บทที่ 1228 สื่อสารกับพู่กันจักรพรรด

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

“พ่อหนุ่ม..สนใจหรือไม่ล่ะ!”
  ท่ามกลางกลุ่มหมอกสีม่วงและสีทอง หลิงหยุนได้ยินคล้ายกับเสียงร้องตะโกนถามออกมาของใครบางคนดังขึ้น แต่ความจริงแล้วมันคือเสียงที่ดังก้องอยู่ในจุดซือไห่กลางหน้าผากของตนนั่นเอง..
  หลิงหยุนถึงกับนิ่งอึ้งและชะงักไปในทันที!
  วินาทีนี้หลิงหยุนกำลังตื่นเต้น..และตื่นเต้นอย่างที่สุด!
  หลิงหยุนตื่นเต้นอย่างมากจนสามารถสัมผัสได้ว่าทุกอณูในร่างกายของตนนั้นกำลังสั่นระริก และเวลานี้เขาก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไปเสียสนิท สิ่งเดียวที่เขาอยากทำในตอนนี้ก็คือการกรีดร้องออกมาดังๆ เท่านั้น..
  เวลานี้..พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ และสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพได้เริ่มเคลื่อนไหวพร้อมๆกัน และวัตถุวิเศษทั้งสองชิ้นก็กำลังจะต่อต้าน และเปลี่ยนแปลงกฏสวรรค์ ด้วยการฉกฉวยเอาพลังอมตะสีม่วง และพลังอมตะสีทองที่กำลังปรากฏอยู่นี้ไป..
  เช่นนี้แล้วจะไม่ให้หลิงหยุนตื่นเต้นจนแทบอยากจะกรีดร้องออกมาได้อย่างไรกันเล่า!
  แต่ความตื่นเต้นดีใจของหลิงหยุนในครั้งนี้ก็ไม่ได้มีเพียงเหตุผลเดียวแต่ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลซึ่งก็คือการที่พู่กันจักรพรรดิได้สื่อสารกับเขาแล้วนั่นเอง!
  ตลอดระยะเวลาหกเดือนมานี้..หลังจากที่หลิงหยุนได้ให้พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ดื่มเลือดของตนเข้าไปแล้ว หลิงหยุนก็ได้พยายามที่จะสื่อสารกับพู่กันด้ามนี้มาโดยตลอด แต่พู่กันจักรพรรดิก็เอาแต่นิ่งเงียบ และไม่ยินยอมสื่อสารกับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
  แต่ถึงกระนั้นในยามที่หลิงหยุนตกอยู่ในอันตรายหรือในสถานการณ์ที่วิกฤติจนถึงขั้นแทบเอาชีวิตไม่รอด พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ก็จะปรากฏตัวขึ้น ช่วยเหลือเขาให้รอดพ้นวิกฤติได้ทุกครั้งไป แต่ก็ยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมสื่อสารกับเขาอยู่ดี..
  ตลอดระยะเวลาหกเดือนมานี้..ใช่ว่าหลิงหยุนจะนิ่งเฉย หรือไม่พยายามที่จะสื่อสารกับพู่กันจักรพรรดิ เขาได้พยายามมาโดยตลอด และแทบนับครั้งไม่ถ้วน แต่ผลที่ได้ก็คือล้มเหลวทุกครั้งไป!
  แต่ถึงแม้ว่าจะล้มเหลวมาทุกครั้งหลิงหยุนก็ไม่เคยนึกย่อท้อ เขารู้ดีว่าในเมื่อพู่กันจักรพรรดิยอมดื่มเลือดของเขาเข้าไปแล้ว อีกทั้งยังยินยอมอยู่ในร่างของเขาเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าพู่กันจักรพรรดิได้ยอมรับในตัวขาแล้วเช่นกัน
  ในเมื่อเป็นเช่นนี้..ย่อมต้องมีสักวันที่พู่กันจักรพรรดิจะยินดีสื่อสารกับเขาผู้เปรียบเสมือนเจ้าบ้าน!
  หลิงหยุนคาดว่าพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ด้ามนี้น่าจะเคยผ่านศึกสงคราม หรือการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมรุนแรงมา ดวงจิตที่อยู่มนุษย์ก็จะปรากฏตัวขึ้น ช่วยเหลือเขาให้รอดพ้นวิกฤติได้ทุกครั้งไป แต่ก็ยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมสื่อสารกับเขาอยู่ดี..
  ตลอดระยะเวลาหกเดือนมานี้..ใช่ว่าหลิงหยุนจะนิ่งเฉย หรือไม่พยายามที่จะสื่อสารกับพู่กันจักรพรรดิ เขาได้พยายามมาโดยตลอด และแทบนับครั้งไม่ถ้วน แต่ผลที่ได้ก็คือล้มเหลวทุกครั้งไป!
