บทที่ 550 บังคับแต่งงาน

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 550 บังคับแต่งงาน

บรรดาผู้คนที่มารวมตัวกันในห้องโถงใหญ่ของสำนักตอนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบรรดาบุคคลสำคัญของตระกูลทั้งหลายที่มีอยู่ในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแน่นอนคำพูดใด ๆ ของหานเว่ยฮุยที่พูดออกมามันก็สามารถแทนคำพูดของตระกูลหานได้ทั้งตระกูล

นอกจากหานเว่ยฮุยแล้ว ยังมีหยูยงเห่าจากตระกูลหยูก็พูดขึ้นด้วยเช่นกัน “ท่านเฉิน ถ้าหากท่านต้องการสิ่งใด ได้โปรดอย่าลังเลที่จะเอ่ยมันออกมา ตระกูลหยูจะช่วยท่านอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะยังไงพวกเราต้องหวังพึ่งท่านให้ช่วยแก้ไขปัญหาหมอกนั่นให้หมดไป”

ในเมื่อบรรดาคนที่เอ่ยปากพูดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิกันทั้งสิ้น ดังนั้นคำพูดของพวกเขาย่อมมีน้ำหนักเชื่อถือได้

เฉินจี้ซียิ้มและพูดว่า “ตั้งแต่ที่ข้าสัญญาเอาไว้กับศิษย์เอกของพวกท่านว่าจะมาช่วยพวกท่าน ข้าก็ตั้งใจว่าจะทำมันอย่างเต็มที่อยู่แล้ว แน่นอนว่าขอบคุณพวกท่านมาก และแน่นอนว่าเมื่อไหร่ที่ข้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าจะบอกกับพวกท่านให้ทราบในทันที”

ประโยคที่เฉินจี้ซีหมายถึงก็คือ อันที่จริงแล้วการที่เขามาช่วยนั้นไม่ใช่เพราะว่าเขามาเพราะเห็นแก่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาเห็นแก่เล้งหวงที่เป็นคนไปตามเขามา

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็เข้าใจในความหมายของเฉินจี้ซีเป็นอย่างดี พวกเขาต่างพยักหน้ากันเล็กน้อย

แม้กระทั่งหานเว่ยฮุยยังต้องหันไปพูดกับเล้งหวงว่า “หลานเล้งหวง ถ้าหากท่านเฉินต้องการสิ่งใด เจ้าก็สามารถมาบอกพวกข้าได้ทุกเมื่อเลยนะ”

ความหมายของประโยคนี้ก็คือ ตราบใดที่พวกเจ้าสามารถแก้ปัญหาหมอกนั่นได้ พวกเจ้าก็สามารถบอกข้อเรียกร้องของพวกเจ้ามาได้เลย!

ทุกคนรู้กฎของการแลกเปลี่ยนพื้นบานแบบนี้ดีอยู่แล้ว เฉินจี้ซีไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยพวกเขาโดยไร้ผลตอบแทนแน่นอน และมันก็คงจะไม่ยุติธรรมเป็นอย่างมากที่จะให้เล้งหวงเป็นผู้จ่ายเพียงคนเดียว

ดังนั้นในเมื่อตอนนี้พวกเขากำลังจะได้รับประโยชน์จากการกระทำของเล้งหวง มันจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องจ่ายคืน

เล้งเจี้ยนชิวไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่เล้งหวงกลับพูดขึ้นว่า “การที่ผู้อาวุโสเฉินมาช่วยพวกเราในครั้งนี้มันก็คือประโยชน์ร่วมกันของทุกคน ดังนั้นหากผู้อาวุโสเฉินต้องการให้ข้าช่วยเหลืออะไรแล้ว ข้าไม่สามารถตอบสนองได้ ข้าคงต้องขอรบกวนทุกท่านให้ช่วยสนับสนุนข้าอีกแรง”

“มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว!” มู่หลงหยานพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะสั่งให้ทุกคนในสำนักเตรียมตัวรอคำขอจากท่านเฉิน เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาหมอกที่อยู่หลังสำนัก”

“ขอขอบคุณมาก ยังไงซะข้าก็ต้องการความช่วยเหลือจากพวกท่านแน่นอน!” เฉินจี้ซี เอ่ยขึ้น “อันที่จริง ฮูหยินเย่ ข้าเองก็มีเรื่องที่อยากจะพูดกับท่านอยู่เรื่องหนึ่งเช่นกัน”

