แม้กลุ่มทัณฑ์เมฆาสีดำจะยังคงห่อหุ้มบางสิ่งบางอย่างไว้แต่จากความเบาบางของก้อนเมฆที่ค่อยๆสลายตัว ก็ทำให้หลิงหยุนเห็นชัดว่าสิ่งที่เป็นสีม่วง และสีทองนั้นคืออะไร
เวลานี้หนิงหลิงยู่กำลังอยู่ในช่วงท้ายของการรับทัณฑ์สวรรค์แล้วก้อนเมฆสีดำจึงค่อยๆสลายตัวเบาบางลงเรื่อยๆ หลิงหยุนได้ใช้เนตรหยิน–หยางสำรวจดูอย่างละเอียด และพบกลุ่มควันสีม่วง และสีทองปรากฏขึ้น
กลุ่มควันคล้ายหมอกสีทองนั้นมีลักษณะเป็นวงกลมซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางราวสิบเมตรได้ และกำลังทอประกายแสงสีทองทะลุผ่านก้อนเมฆสีดำที่เบาบางนั้น ดูราวกับแสงทองของดวงอาทิตย์ยามเช้า ในขณะที่กลุ่มควันคล้ายหมอกสีม่วงนั้น กลับมีลักษณะคล้ายกลับผ้าแพรผืนยาวที่กำลังพริ้วไหวล้อมรอบกลุ่มหมอกสีทอง ดูราวกับมังกรที่กำลังบินร่อนล้อมรอบวงกลมสีทองขนาดใหญ่! ในยามค่ำคืนที่ท้องฟ้ามืดสนิทเช่นนี้ท่ามกลางเหล่าทัณฑ์เมฆาสีดำ แสงสีทอง และแสงสีม่วงที่ปรากฏขึ้นเวลานี้ จึงดูราวกับสายรุ้งที่สีม่วงทองที่งดงามอย่างน่าตกใจ!
ที่พื้นดินเบื้องล่างเวลานี้..หนิงหลิงยู่เองก็กำลังรับทัณฑ์สวรรค์อย่างสนุกสนาน ร่างของนางทีกระโดดหลบสายฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่านั้น ดูราวกับสาวน้อยที่กำลังแหวกว่ายอยู่กลางน้ำไปมา และผมยาวสลวยนั้นก็พริ้วไหวอย่างงดงาม!
ในเวลานั้น..หลิงหยุนไม่ได้รู้สึกกังวลอีกแล้วว่าหนิงหลิงยู่จะสามารถข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ไปได้หรือไม่
ดวงตาทั้งคู่ที่เปลี่ยนเป็นเนตรหยิน–หยางนั้นจับจ้องอยู่ที่กลุ่มหมอกสีม่วงและสีทองอย่างไม่ละสายตา คิ้วของหลิงหยุนขมวดเข้าหากันแน่น ร่างกายเกร็งด้วยความตื่นเต้น ในขณะที่มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเล็บทั้งสิบจิกเข้าไปในฝ่ามือ และเวลานี้ฝ่ามือทั้งสองข้างของหลิงหยุนก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ.. หลิงหยุนตระหนักได้ก่อนหน้านี้แล้วว่าทัณฑ์เมฆาของหนิงหลิงยู่นั้นไม่ได้รุนแรงเหมือนทัณฑ์เมฆาที่เกาะเตียวหยู อีกทั้งสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ก้อนเมฆสีดำเหล่านั้น ก็คือพลังอมตะที่บริสุทธิ์จำนวนมหาศาล!
และนี่คือพลังอมตะสีทองและพลังอมตะสีม่วง!
พลังอมตะสีทองที่ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเวลานี้เป็นพลังอมตะสีทองชนิดเดียวกับที่พู่กันจักรพรรดิเคยปลดล่อยออกมา มันคือพลังหยางที่บริสุทธิ์!
และหากจะเทียบระหว่างพลังอมตะสีทองกับพลังอมตะสีม่วงแล้ว พลังอมตะสีม่วงย่อมเหนือกว่าพลังอมตะสีทอง เพราะเป็นสิ่งที่เหล่าผู้บ่มเพาะพลังต่างก็ใฝ่ฝัน และอยากที่จะได้มา..
ทั้งสองสิ่งนี้คือรางวัลจากสวรรค์!