  แต่ถึงแม้ว่าจะล้มเหลวมาทุกครั้งหลิงหยุนก็ไม่เคยนึกย่อท้อ เขารู้ดีว่าในเมื่อพู่กันจักรพรรดิยอมดื่มเลือดของเขาเข้าไปแล้ว อีกทั้งยังยินยอมอยู่ในร่างของเขาเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าพู่กันจักรพรรดิได้ยอมรับในตัวขาแล้วเช่นกัน
  ในเมื่อเป็นเช่นนี้..ย่อมต้องมีสักวันที่พู่กันจักรพรรดิจะยินดีสื่อสารกับเขาผู้เปรียบเสมือนเจ้าบ้าน!
  หลิงหยุนคาดว่าพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ด้ามนี้น่าจะเคยผ่านศึกสงคราม หรือการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมรุนแรงมา ดวงจิตที่อยู่ภายในพู่กันจักรพรรดิจึงได้หลับใหล เสมือนอยู่ในช่วงของการพักรักษาและฟื้นฟู ซึ่งหลิงหยุนคิดว่าหากเป็นเช่นนี้ ก็คงต้องอาศัยระยะเวลาที่ยาวนาน..
  เขาคิดว่าระยะเวลาสำหรับการฟื้นฟูน่าจะกินระยะเวลาที่นานมากอาจจะนานถึงห้าปี หรือสิบปีก็เป็นได้ แต่หลิงหยุนก็ยินดีที่จะรอคอยอย่างอดทน และในระหว่างนี้ก็พยายามพัฒนาขั้นพลังของตนเองให้สูงขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้..
  แต่กลับไม่นึกไม่ฝันว่า..จู่ๆ ดวงจิตที่อยู่ภายในพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์จะตื่นขึ้นมาแล้ว!
  “พ่อหนุ่ม..”
  และทันทีที่เสียงร้องเรียกดังก้องขึ้นภายในจุดซือไห่กลางหว่างคิ้ว..หลิงหยุนก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที และเวลานี้ดวงตาของเขาดูเหมือนจะรื้นไปด้วยน้ำตาแห่งความปิติยินดี!
  นี่คือสิ่งที่หลิงหยุนเฝ้ารอคอยมาเนิ่นนาน..และเวลานี้ร่างของหลิงหยุนก็แน่นิ่งไปราวกับรูปปั้นหิน!
  หลิงหยุนได้แต่คิดอยู่ในใจว่า..ในเมื่อพู่กันจักรพรรดิเริ่มสื่อสารกับตนแล้ว ย่อมหมายความว่าดวงจิตที่สถิตอยู่ในพู่กันด้ามนี้ ได้ตื่นจากความหลับใหลแล้ว!
  พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์นับว่าเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่มีมาแต่โบร่ำโบราณและจัดว่าเป็นของวิเศษในระดับเซียน ในเมื่อพู่กันจักรพรรดิตื่นจากความหลับใหลแล้วเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าจากนี้ไปหลิงหยุนจะได้มีโอกาสล่วงรู้ความลับในอดีตกาลที่ไม่เคยได้ถูกเปิดเผย และย่อมหมายความว่าเส้นทางของหลิงหยุนจากนี้ไปจะน่าอัศจรรย์ใจมากเพียงใด
  และนี่คือสิ่งที่วิเศษสุดซึ่งแม้แต่พลังอมตะล้ำค่าทั้งสองชนิดบนท้องฟ้าเวลานี้ยังไม่อาจเทียบได้!
  “พ่อหนุ่ม..เจ้าอย่าได้ตื่นเต้นไปนัก! ประเดี๋ยวจะสะเทือนต่อจิตแห่งเต๋าของเจ้า เพราะหากเป็นเช่นนั้น ชายชราเช่นข้าคงจะนึกเสียใจไม่น้อย!”
  เสียงพูดดังขึ้นอีกครั้งภายในจุดซือไห่ของหลิงหยุนน้ำเสียงนั้นฟังดูขี้เล่นไม่น้อย!
  การสูญเสียจิตแห่งเต๋านั้นย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นกับหลิงหยุนเป็นแน่เพียงแต่เวลานี้เขาเกิดความตื่นเต้นอย่างที่สุดจนยากที่จะบรรยายออกมาได้!
  ทันทีที่ได้ยินเสียงพูดดังก้องขึ้นอีกครั้งหลิงหยุนจึงรีบสงบจิตสงบใจ และเริ่มสื่อสารกับเจ้าของเสียงภายในจุดซือไห่ของตน..