“เรื่องอะไรงั้นหรือ?” มู่หลงหยานถามขึ้น

ในตอนนี้นางรู้แล้วว่าปัญหากำลังมาเยือนนางแล้ว

เฉินจี้ซียิ้มและพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าลูกสาวของท่านมีความฉลาดหลักแหลมและทรงเสน่ห์เป็นอย่างมาก ซึ่งมันทำให้ผู้คนมากมายต่างต้องคลั่งไคล้ ซึ่งก็รวมไปถึงสหายตัวน้อยของข้า เล้งหวง เขาไม่สามารถที่จะลบภาพของลูกสาวท่านออกไปจากหัวของเขาได้เลย แถมข้ายังได้รู้มาอีกว่าบรรดาผู้คนมากมายต่างก็รู้ว่าเขาชอบพอกับลูกสาวของท่านมานานแล้ว ข้าอยากบอกตรงว่า ๆ ตั้งแค่ที่ข้าได้พบกับสหายน้อยผู้นี้ก็รู้สึกต้องชะตาเป็นอย่างมากและอยากช่วยให้ฝันของเขาเป็นจริง ดังนั้นข้าอยากจะใคร่ขอให้ท่านลองพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูสักหน่อยว่าเห็นสมควรหรือไม่ที่จะให้พวกเขาแต่งงานกัน!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเฉินจี้ซี ทุกคนต่างก็รีบหันหน้าไปมองมู่หลงหยานและเล้งหวงทันที

ทุกคนต่างได้ยินข่าวว่า เย่ชิงเฉิงแต่งงานกันหมดแล้ว แต่ทุกคนไม่คาดคิดว่าเล้งหวงยังคงอาลัยอาวรณ์อยู่ขนาดนี้เลยงั้นหรือ?

มู่หลงหยานข่มความโกรธเอาไว้ในใจ และพูดกับเล้งหวงด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอนว่าหลานเล้งหวงนั้นเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดกับลูกสาวของข้า แต่น่าเสียดายที่ในตอนนี้ลูกสาวของข้าได้แต่งงานไปแล้ว ซึ่งหลานเล้งหวงเองก็รู้แล้วไม่ใช่งั้นเหรอ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ลูกสาวของป้าจะแต่งงานกับเจ้าได้ยังไง? เอาแบบนี้ไหม ป้ามีหลานสาวอยู่คนหนึ่ง ซึ่งกำลังถึงวัยแต่งงานพอดี ไว้ป้าจะเป็นแม่สื่อให้พวกเจ้าเอาไหม?”

เล้งหวงส่ายหัวทันที “ป้าหยาน ข้ารักน้องชิงเฉิงแค่เพียงคนเดียว ไม่สนใจใครคนอื่นทั้งนั้น ข้าหวังว่าท่านจะช่วยทำให้ข้าสมหวัง!”

เขาเอ่ยขึ้นด้วยสายคาที่มุ่งมั่นโดยไม่มีการลังเลใด ๆ เนื่องจากเขามั่นใจว่า มู่หลงหยานจะต้องยอมตกลงเพราะเขาเป็นผู้ที่นำเฉินจี้ซีมาที่นี่ด้วยตัวเอง เขามีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องขออะไรก็ได้ทั้งนั้น

ส่วนทางด้านของเฉินจี้ซีนั้น เมื่อเขาช่วยพูดให้เล้งหวงแล้วเขาก็ไม่พูดอะไรต่อทันที เขาได้ทำหน้าที่ส่วนของเขาไปแล้ว นอกเหนือจากนี้มันเป็นปัญหาภายในระหว่างสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันเอง เขารู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายอะไรจนเกินพอดี

มู่หลงหยานจ้องไปที่เล้งหวง และพูดว่า “แต่ลูกสาวของข้าแต่งงานแล้ว”

เล้งหวงหัวเราะ “ป้าหยาน การแต่งงานมันต้องได้รับการยินยอมจากทั้งพ่อและแม่ไม่ใช่เหรอ แต่การแต่งงานของน้องชิงเฉิง มันเป็นการตัดสินใจของนางเพียงผู้เดียวเมื่อตอนที่นางอยู่ที่อาณาเขตนภาไม่ใช่เหรอไง?”

“ซึ่งในตอนนั้นท่านลุงเย่ก็ติดอยู่ในหมอก ดังนั้นเขาก็ยังคงไม่ได้ออกเสียงอะไรกับเรื่องนี้เลย เพราะฉะนั้นการแต่งงานของนางก่อนหน้านี้ย่อมถือว่าเป็นโมฆะ! ข้าขอร้องให้ป้าหยานอนุญาตให้น้องชิงเฉิงแต่งงานกับข้าอย่างถูกต้องในตอนนี้!”