ในเมื่อสวรรค์เมตตาและใจกว้างกับหนิงหลิงยู่เช่นนี้ มีหรือที่หลิงหยุนจะไม่รู้สึกตื่นเต้น! “ดูเหมือนกายอัปสรของหนิงหลิงยู่จะได้รับการปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษจริงๆนี่สวรรค์ประทานรางวัลที่ล้ำค่าให้กับนางถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
แต่แล้วหลิงหยุนก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดใจเมื่อคิดได้ว่า..หากหนิงหลิงยู่ไม่สามารถดูดซับพลังอมตะทั้งสองชนิดที่สวรรค์ประทานให้เข้าไปได้หมด ที่เหลือก็จะสูญสลายไปอย่างไร้ประโยชน์!
‘เฮ้อ..หลิงหยุนจะดูดซับพลังอมตะเหล่านี้ไปได้สักเท่าไหร่กันนะ! แต่เพียงแค่หนึ่งในสิบก็นับว่ามีประโยชน์อย่างมหาศาลแล้ว!’
“นี่ข้าจะทำเช่นไรดี!”
หลิงหยุนเริ่มกระวนกระวายใจเขาเม้มริมฝีปาก และขมวดคิ้วแน่นในระหว่างที่กำลังครุ่นคิดหาวิธีที่จะขโมยพลังอมตะเหล่านั้น..
ครืน..ครืน.. เปรี้ยง! เปรี้ยง!
และในที่สุดก็มาถึงช่วยสุดท้ายในการรับทัณฑ์สวรรค์ของหนิงหลิงยู่สายฟ้ามากมายได้พุ่งลงมาเช่นเคย แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะเบาบางลงกว่าครั้งก่อน หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่าทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วของหนิงหลิงยู่กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว จึงได้แต่รำพึงรำพันออกมา..
“เฮ้อ..หากหนิงหลิงยู่ดูดซับพลังอมตะเหล่านั้นเข้าไปได้ไม่หมด คงจะน่าเสียดายแย่!”
หลิงหยุนจ้องมองพลังอมตะสีทองและสีม่วงด้วยความร้อนใจ และแทบอยากจะบังคับกระบี่เหินเงาธนูให้พาตนบินขึ้นไปยังกลุ่มหมอกสีทองและสีม่วง เพื่อที่จะได้ดูดซับเอาพลังอมตะเหล่นั้นเข้าไป
แต่หลิงหยุนก็ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้นเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าหากเขาตัดสินใจทำเช่นนั้นจริงๆ จะเกิดผลเสียเช่นใดกับหนิงหลิงยู่บ้าง!
แต่ต่อให้หลิงหยุนรอจนสิ้นสุดการรับทัณฑ์สวรรค์และเข้าไปยืนจับมือหนิงหลิงยู่ไว้ในระหว่างที่นางกำลังดูดซับรางวัลที่ได้มา หลิงหยุนก็ไม่มีทางได้รับพลังอมตะเหล่านั้นไปด้วย..
นั่นเพราะพลังอมตะสีม่วงและสีทองนั้น เกิดขึ้นจากการรับทัณฑ์สวรรค์ของหนิงหลิงยู่ ด้วยเหตุนี้พลังอมตะทั้งสองชนิดจึงเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว หากนางไม่สามารถดูดซับเข้าไปได้หมด ก็ใช่ว่าผู้อื่นจะสามารถดูดซับเข้าไปได้เช่นกัน..
เรื่องเกี่ยวกับทัณฑ์สวรรค์นั้นจึงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าหลิงหยุนเป็นแน่!
“เว้นแต่..”
เมื่อเห็นว่าทัณฑ์เมฆาสีดำกำลังค่อยๆสลายหายไปนั้น ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงหยุนทันที
แน่นอนว่ายังพอมีหนทาง..เพราะหากเสียงฟ้าร้อง และอสุนีบาตสิ้นสุดลง ก็ย่อมหมายถึงการสิ้นสุดแห่งทัณฑ์สวรรค์ด้วย และหากในเวลานั้นมีอำนาจสูงสุดปรากฏขึ้น ก็จะสามารถเปลี่ยนเจตจำนงค์ของสวรรค์ได้!
แต่เมื่อคิดได้เช่นนั้น..หลิงหยุนก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างหมดหนทาง พร้อมกับพึมพำว่า “เฮ้อ.. แล้วข้าจะหาอำนาจสูงสุดที่จะมาเปลี่ยนเจตจำนงค์ของสวรค์ได้จากที่ใด!”
“ไม่มีทาง..”