  “อาวุโส..ข้าควรทำเช่นใด”
  พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์นั้นเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอดีตองค์จักรพรรดิฝูซีได้เคยใช้งาน และในเมื่อเป็นสมบัติที่ตกทอดมาจากองค์จักรพรรดิในอดีตกาลเช่นนี้ การที่หลิงหยุนเรียกดวงจิตที่สถิตอยู่ภายในนั้นว่า ‘อาวุโส’ จึงนับว่าเป็นเรื่องที่สมควรยิ่งนัก..
  หลังจากที่พู่กันจักรพรรดิพุ่งออกมาจากกึ่งกลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนแล้วมันก็ไม่ได้ขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นเหมือนทุกครั้ง และยังคงมีขนาดเท่าเข็มเล่มหนึ่งเช่นเดิม แต่ก็สามารถดูดซับเอาพลังอมตะสีทองเข้าไปได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ไม่น้อย!
  “เจ้ารีบนำหม้อเสินหนงออกมาเพราะนี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนัก!”
  “ว่าแต่เจ้าจะกล้าพอหรือไม่ล่ะ!”
  นับว่าเหนือความคาดหมายของหลิงหยุนยิ่งนักเพราะหลังจากที่พู่กันจักรพรรดิเริ่มที่จะสื่อสารกับเขานั้น ก็ดูเหมือนไม่คิดที่จะหยุดพูดอีกเลย..
  การที่พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ถามหลิงหยุนว่ากล้าหรือไม่นั้น..ย่อมต้องมีเหตุผล เพราะเวลานี้ท้องฟ้าเบื้องบนได้เปลี่ยนเป็นน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก!
  ส่วนสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพนั้นหลังจากที่พุ่งออกจากจุดตันเถียนของหลิงหยุน มันก็ได้ทำหน้าที่เป็นโล่ปกป้องผืนดินเบื้องล่างจากสวรรค์เบื้องบน โดยการขยายตัวเองออกกั้นระหว่างผืนฟ้ากับผืนดินไว้..   ทำให้หลิงหยุนไม่สามารถมองเห็นได้ว่าท้องฟ้าเบื้องบนที่อยู่เหนือสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพไปนั้นมีสภาพเช่นใดบ้าง
  ท้องฟ้าเบื้องบนเวลานี้มีสภาพคล้ายกับหลุมดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเนื่องจากได้มีพายุหมุนสีดำลูกใหญ่ก่อตัวขึ้น และภายในพายุหมุนที่ดูคล้ายหลุมดำขนาดมหึมานั้น ก็ยังมีสายฟ้าขนาดใหญ่อีกมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ด้วยเช่นกัน..
  สภาพท้องฟ้าเวลานี้..ดูคล้ายกับว่าพายุหมุนลูกมหึมากำลังพุ่งเข้าใส่สมุดจักรพรรดิสีทองที่มีขนาดใหญ่โตกว่าหนึ่งร้อยเมตร จนสมุดจักรพรรดิสีทองถึงกับสั่นสะเทือน และโคลงเคลงอย่างรุนแรง คล้ายกับเรือที่กำลังล่องลอยอยู่กลางท้องทะเล และกำลังประสบกับคลื่นลมรุนแรงที่โหมกระหน่ำเข้าใส่!
  นี่คือรางวัลที่มอบให้ผู้ฝึกตนตามกฏสวรรค์การที่มีผู้อาจหาญมาฉกฉวยแย่งชิงไปเช่นนี้ สวรรค์จะไม่โกรธได้อย่างนั้นหรือ
  ภายในพายุหมุนดำทะมึนขนาดมึหมานั้นมีทั้งอสุนีบาตสีดำ สีทอง สีม่วง และสีเขียวจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน อีกทั้งแต่ละเส้นยังมีขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่าสองหรือสามเมตรเลยทีเดียว และเวลานี้สมุดจักรพรรรดิแห่งผืนพิภพก็กำลังถูกสายฟ้าเหล่านั้นฟาดใส่อย่างไม่ปราณี จนถึงกับกระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลงอย่างน่าหวาดผวา!
  แต่น่าเสียดายที่สมุดจักรพรรดิสีทองได้ขยายใหญ่จนบดบังสายตาของหลิงหยุนไว้ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องบนได้ สิ่งที่หลิงหยุนเห็นจึงมีเพียงแค่สมุดสีทองเล่มใหญ่ที่กำลังลอยขึ้นๆลงๆอยู่เช่นนั้น..
  หากหลิงหยุนสามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือสมุดจักรพรรรดิแห่งผืนพิภพได้และได้เห็นสายอสุนีบาตที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้น เขาก็จะรู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่อสุนีบาตที่ควรจะต้องพบเจอได้ในโลกใบนี้..
  และที่น่าแปลกใจอย่างยิ่งก็คือ..แม้แผ่นฟ้าจะเกรี้ยวกราดสักเพียงใด แต่ผืนดินภายใต้การปกป้องของสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพนั้น กลับสงบนิ่งราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น..
  แต่ถึงแม้หลิงหยุนไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเขาก็สามารถได้ยินด้วยหู และได้แต่คิดในใจว่าการฝ่าฝืนกฏสวรรค์นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถทำได้ง่ายๆ!
  และจากที่ได้เห็นสมุดจักรพรรดิที่กระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลงอย่างรุนแรงนั้นหลิงหยุนก็พอจะจิตนาการได้ว่าสมุดจักรพรรดิต้องรองรับความโกรธเกรี้ยวของสวรรค์มากเพียงใด และหากสมุดจักรพรรดิไม่อาจต้านทานไว้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างบนผืนดินแห่งนี้ จะต้องถูกสวรรค์พังราบไม่มีสิ่งใดหลงเหลือแม้แต่สิ่งเดียว!
  แต่คนอย่างหลิงหยุนมีอุปนิสัยเช่นใดนั้นหลายคนย่อมรู้ดี!
  ทันทีที่ได้ยินคำท้าทายดังออกมาจากพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์หลิงหยุนจึงเงยหน้าขึ้นมองไปเบื้องบน พร้อมกับเรียกหม้อเสินหนงออกมาจากแหวนจักรวาลทันที!   ฟิ้ว..
  ทันทีที่หม้อเสินหนงพุ่งออกมาแสงสว่างสีเขียวแปลกตาก็เจิดจรัสขึ้นมาทันที คล้ายกับกำลังทักทายพู่กันจักรพรรด และสมุดจักรพรรดิที่กำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ..
  ทันทีที่หม้อเสินหนงพุ่งออกมาจากแหวนจักรวาลแล้วมันก็ลอยขึ้นไปอยู่เหนือศรีษะของหลิงหยุนทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่ง และคอยทำหน้าที่ปกป้องความปลอดภัยให้กับหลิงหยุน..
  “ฮ่า..ฮ่า.. พ่อหนุ่ม! ตามข้าขึ้นมาขโมยพลังอมตะได้แล้ว!”
  พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์สื่อสารกับหลิงหยุนอีกครั้งและตัวมันเองก็ยังคงบินร่อนกลับไปกลับมาอยู่ท่ามกลางกลุ่มหมอกสีม่วง และสีทอง
  ระหว่างนั้นหนิงหลิงยู่ซึ่งยืนอยู่ไกลออกไปได้เห็นหลิงหยุนเรียกหม้อเสินหนงออกมา จึงได้แต่ร้องถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ  “พี่ใหญ่..มีอะไรหรือไม่! เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ?!”
  “หลิงยู่..ไม่ต้องตกใจไป ไม่มีอะไร.. ข้าก็แค่ไม่อยากให้รางวัลที่สวรรค์ประทานให้นี้สูญสลายไปอย่างน่าเสียดาย!”
  หลิงหยุนร้องบอกหนิงหลิงยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจากนั้นตัวเขาเองก็เหาะพุ่งตรงเข้าไปยังกลุ่มหมอกสีม่วง และไม่ลืมที่จะย้ำกับหนิงหลิงยู่ว่า..
  “เจ้ารอข้าอยู่ที่นั่นเดี๋ยวข้ากลับมา!”
  หนิงหลิงยู่ยืนเอามามือไขว้หลังพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร ดวงตาของนางดูเย็นชา และไม่อาจรู้ได้ว่านางกำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่!
  กลุ่มหมอกสีม่วงอยู่สูงจากพื้นดินไปไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตรกระบี่เหินเงาธนูของหลิงหยุนจึงเหาะขึ้นไปถึงในเวลาที่ไม่นานนัก ทันทีที่ไปถึงหลิงหยุนก็เปิดรูขุมขนทั่วร่างกาย และเริ่มดูดซับเอาพลังอมตะสีม่วงเข้าไปในร่างกายทันที!   “เจ้าหนู..เจ้ากล้ามาก!”
  พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์เอ่ยชื่นชมหลิงหยุนทันทีที่เห็นเขาเหาะขึ้นมาดูดซับเอาพลังอมตะสีม่วงเช้าไปอย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้
  พลังอมตะสีม่วงจำนวนมากมายเช่นนี้หลิงหยุนไม่เพียงดูดซับเข้าไปทั่วร่างกาย แต่ยังเดินวิชาพลังลับหยิน–หยางขั้นสุด เพื่อดูดพลังอมตะสีม่วงนี้เข้าไปในจุดตันเถียนของตนเองด้วย
  หลิงหยุนสังเกตเห็นว่าหม้อเสินหนงไม่เพียงเหาะตามเขาขึ้นไปข้างบนเพื่อคอยปกป้องแต่ตัวมันเองก็ยังดูดเอาพลังอมตะสีม่วงเข้าไปด้วยเช่นกัน จนแสงสีเขียวนั้นเริ่มสว่างไสวมากขึ้น และขยายใหญ่ขึ้น..
  “เจ้าดูดซับเข้าไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่เจ้าจะสามารถทำได้เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกของเจ้าอย่างมากในวันข้างหน้า!”
  พู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์เอ่ยแนะนำหลิงหยุน..  การที่ทั้งสองสื่อสารกันนั้นไม่ใช่การพูดด้วยเสียง แต่เป็นการสื่อสารผ่านทางจิต!
  “ขอบคุณอาวุโสที่ชี้แนะ!เพียงแต่..”
  แม้หลิงหยุนจะอยู่ท่ามกลางกลุ่มหมอกสีม่วงและยังคงดูดซับเอาพลังอมตะสีม่วงเข้าไปอย่างดุเดือด แต่ก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยถามออกมาด้วยความเป็นห่วง..
  “สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!”
  “อ่อ..เจ้าไม่ต้องกังวลใจไป!”
  “หากเป็นทัณฑ์สวรรค์ลิ่วจิ่วพวกเราก็คงไม่กล้าทำเช่นนี้แน่! แต่นี่เป็นแค่ทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่ว รับมือได้ไม่ยาก!”
  ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ได้ใช้เนตรหยิน–หยางของตนจ้องมองไปยังกลุ่มหมอกสีทองซึ่งพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์กำลังดูดซับเข้าไปนั้น เขาก็ได้เห็นเงาเลือนลางที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ปรากฏขึ้น เงานั้นมีลักษณะคล้ายชายชราหน้าตาใจดี สวมรองเท้าเก่าๆคู่หนึ่ง..
  ‘นี่คือภาพของจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์หรือว่าเป็นภาพดวงจิตของผู้ที่สถิตอยู่ในพู่กันจักรพรรดิกันแน่นะ!’
  หลิงหยุนได้แต่คาดเดาอยู่ในใจเงียบๆคนเดียวแต่ก็ไม่ได้ร้องถามออกไป..
  “เป็นไปได้ทั้งสองอย่าง..”
  ดูเหมือนพู่กันจักรพรรดิจะล่วงรู้ความคิดของหลิงหยุนจึงได้สื่อสารกลับมาเช่นนั้น..
  และจากคำพูดประโยคนี้ทำให้หลิงหยุนต้องการจะรู้ว่า เวลานี้จักรพรรดิทั้งสามอยู่ ณ ที่แห่งใดกัน
  “พ่อหนุ่ม..อย่าได้อาจหาญคิดเช่นนี้อีก! ขั้นของเจ้ายังต่ำต้อยเกินไป เมื่อถึงเวลาข้าจะบอกกับเจ้าเอง!”
  หลิงหยุนเข้าใจได้อย่างง่ายดายและหยุดคิดเรื่องนี้ทันที จากนั้นจึงหันมาจดจ่ออยู่กับการดูดซับเอาพลังอมตะสีม่วงเข้าไปในร่างกายต่อ..   ร่างกายของหลิงหยุนเวลานี้จะสามารถดูดซับพลังอมตะเหล่านี้เข้าไปได้มากกว่าหนิงหลิงยู่ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดขั้นซื่อเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-4) อย่างนั้นหรือ
  เพียงแค่ไม่กี่นาที..หลิงหยุนก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างกาย แม้กระทั่งจุดตันเถียนของเขานั้น ไม่สามารถที่จะดูดซับพลังอมตะเข้าไปได้อีกแม้แต่น้อย..
  ‘ขั้นของข้ายังต่ำเกินไป!’หลิงหยุนได้แต่นึกเสียดาย..
  หลังจากที่ไม่สามารถดูดซับพลังอมตะเข้าไปได้อีกแล้วจู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงหยุน เขาจึงรีบร้องถามออกไปทันที
  “อาวุโส..สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ ผู้อื่นจะรู้เห็นหรือไม่!”
  เรื่องของพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์และสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพนั้น นับเป็นความลับสุดยอดของหลิงหยุน เขาจึงกังวลว่าจะมีผู้อื่นล่วงรู้!