ความหมายของเขาที่สื่อต่อมู่หลงหยานก็คือ เย่ชางคงยังคงติดอยู่ในเขตแดนหมอกรอการช่วยเหลือ! ถ้าหากท่านต้องการให้เฉินจี้ซีช่วยเหลือ ท่านก็ต้องมอบลูกสาวของท่านให้ข้า!

ส่วนการแต่งงานก่อนหน้านี้มันไม่มีความหมายอะไรกับเขา เขาไม่สนใจว่าเย่ชิงเฉิงจะเคยผ่านการแต่งงานกับใครมาก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม

มู่หลงหยานถึงกับตะลึงงัน นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เพราะนางเองก็อยากจะช่วยสามีของนางออกมาเช่นกัน

ในเวลาเดียวกัน เย่ชิงเฉิงและหลิงตู้ฉิงก็เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่พร้อมกับได้ยินสิ่งที่เล้งหวงพูดออกไปเช่นกัน

เย่ชิงเฉิงรีบพูดขึ้นทันที “ศิษย์พี่เล้งหวง ไม่ใช่ว่าข้าบอกกับท่านอย่างชัดเจนไปแล้วงั้นเหรอว่าข้าแต่งงานแล้ว? ทำไมท่านต้องสร้างความลำบากใจให้กับข้าแบบนี้อีก?”

เมื่อคู่กรณีปรากฏตัวขึ้น สายตาของทุกคนจึงเบนไปจับจ้องที่เย่ชิงเฉิงทันที

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมเล้งหวงถึงอยากแต่งงานกับเย่ชิงเฉิงขนาดนี้ แต่ในเมื่อเล้งหวงใช้การแต่งงานกับเย่ชิงเฉิงเป็นเครื่องมือต่อรอง ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างมันก็คงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเย่ชิงเฉิง

เมื่อได้ยินคำพูดของเล้งหวง อันที่จริงมันทำให้เย่ชิงเฉิงโมโหเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะที่หลิงตู้ฉิงได้ยืนยันกับนางมาแล้วว่าเขาสามารถแก้ไขปัญหาของเขตแดนหมอกได้แน่นอน ดังนั้นนางจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมาทนให้เล้งหวงตอแยไม่เลิกแบบนี้

แต่ไม่ว่านางจะโมโหแค่ไหน ทั้งนางและเล้งหวงก็ยังคงเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องข่มอารมณ์เอาไว้โดยที่ไม่ใช้คำพูดที่รุนแรงมากเกินไป

เมื่อได้ยินคำพูดตัดรอนของเย่ชิงเฉิง ทางด้านของเล้งหวงก็ตอบกลับทันที “ก็ข้าได้พูดไปแล้วว่าการแต่งงานของเจ้านั้นยังไม่ได้การเห็นชอบจากทั้งพ่อและแม่ของเจ้าพร้อม ๆ กัน ดังนั้นมันจะไปนับได้ยังไงว่าเจ้าแต่งงานแล้ว?”

ในเมื่อแผนทุกอย่างได้วางไว้หมดแล้ว เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เย่ชิงเฉิงหลุดมือเขาไปได้อย่างแน่นอน เพราะเขาต้องการที่จะปลุกร่างเทพสุริยะให้สำเร็จ!

บรรพบุรุษคนแรกของตระกูลเขาคือผู้ที่ฝึกร่างเทพสุริยะจนสำเร็จและก็ได้ฝากชื่อเสียงอันเกรียงไกรของตัวเองเอาไว้จนผู้คนมากมายทั่วโลกได้รู้จัก แถมยังถูกขนานนามให้อีกว่าเป็น ‘จักรพรรดิสุริยัน’

ดังนั้นเขาจึงอยากที่จะปลุกร่างเทพสุริยะของตัวเองให้สำเร็จเพื่อนำความรุ่งโรจน์ที่บรรพบุรุษของเขาเคยสร้างขึ้นกลับมา

แต่มันติดเงื่อนไขอยู่อย่างหนึ่งที่เขาต้องทำให้สำเร็จก็คือ เขาต้องได้แต่งงานกับเย่ชิงเฉิง เนื่องจากทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้กับเย่ชิงเฉิง เขารู้สึกได้ว่านางมีผลกระทบกับร่างเทพสุริยะที่หลับไหลอยู่ในร่างของเขาเป็นอย่างมาก!