หลิงหยุนพึมพำออกมาอย่างนึกเสียดาย“น่าเสียดาย.. น่าเสียดายจริงๆ”
ครืน..เปรี้ยง!
ระหว่างที่หลิงหยุนกำลังถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าด้วยความเสียดายอยู่นั้นเสียงฟ้าร้องก็ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นอีกครั้ง ทัณฑ์เมฆาสีดำที่ห่อหุ้มพลังอมตะสีม่วง และสีทองได้จางหายไป แล้วอสุนีบาตเส้นสุดท้ายก็ฟาดใส่ร่างของหนิงหลิงยู่ทันที!
ร่างของหนิงหลิงยู่ที่ถูกสายฟ้าสีเงินฟาดเข้าใส่นั้นได้ลอยละลิ่วขึ้นไป และร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า..
“หลิงยู่!”
เมื่อเห็นร่างของหนิงหลิงยู่ลอยละลิ่วขึ้นไปกลางอากาศเช่นนั้นหลิงหยุนก็ลืมเรื่องของพลังอมตะไปทันที และรีบบังคับกระบี่เหินเงาธนูให้พุ่งตรงเข้าไปหาหนิงหลิงยู่อย่างรวดเร็ว..
“พี่ใหญ่..ข้าไม่เป็นอะไร!”
แต่หลังจากที่หลิงหยุนเหาะมาได้เพียงครึ่งทางเขาก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนของหนิงหลิงยู่ และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้งก็พบว่า ร่างของหนิงหลิงยู่ที่กำลังร่วงหล่นลงมานั้น กลับสามารถทรงตัวอยู่กลางอากาศได้อย่างน่าอัศจรรย!
อสุนีบาตเส้นสุดท้ายไม่ได้ทำให้หนิงหลิงยู่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย!
และในที่สุดหนิงหลิงยู่ก็สามารถผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วไปได้อย่างปลอดภัย!
เมื่อเห็นว่าหนิงหลิงยู่ไม่เป็นอะไรหลิงหยุนก็โล่งใจขึ้นมาก และรีบเหาะตรงเข้าไปหาหนิงหลิงยู่ที่อยู่กลางอากาศทันที!
“หลิงยู่..เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
หลิงหยุนยังคงถามย้ำด้วยความเป็นห่วง..
หนิงหลิงยู่หันไปยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับตอบไปว่า“พี่ใหญ่.. ข้าปลอดภัยดี!”
ร่างของหนิงหลิงยู่ยืนอยู่กลางอากาศอย่างสง่างามผมยาวสลวย และเสื้อผ้าของนางปลิวสะบัดไปตามแรงลม และไม่มีท่าทีหวาดกลัวว่าจะร่วงหล่นหลงไปเลยแม้แต่น้อย!
และเพียงแค่เห็นท่าทางของหนิงหลิงยู่หลิงหยุนก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของนางได้ทันที!
ภายในใบหน้าที่งดงามดังเดิมนั้นกลับเสมือนภาพลวงตารอยยิ้มมุมปากนั้นดูลึกลับเมื่อเทียบกับรอยยิ้มอ่อนโยนดั่งที่เคยมี ท่าทางดื้อรั้นอย่างเคยได้เปลี่ยนเป็นสง่างามเย่อหยิ่งแทน..
แต่ในเวลานี้หลิงหยุนไม่มีเวลาที่จะใคร่ครวญอะไรมากนักเขารีบยกมือขึ้นชี้ไปที่กลุ่มหมอกสีม่วงและสีทองด้านบน พร้อมกับร้องบอกหนิงหลิงยู่ด้วยความกระวนกระวายใจ “หลิงยู่..กลุ่มหมอกสีม่วงและสีทองนั้นคือพลังอมตะที่บริสุทธิ์ยิ่งนัก เจ้ารีบดูดซับพลังอมตะทั้งสองเข้าไปในร่างกายให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังอมตะสีม่วงนั้น เข้าใจหรือไม่!”
หนิงหลิงยู่ยืนเอามือไขว้หลังพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองไปยังพลังอมตะสีม่วงพร้อมกับตอบไปว่า
“ฉันเข้าใจแล้ว..”
แต่ในระหว่างที่สองพี่น้องกำลังพูดคุยกันเพียงแค่สั้นๆนั้นก็ได้มีดอกโบตั๋นสีม่วง และดอกบัวเบ่งบานสีทอง ค่อยๆร่วงลงสู่ร่างของหนิงหลิงยู่ทีละดอก.. ทีละดอก..
