอะไรตระกูลเทพกระเรียนในตอนนี้”
  นางไม่อยากจะให้ซือหยูเป็นอันตรายในเวลาเช่นนี้
  “แต่มันก็ยังมีอันตรายนี่เป็นเวลาสำคัญในการทำตามแผน ข้าไม่อยากให้มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น”
  ซือหยูส่ายหน้าคำพูดของเขาสื่อว่าคนเหล่านั้นจะต้องถูกกำจัด
  เหอเสี่ยวหลานเห็นด้วยกับเขานางพูด
  “ไร้ซึ่งตราเทพเจ้าใช้คนโลกเทพกระเรียนปกป้องตัวเองไม่ได้ ข้าจะให้ตู่หลงกับกลุ่มคนของเราจัดการอันตรายต่อเจ้าแทน”
  ซือหยูพยักหน้าขอบคุณ
  แต่ในใจเขาไม่เห็นด้วยนัก คนของนางรึ?ไม่จำเป็นหรอก นางกำลังประมาท
  ไม่นานตู่หลงก็มาพร้อมกับเซียนขั้นสามสี่คนพวกเขาถูกจัดกำลังมาคุ้มกันซือหยูโดยเหอเสี่ยวหลาน
  ซือหยูชี้แนะพวกเขา
  จากนั้นซือหยูจึงออกจากเรือนเทพกระเรียนอย่างไม่รีบร้อนและกลับไปยังตำหนักของตัวเอง
  ตู่หลงนำคนของเขาเข้าคุ้มกันซือหยูโดยไม่ละสายตาจากเขาแม้สักครั้ง
  ซือหยูเข้าไปยังตำหนักเขาพยายามจะคาดเดาจุดมุ่งหมายของฝ่ายเทพตำรา
  แผนพวกเขาที่ทำให้ถูกซือหยูถูกริบตราเทพของเทพกระเรียนนั้นสำเร็จไปแล้วเช่นเดียวกันกับตราเทพของเทพจิง
  “มีใครกำลังสนใจความสัมพันธ์กับเทพสองคนนั้นแล้วจงใจส่งตัวคังเตี้ยยี่อยู่รึ?”
  ซือหยูครุ่นคิด
  เขารู้ว่าเทพตำรามีสมบัติที่ชื่อว่าขุมทรัพย์เทพตำรามันคือขุมทรัพย์ทางข้อมูลที่มีการวิเคราะห์ทุกสิ่งบนโลกเอาไว้
  หรือว่าจะเป็นสิ่งนั้น?
  “ทำไมคนจากโลกเทพตำราถึงพุ่งเป้ามาทางข้ากัน?”
  ซือหยูสงสัยเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับโลกใบนั้นและไม่เคยก้าวเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว พวกเขาไม่ควรจะคิดร้ายกับซือหยูได้เลย
  แต่ทันใดนั้นเองซือหยูก็หัวใจหยุดเต้น
  “เดี๋ยวสิหรือว่าคนโลกเทพตำราจะรู้ว่าข้าฆ่าผู้คุมกฎฉินคั่ว?”
  คังเตี้ยยี่ฉินคั่ว และเมิ่งเค่อ ทุกคนล้วนมาจากโลกเทพตำรา
  น่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้
  เคราะห์ร้ายมิได้มีหนเดียวมันเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับเขาที่จะตั้งรกรากในพันธมิตรบูรพา
  ถ้าเป็นเช่นนี้คนเหล่านั้นจะต้องเล็งตำหนักนี้เอาไว้  เมื่อคิดจบซือหยูเรียกหยกสื่อสารออกมาส่งข้อความ
  จากนั้นเขาก็นั่งลงกับพื้นเขาบ่มเพาะพลังเงียบ ๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
  ผ่านมาสักระยะแล้วหลังจากที่เขาเป็นอสูรเนรมิตรขั้นสองและพื้นฐานพลังของเขาก็ค่อนข้างมั่นคงแล้ว ซือหยูสามารถบ่มเพาะจนเป็นอสูรเนรมิตรขั้นสามเมื่อใดก็ได้
  ขณะที่พลังของเขาเติบโตอย่างมั่นคงซือหยูมิได้ทิ้งการฝึกฝนในด้านอื่น
  หลายเดือนก่อนเขาบ่มเพาะโอรสสวรรค์จ้องนภามาจนถึงขั้นกลางของขอบเขตวิญญาณมายา เขาสามารถเลียนแบบพลังของศัตรูผ่านพลังวิญญาณได้ รวมถึง…พลังของสายโลหิตเทพ
  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาได้เปรียบในการต่อสู้มากเพียงใด
  หลังจากบ่มเพาะอย่างสงบสองเดือนเขาสามารถใช้พลังนี้ได้อย่างง่ายดายขึ้น  เพียงขั้นกลางก็ทำให้เขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้แล้วเขาอยากรู้ว่าขั้นสูงจะทำให้เขาแข็งแกร่งเพียงใด
  บังเอิญพอดีที่เขาในตอนนี้ต้องการพลังวิญญาณเป็นการด่วนถ้าดวงวิญญาณของเขาเติบโตไปอีกขั้น เขาจะสำเร็จขอบเขตวิญญาณมายาขั้นสูงได้อย่างแน่นอน
  เขาสั่งให้คนของเขารวบรวมวัตถุดิบและวิธีการต่างๆ ที่จะสามารถเพิ่มพลังวิญญาณจากทั้งโลกมาด้วยทุกสิ่งที่มี เพื่อที่เขาจะได้บรรลุขั้นสูงของขอบเขตวิญญาณมายาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
  แต่เครือข่ายที่ซือหยูสร้างขึ้นมายังกว้างขวางไม่พอเขายังต้องรอต่อไป
  จริงๆ แล้วเขามีความคิดในเรื่องตำราอื่นที่เขาคิดจะบ่มเพาะอยู่ด้วย
  เขาพลิกฝ่ามือเรียกม้วนคัมภีร์ที่เสียหายออกมา‘วิชาร่างมังกร’!
  มันคือวิชาลับที่เขาได้มาจากรองจ้าวดินแดนอันดับสองแห่งดินแดนมีดสวรรค์ในอดีตมันคือวิชาที่จะปลูกถ่ายชิ้นส่วนมังกรลงบนร่างกาย จากนั้นจึงปลุกมันให้ตื่นขึ้นมาด้วยวิธีลับเพื่อที่จะได้พลังของมังกรมาครองในระยะเวลาอันสั้น
  ร่างมังกรอันทรงพลังของฉีหมิงในวันนั้นยังคงสลักอยู่ในใจซือหยูจนถึงวันนี้
  ด้วยข้อจำกัดในเงื่อนไขการบ่มเพาะของวิชาซือหยูจึงไม่ได้บ่มเพาะมันจนถึงตอนนี้
  ประการแรกผู้ที่จะบ่มเพาะต้องมีชิ้นส่วนของมังกรในร่าง ยิ่งชิ้นส่วนมาจากมังกรที่แข็งแกร่งเพียงใด เขาคนนั้นก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้นในตอนแปลงกาย!
  ประการที่สองผู้บ่มเพาะจะต้องเป็นอสูรเนรมิตรขึ้นไปเท่านั้น
  ก่อนที่จะเป็นอสูรเนรมิตรซือหยูทำได้แค่เฝ้ารอทั้ง ๆ ที่มีสายใยมังกรในมือ
  ตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นอสูรเนรมิตร แต่เขายังมีสายใยมังกรถึงเก้าสายในร่าง หรือสิบหากนับสายใยที่มีโลหิตของเทพมังกรที่พิเศษกว่าสายใยใด
  สายใยมังกรนั้นถูกฝังอยู่ในร่างซือหยูเช่นกันแต่เขาไม่เคยใช้พลังของมันสักครั้ง
  ถ้าหากเขาใช้สายใยมังกรที่สิบผ่านวิชาร่างมังกรพลังที่ได้อาจจะเป็นพลังอันไร้เทียมทาน
  ซือหยูคลายม้วนคัมภีร์ออกมาและบ่มเพาะทันที
  ในภาวะเร่งเวลาเขาอ่านสิบบรรทัดได้ในการเหลือบมองครั้งเดียว
  นอกตำหนัก
  “อู๋โจวเราจะลงมือตอนนี้หรือไม่? โลกเผ่าอสูรทำให้พวกเราไม่สบายใจ”
  ชายหนุ่มในชุดปราชญ์สีเขียวขมวดคิ้วเล็กน้อย
  ข้างกายเขามีบุรุษและสตรีที่สวมชุดแบบเดียวกับเขา
  อู๋โจวเป็นผู้เฒ่าหน้าดำที่คอยรับใช้นายน้อยเทพตำรา
  อู๋โจวแอบถอนหายใจยอดฝีมือทั้งสามแห่งสวนไผ่เป็นกำลังเสริมที่ดีต่อเขา แต่ด้วยอัธยาศัยของแต่ละคนได้ทำให้อู๋โจวเหนื่อยล้าตลอดการเดินทางเพราะคนเหล่านี้
  ทันทีที่คนเหล่านี้ทำงานจบอู๋โจวก็จะได้อิสระมาเร็วเท่านั้น
  แต่อู๋โจวนั้นได้ความเชื่อใจมาเพราะความอดทนของเขาในสงครามและการสู้รบเขาพูดเสียงทุ้มต่ำ
  “ยัง!ชายคนนั้นถูกพบในตระกูลเทพกระเรียน ใยจู่ ๆ ถึงกลับมา? ข้าคิดว่าเขาสัมผัสถึงพวกเราได้!”
  บุรุษและสตรีกำลังง่วนอยู่กับการวาดเขียนทั้งสองพูดโดยไม่เงยหน้า
  “แน่นอนว่ามันรู้เรื่องการมาของพวกเราแต่แล้วจะทำไมเล่า?”
  “มันย่อมไม่เคยคิดว่าเพื่อที่จะจับมันทั้งเป็นนายน้อยส่งเซียนขั้นสูงสุดมาสี่คนเพื่อให้ภารกิจลุล่วงโดยดี”
  สตรีที่มีใบหน้าน่ามองพูดอย่างไร้อารมณ์
  “อู๋โจวข้าไม่สบายใจที่นี่เหมือนกัน อากาศบนโลกตำราของเขาดีเหนือโลกใบใด ยิ่งเราจับมันได้เร็วเท่าใด เราก็จะยิ่งออกจากที่นี่ได้เร็วขึ้นเท่านั้น”
  เมื่อถูกสามยอดฝีมือแห่งสวนไผ่รบเร้าอู๋โจวหมดหวัง แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ศัตรูก็อาจจะกำลังประมาท
  “ลงมือ!”
  อู๋โจวทำใจแล้ว
  ทั้งสี่แฝงตัวเข้าเรือนอย่างไร้เสียงราวกับเงา
  เหล่าเซียนขั้นสามที่คุ้มกันซือหยูอยู่ตลอดสี่มุมสัมผัสศัตรูที่ใกล้เข้ามาไม่ได้เลย
  มีเพียงตู่หลงที่สัมผัสได้เขาชักสีหน้าพร้อมตะโกน
  “ใครน่ะ?กล้าดียังไงถึงมาในโลกของเทพกระเรียน?”   ตู่หลงไม่รอช้าเขาปล่อยหมัดไปยังความว่างเปล่า
  มิติแตกสลายในเสี้ยววินาทีผู้เฒ่าหน้าดำก้าวออกมาจากความว่างเปล่านั้น
  ตู่หลงงุนงงแต่เขาก็จดจำคนที่ออกมาได้ทันที
  “อู๋โจว!”
  เขาอุทาน
  พันธมิตรบูรพากว้างใหญ่แต่ก็มีคนเพียงหยิบมือที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
  ในบรรดาเซียนขั้สูงสุดอู๋โจวคือคนที่มีชื่อเสียงที่สุด
  อู๋โจวเองก็ระวังตัวมากขึ้นเช่นกันเขาสัมผัสได้ว่ามีเซียนขั้นสูงสุดมาคุ้มกันซือหยู แต่เขาไม่คิดว่าจะเป็นตู่หลง คนดังอีกคนที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขาเลย
  “โลกเทพตำรารึดี! ไม่เพียงแต่จะแอบทำร้ายนายหญิงเรา แต่เจ้ายังมาบ่อนทำลายที่นี่อีก!”   แม้ว่าเขาจะมีนิสัยชั่วร้ายแต่ตู่หลงนั้นภักดีต่อตระกูลเทพกระเรียนมาก
  อู๋โจวเหลือบมองด้านในเรือนและหัวเราะ
  “ตู่หลงเราไม่ได้คิดสังหารใครในครั้งนี้ หวังว่าเจ้าจะให้ความนับถือกับข้าและให้ข้าเอาตัวชายคนนี้ไป!”
  ตู่หลงถอนหายใจแรงแม้จะไม่มีคำสั่งนายหญิง เขาก็จะไม่มีวันปล่อยให้อู๋โจวจับใครไปต่อหน้าต่อตาเขา
  ฟู่ว!
  ตู่หลงอ้าปากพ่นหมอกพิษไปยังรอบบริเวณ
  ไม่นานหลังจากนั้นหมอกพิษก็ได้หลอมรวมกลายเป็นยันต์ตรึงตรงไปยังที่ร่างของอู๋โจว
  อู๋โจวจะประมาทหรทอ?คังเตี้ยยี่เกือบตายเพราะชายผู้นี้
  เขาก้าวพริบตาหลบการโจมตีเขาใช้โล่ห์ที่ผิวลื่นดั่งหยก มันสร้างมาจากกระดูกเทพ  ทั้งสองเข้าปะทะกันในทันทีทั้งคู่ใช้พลังของตัวเองโต้ตอบกันไปมาอย่างดุเดือด
  ผ่านไปไม่นานตู่หลงสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง อู๋โจวนั้นเอาแต่ป้องกันแต่ไม่โจมตี ดูเหมือนเขาจะไม่รีบร้อน
  เขาอยู่ในโลกเทพกระเรียนถ้าหากการต่อสู้ไม่จบโดยเร็ว อู๋โจวจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบด้วยกำลังของเทพกระเรียนที่กำลังจะมาถึง
  จะต้องมีสิ่งที่ทำให้อู๋โจวทำแบบนี้
  ทันใดนั้นเองตู่หลงชักสีหน้า เขาตะโกน
  “พวกเจ้าสี่คนระวังตัวไว้!มียอดฝีมือคนอื่นอยู่อีก!”
  แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบเสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดสามเสียงก็ดังพร้อมกันจากรอบตำหนัก มันตามด้วยการต่อสู้อย่างดุเดือด ไม่นานดวงวิญญาณของเซียนระดับสามก็หนีตามกันไป
  มีวิญญาณดวงหนึ่งที่ถูกมือซัดและตายทันทีในระหว่างหนี  ตู่หลงโกรธแค้นเขาหันไปพยายามที่จะช่วย แต่อู๋โจวก็เปลี่ยนแผนและเข้ามาขวางตู่หลง
  “หึหึใยเจ้ารีบร้อนนักเล่า?”
  “ไสหัวไป!”
  ตู่หลงโกรธแค้นถึงขีดสุดเขาสับสน ทำไมโลกเทพตำราถึงมีความบาดหมางกับซือหยูจนต้องส่งเซียนขั้นสูงสุดมาถึงสี่คนกัน!