บทที่ 549 เขตแดนหมอก

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 549 เขตแดนหมอก

เมื่อเวลาผ่านไปได้สักพัก ในที่สุดเย่ชิงเฉิงก็พาหลิงตู้ฉิงมาถึงเขตแดนหมอกที่อยู่ด้านหลังสำนักของนาง ซึ่งมันก็ทำให้บรรดาคนในตระกูลอื่น ๆ ได้ทราบข่าวนี้เช่นกัน

อันที่จริงบรรดาตระกูลอื่น ๆ ก็ได้รู้เรื่องของหลิงตู้ฉิงแล้วจากหานซ่งหยวนที่เห็นหลิงตู้ฉิงเมื่อวานนี้ ซึ่งพวกเขาต่างก็มารออยู่ที่นี่กันก่อนแล้วเพื่อดูว่าหลิงตู้ฉิงจะมีวิธีการอะไรที่จะสามารถแก้ไขหมอกนี้ได้หรือไม่

ทางด้านของหลิงตู้ฉิง เมื่อเขามาถึงด้านหลังสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่มีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาน้อยใหญ่มากมาย เขาก็ได้เห็นว่าในตอนนี้มีหมอกสีเทาที่หนาทึบได้ปกคลุมไปทั่วบริเวณตีนเขาทุกลูกจนมองเห็นแต่ยอดเขาที่โผล่พ้นขึ้นมาเท่านั้น

หมอกที่เขาเห็นนี้มันมีความพิเศษเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะมีลมที่พัดผ่านมันแรงเพียงใดมันก็ไม่กระจายเคลื่อนไป มันเหมือนกับว่าหมอกเหล่านี้จะคงอยู่ที่นี่ไปตลอดชั่วกาลนาน

“สามี มันเป็นหมอกนี้นี่แหละที่ดูดกลืนคนของสำนักเราเข้าไปจำนวนมาก แถมมันยังข่มมหาวิถีเต๋าของเราเอาไว้ไม่ให้พัฒนาต่อไปได้ ในตอนนี้เมื่อท่านเห็นแล้วท่านคิดว่าท่านสามารถจัดการกับมันได้ไหม?” เย่ชิงเฉิงชี้นิ้วไปยังเขตแดนหมอกที่อยู่ไม่ไกล

เมื่อเห็นหมอกสีเทานี้ หลิงตู้ฉิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน ถึงแม้ว่าเขาจะได้ยินสิ่งที่เย่ชิงเฉิงถาม แต่เขาก็ยังคงไม่ตอบอะไร

จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปใกล้กับเขตแดนหมอกอีก จนสุดท้ายพวกเขาก็ไปถึงด้านข้างของมัน

หลิงตู้ฉิงยืนอยู่ใกล้หมอกจนเรียกได้ว่าหากเขาก้าวไปอีกก้าวเดียวเขาก็จะไปเข้าไปด้านในแล้ว

จากนั้นเมื่อเขายืนจ้องมันอยู่ได้สักพัก เขาก็ตัดสินใจที่จะค่อย ๆ เดินเข้าไปในหมอกสีเทา

“สามี ระวัง!” เย่ชิงเฉิงรีบตะโกนขึ้น

หลิงตู้ฉิงโบกมือและตะโกนกลับว่า “ข้าไม่ได้จะเข้าไป ข้าเพียงแค่อยากจะสัมผัสอะไรบางอย่างแถวนี้ก็เท่านั้น มันไม่มีอันตรายอะไรหรอก”

ในขณะเดียวกับที่เขาก้าวเข้าไปในเขตแดนหมอก เขาก็รู้สึกประหลาดใจทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นยินดีเป็นอย่างมาก ซึ่งมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าอีกหลายก้าวใหญ่

แต่เมื่อก้าวไปข้างหน้าได้สักพัก เขาก็ค่อย ๆ ถอยตัวออกมา

“สามี เป็นยังไงบ้าง?” เย่ชิงเฉิงรีบถามขึ้นเมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเดินออกมาแล้ว

หลิงตู้ฉิงสูดหายใจลึก แต่ในขณะที่เขากำลังจะตอบ ร่างของคนผู้หนึ่งจู่ ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นและพูดกับมู่หลงหยานว่า “นายหญิง ตอนนี้เฉินจี้ซีได้ฝ่าส่วนชายขอบของเขตแดนหมอกเข้าไปได้จนถึงส่วนพื้นที่ด้านใน 15 กิโลเมตรสุดท้ายแล้วโดยไม่มีปัญหาอะไร หลาย ๆ คนก็ลองเข้าไปตามเส้นทางที่เฉินจี้ซีเปิดเอาไว้ ซึ่งมันก็ไม่มีปัญหาอะไรเช่นกัน ดังนั้นในตอนนี้ทุกคนจึงได้ไปรวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่ของสำนัก และกำลังรอให้นายหญิงไปพบเพื่อปรึกษากันว่าจะเอายังไงต่อไป”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่หลงหยานก็แสดงสีหน้าซับซ้อนทันที จากนั้นนางก็ตอบกลับว่า “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้! ชิงเฉิง ในเมื่อตู้ฉิงได้เห็นหมอกนี่แล้ว ดังนั้นเจ้าจงพาเขาตามไปที่ห้องโถงใหญ่ของสำนักด้วยเพื่อให้เขาได้อธิบายสิ่งที่เขาเห็นกับคนในสำนัก!”

เมื่อพูดจบ ร่างของมู่หลงหยานก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา และไปปรากฏกายที่ห้องโถงใหญ่ของสำนัก

ทางด้านของคนที่เหลือของตระกูลเย่ เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวนี้พวกเขาก็รีบไปที่ห้องโถงใหญ่ของสำนักเช่นกัน มันไม่มีใครสักคนที่จะสนใจเห็นหลิงตู้ฉิงอยู่ในสายตา แม้กระทั่งพี่ชายทั้งสามของเย่ชิงเฉิงก็รีบจากไปเช่นกัน

“บ้าจริง ๆ เลย!” เย่ชิงเฉิงกัดฟันกรอด “สามี เฉินจี้ซี ผู้นี้ถูกเชิญมาโดยเล้งหวง ซึ่งถ้าเขาสามารถแก้ไขปัญหาหมอกนี้ได้ พวกเราจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่แน่นอน”

หลิงตู้ฉิงแสดงสีหน้าเย้ยหยันและพูดว่า “เข้าไปได้ถึงพื้นที่ด้านในงั้นเหรอ? น่าตลก! ข้าเคยบอกไปแล้วไงว่านอกจากข้า มันไม่ใครหน้าไหนที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้และยิ่งในตอนนี้ที่ข้าได้เห็นมันแล้ว ข้ายิ่งแน่ใจในเรื่องนี้เป็นที่สุด!”

“สามี ท่านแน่ใจแน่นะ?” เย่ชิงเฉิงรีบเอ่ยถามขึ้น

“แน่ใจแน่นอนที่สุด!” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ

เย่ชิงเฉิงมองไปที่หลิงตู้ฉิงอยู่สักพัก จากนั้นนางก็เผยรอยยิ้มออกมาและพูดว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะพาท่านไปที่ห้องโถงใหญ่ของสำนักเพื่อไปเจอกับคนพวกนั้น หากท่านสามารถรีดไถพวกเขาให้หมดตัวได้ท่านก็ทำไปเลยไม่ต้องไว้หน้าข้า!”

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “แน่นอน ข้าจะเรียกราคาพวกเขาจนขนหัวลุกเชียวล่ะ”

อันที่จริงหลิงตู้ฉิงไม่ได้ลืมว่าเขาเคยพูดว่าเขาจะเอาเพียงแต่ของที่อยู่ข้างในหมอกเพียงอย่างเดียว แต่มันบังเอิญว่าเมื่อครู่ที่เขาได้เห็นหมอกนี้แล้ว เขาก็รู้ว่าวิธีที่จะจัดการกับมันนั้นต้องใช้เงินและความพยายามไม่ใช่น้อย ๆ ดังนั้นเขาจึงใช้หลักการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม เรียกค่าจ้างของเขาเพิ่มขึ้น!

ที่ด้านในห้องโถงใหญ่ของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ บรรดาผู้คนมากมายที่อยู่ในห้องโถงต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าตื่นเต้น เนื่องจากในที่สุดพวกเขาก็มีความหวังที่จะแก้ไขปัญหาในเขตแดนหมอกนั่นได้แล้ว

ในอดีตนับตั้งแต่ตอนที่เจ้าสำนักของพวกเขาฝ่าเข้าไปได้ถึงระยะ 15 กิโลเมตรจากจุดศูนย์กลางและหายตัวไป มันก็ไม่มีใครที่เข้าไปได้ลึกถึงขนาดนั้นอีก และในตอนนี้เฉินจี้ซีกลับสามารถทำได้อีกครั้ง มันก็ทำให้พวกเขามีความหวังที่จะสามารถพาคนของตัวเองกลับมาได้

ในขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ในอาการตื่นเต้น เล้งเจี้ยนชิวและเล้งหวงก็เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ของสำนักพร้อมกับเฉินจี้ซี ซึ่งทุกคนก็มองไปที่เฉินจี้ซีด้วยสายตาตื่นเต้นกันหมด

“ผู้อาวุโสเฉิน โปรดนั่งลงก่อน!” กลุ่มคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ต่างพากันต้อนรับเฉินจี้ซีอย่างสุภาพ

ตรงที่นั่งของเจ้าสำนักที่เคยเป็นของเย่ชางคง ในตอนนี้นั้นว่างเปล่า จะมีก็แค่ที่นั่งที่อยู่ด้านข้างเท่านั้น คือ มู่หลงหยาน

นางไม่อยากที่จะไปนั่งตรงที่นั่งของสามีตนเอง เพราะในตอนนี้ปัญหาภายในสำนักมันก็มีมากเพียงพออยู่แล้ว นางไม่ต้องการให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นประเด็นให้ซุบซิบนินทากันอีก

เมื่อเห็นว่าเฉินจี้ซีเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่แล้ว นางจึงลุกขึ้นและเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ท่านเฉินจี้ซี โปรดเชิญนั่งก่อน”

เฉินจี้ซีพยักหน้ารับและเอ่ยตอบอย่างสุภาพ “ขอบคุณ ฮูหยินเย่”

หลังจากที่ทุกคนนั่งลงประจำที่ของตัวเอง พวกเขาก็เริ่มถกกันเรื่องการสำรวจเขตแดนหมอกทันที ประกอบกับตอนนี้เฉินจี้ซีได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเขาสามารถเข้าไปถึงพื้นที่ส่วนในของเขตแดนหมอกได้ ดังนั้นทุกคนจึงมีความเชื่อมั่นใจตัวเขาเป็นอย่างมาก

เมื่อผ่านไปสักพัก มู่หลงหยานก็สั่งให้ทุกคนเงียบและพูดว่ากับเฉินจี้ซีว่า “ท่านเฉิน ท่านคิดว่าพวกเราควรจะทำอย่างไรต่อไปดี? ในเมื่อท่านสามารถสำรวจเข้าไปได้ถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าท่านจะพูดอะไรพวกเราจะเอามาพิจารณาดู”

ถึงแม้ว่านางจะเป็นคนเชิญให้หลิงตู้ฉิงมาที่นี่ แต่ในเมื่อหลิงตู้ฉิงยังไม่ได้พิสูจน์อะไรให้นางเห็นเป็นชิ้นเป็นอัน ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะปรึกษากับเฉินจี้ซีที่แสดงความสามารถให้กับทุกคนเห็นแล้วก่อน

เฉินจี้ซีหัวเราะ “ต่อไปข้าก็คงต้องขอรบกวนให้พวกท่านช่วยร่วมมือกันกับข้าเพื่อเข้าไปสำรวจพื้นที่ส่วนใน ยิ่งข้าเข้าไปไกลลึกเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งต้องใช้พลังมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นข้าคิดว่านับจากต่อไปนี้ข้าคงไม่สามารถเข้าไปสำรวจได้ด้วยตัวเองคนเดียว ข้าคงต้องพึ่งพลังของพวกท่านให้ช่วยเกื้อหนุนข้าด้วย”

“ฮ่าฮ่าฮ่า แน่นอน พวกเราจะช่วยท่านอย่างแน่นอน!” หานเว่ยฮุยจากตระกูลหานหัวเราะเสียงดังลั่น