หลิงหยุนได้แต่ยืนตกตะลึงและได้แต่คิดในใจว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! กายอัปสรได้รับการปฏิบัติที่พิเศษถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!
และนี่เป็นรางวัลที่ได้รับหลังข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์สำเร็จที่หลิงหยุนเพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก! แม้แต่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ เขาก็ไม่เคยพบเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน! หลิงหยุนซึ่งยืนอยู่บนกระบี่เหินเงาธนูห่างจากหนิงหลิงยู่ไปราวสิบเมตรนั้นได้แต่จ้องมองมวลดอกไม้ที่ทำมาจากพลังอมตะบริสุทธิ์ ร่วงลงสู่ร่างของหนิงหลิงยู่ดอกแล้วดอกเล่าด้วยความตกตะลึง..
เวลานี้..ร่างของหนิงหลิงยู่ที่ลอยล่องอยู่กลางอากาศ และล้อมรอบด้วยมวลดอกไม้นั้น ดูงดงามราวกับเทพธิดาที่อยู่ท่ามกลางเหล่าพฤกษาก็ไม่ปาน!
ดอกโบตั๋นสีม่วงและดอกบัวเบ่งบานสีทอง ยังคงร่วงลงสู่ร่างของหนิงหลิงยู่ตั้งแต่ศรีษะ ไหล่ ลำตัว จนกระทั่งจรดปลายเท้า
เวลานี้หนิงหลิงยู่กำลังดื่มด่ำและเรียนรู้กับขั้นใหม่ของตนเอง พร้อมกับดูดซับเอาพลังอมตะสีม่วง–ทองเข้าไปอย่างต่อเนื่อง..
“กายอัปสรช่างน่าทึ่งมากจริงๆ!”
หลิงหยุนได้แต่พึมพำออกมากับความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าและนึกยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้ของนางด้วย.. ระหว่างนั้นเขาก็จ้องมองกลุ่มหมอกสีม่วงทองด้วยความรู้สึกใจหายและได้แต่นึกกังวลใจว่าพลังอมตะมากมายถึงเพียงนี้ หนิงหลิงยู่จะสามารถดูดซับเข้าไปได้มากเพียงใด!
“เฮ้อ..น่าเสียดายจริงๆ!”
ผ่านไปราวสองสามนาที..ร่างของหนิงหลิงยู่ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถดูดซับเอาพลังอมตะสีม่วง และสีทองเข้าไปได้อีกแล้ว จนกระทั่งในที่สุดก็ไม่มีดอกโบตั๋น และดอกบัวบานร่วงหล่นลงมาอีก..
หลิงหยุนสังเกตเห็นว่ากลุ่มหมอกทั้งสองสีค่อยๆหดตัวลงทันทีและดูเหมือนจะกำลังลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
“เฮ้อ..จบกัน!”
แต่แล้วจู่ๆหลิงหยุนก็รู้สึกว่าจุดซือไห่ที่อยู่กึ่งกลางหว่างคิ้วนั้นเริ่มมีแรงสั่นสะเทือน และจุดตันเถียนก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว..
พรึบ..พรึบ..
พู่กันจักรพรรดิพุ่งออกจากกึ่งกลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนและสมุดจักรพรรดิก็ได้พุ่งออกจากจุดตันเถียนของเขา แล้วต่างก็พุ่งตรงขึ้นไปหากลุ่มหมอกสีม่วง และสีทองทันที!
วินาทีนั้นเอง..สมุดจักรพรรดิที่พุ่งตรงขึ้นไปยังกลุ่มหมอกสีม่วง และสีทองนั้น ก็ได้ขยายใหญ่กลายเป็นสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพสีทองที่ใหญ่กว่าหนึ่งร้อยเมตร ปิดกั้นโลกไว้..
เปลี่ยนเจตจำนงค์แห่งสวรรค์!
ในขณะที่พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ก็ได้พุ่งตรงเข้าสู่พลังอมตะสีม่วงและสีทอง ไม่ว่าจะพุ่งผ่านไปทางใดพลังอมตะทั้งสีม่วง และสีทองก็จะถูกดูดเข้าไปอย่างรวดเร็ว..
“นี่มัน..”
หลิงหยุนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับยืนตะลึง และเหตุการณ์เหมือนเมื่อครั้งที่อยู่บนเกาะเตียวหยูก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง..