บทที่ 551 มั่นใจในความเหนือกว่า

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 551 มั่นใจในความเหนือกว่า

เมื่อได้ยินคำกล่าวอ้างของเล้งหวงที่บอกว่านางตัดสินใจเรื่องการแต่งงานด้วยตนเอง เย่ชิงเฉิงก็รู้สึกทนไม่ไหวจนนางต้องตะคอกกลับ “ข้าได้รับการอนุญาตจากแม่ของข้าแล้วต่างหาก!”

มู่หลงหยานมองไปที่เย่ชิงเฉิงด้วยสายตาซับซ้อน จากนั้นนางพยักหน้าและพูดว่า “ในตอนนั้น เป็นข้าเองที่อนุญาตให้ชิงเฉิงแต่งงาน และถึงแม้ว่ามันจะเป็นเศษเสี้ยวจิตสำนึกของข้าที่ตกลง และยิ่งเมื่อข้าได้พบกับตัวจริงของสามีชิงเฉิงเมื่อวาน ข้าเองก็พึงพอใจในการเลือกของลูกสาวข้าเช่นกัน ดังนั้นข้าขอไม่แทรกแซงการแต่งงานของลูกสาวข้า ข้าคิดว่าเจ้าคงเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูดใช่ไหม หลานเล้งหวง?”

เล้งหวงพูดขึ้นทันที “ต่อให้ท่านเป็นคนตกลงแล้วก็จริง แต่ลุงเย่ก็ยังคงไม่ตกลง ดังนั้นการแต่งงานก็ยังคงไม่สามารถนับได้ ทำไมพวกเราไม่เข้าไปด้านในเขตแดนหมอกเพื่อถามความเห็นของลุงเย่ว่าจะเอายังไงก่อนละ?”

เล้งหวงเกือบที่จะพูดออกไปแล้วว่า ข้าคือคนเดียวที่สามารถช่วยเย่ชางคงได้ ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงพวกท่านก็ต้องยอมรับในข้อเรียกร้องของข้า!

เย่ชิงเฉิงเริ่มเก็บสีหน้าชิงชังไม่อยู่และพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ข้าจะตามสามีข้าเข้าไปข้างในเขตแดนหมอก และจากนั้นข้าจะถามพ่อของข้าเองว่าจะเอายังไงกับการแต่งงานของข้า!”

ในตอนนี้สีหน้าของผู้คนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้นทันที เนื่องจากพวกเขาเข้าใจในความหมายของเย่ชิงเฉิง

มันเป็นไปได้เหรอที่ผู้ถูกชะตากำหนดจะสามารถเข้าไปในเขตแดนหมอก และแก้ปัญหาได้เช่นกัน?

สีหน้าของมู่หลงหยานเปลี่ยนทันทีเมื่อนางได้ยินคำพูดของเย่ชิงเฉิง นางรีบถามหลิงตู้ฉิงทันทีว่า “เจ้าสามารถทำให้เขตแดนหมอกหายไปได้จริง ๆ เหรอ?”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถทำให้มันหายไปได้แน่นอน แต่ถ้าเป็นการนำคนออกมาจากที่นั่น ข้ามั่นใจว่าข้าทำได้ไม่ยาก!”

“เจ้าบอกว่าไม่มีสามารถทำให้มันหายไปได้งั้นเหรอ? ไร้สาระ!” เล้งหวงกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก “หากไม่มีใครสามารถทำได้แล้วทำไมผู้อาวุโสเฉินถึงสามารถทำได้?”

เฉินจี้ซีพูดขึ้นเสริมด้วยสีหน้าภาคภูมิใจเช่นกันว่า “ถึงแม้ว่าเขตแดนหมอกนี้จะทำลายยากมาก แต่มันก็ไม่ยากเกินไปกว่าความสามารถของตาแก่คนนี้แน่นอน!”

“เห็นไหม คำพูดของเจ้ามันไร้สาระ!” เล้งหวงพูดขึ้นต่อ “ทุกท่าน พวกท่านลองตัดสินใจดูเอาก็แล้วกันว่าจะเชื่อคำพูดของใครระหว่าง ผู้อาวุโสเฉิน หรือ ไอ้คนผู้นี้ที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นใคร! แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อนว่าผู้อาวุโสเฉินก็ไม่สามารถเสียเวลากับสำนักของเราได้มากนัก ดังนั้นพวกท่านทุกคนควรที่จะรีบตัดสินใจกันไว ๆ”

เฉินจี้ซียิ้มและพูดว่า “ข้าเองก็มีธุระด่วนที่ต้องรีบกลับไปทำที่สำนักของข้าต่อเช่นกัน ดังนั้นข้าคงไม่สามารถอยู่ที่สำนักของพวกท่านได้นานนัก”

บรรดาผู้คนต่างขมวดคิ้ว พวกเขาเข้าใจได้ทันทีว่าเล้งหวงและเฉินจี้ซีต่างคุยกันอย่างลับ ๆ ผ่านโทรจิตเพื่อช่วยสนับสนุนคำพูดของกันและกัน

เย่ชิงเฉิงมองกลับไปยังหลิงตู้ฉิง และพูดกับเขาผ่านโทรจิตว่า “สามี ข้าคงต้องหวังพึ่งท่านแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นข้าคงต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับเล้งหวงแน่นอน”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ข้าได้บอกไปแล้วว่ามีข้าแค่คนเดียวเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ส่วนคนอื่น ๆ น่ะเหรอ หึหึหึ…”

ตาแก่แซ่เฉินเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองสามารถทำให้หมอกหายไปได้จริง ๆ งั้นเหรอ?

น่าตลกสิ้นดี!

เมื่อครู่เขาเองก็ได้เห็นเส้นทางที่เฉินจี้ซีเปิดเป็นช่องทางเข้าไปในพื้นที่ส่วนด้านในของเขตแดนหมอกเช่นกัน ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ เนื่องจากเส้นทางที่เฉินจี้ซีเปิดได้นั้นมันเป็นแค่เพียงการเล่นตลกของบางสิ่งที่ควบคุมหมอกอยู่ด้านในเท่านั้น

ในตอนนี้มู่หลงหยานก็ได้ส่งจิตสำนึกของนางมาหาหลิงตู้ฉิง และพยายามที่จะเข้ามาในทะเลจิตสำนึกของหลิงตู้ฉิงเพื่อคุยกับเขา

หลิงตู้ฉิงรีบพูดขึ้นทันที “อย่าเข้ามา ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องรับกับผลกระทบที่เจ้าไม่อาจรับไหว!”

มู่หลงหยานรีบถอนจิตสำนึกของนางกลับทันที และจากนั้นนางก็เลือกที่ถามเขาด้วยโทรจิตว่า “เจ้าแน่ใจว่าเจ้าสามารถเข้าไปเอาคนออกมาได้จริง ๆ งั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า!

เมื่อเห็นการตอบรับเช่นนี้ มู่หลงหยานจึงหยุดถามเขาทันที

เนื่องจากนางได้รับทราบข้อมูลของหลิงตู้ฉิงจากเย่หยูหลันมามากแล้ว และได้รู้ว่าหลิงตู้ฉิงไม่ใช่คนที่เคยโอ้อวดอะไรที่เขาทำไม่ได้ หากเขาบอกว่าเขาทำได้ มันก็หมายความว่าเขาทำได้จริง ๆ

ในเวลาเดียวกันทุกคนก็สิ้นสุดการปรึกษาหารือ

หานเว่ยฮุยหัวเราะ “ข้าคิดว่าข้าขอเลือกที่จะเชื่อท่านเฉิน!”

หยูยงเห่าพยักหน้าเช่นกันและพูดว่า “ข้าเองก็เชื่อท่านเฉิน ส่วนเรื่องของหลานชิงเฉิงและหลานเล้งหวง ข้าเองก็เห็นว่าพวกเขาสนิทกันมาตั้งแต่เล็ก ๆ เช่นกัน”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น!” หานเว่ยฮุยเสริมขึ้น

พวกเขาแสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่าพวกเขาอยู่ฝั่งเดียวกับเล้งหวง และตกลงเห็นด้วยกับการยกเย่ชิงเฉิงให้กับเล้งหวง

ในตอนนี้มันจึงเหลือแต่คำกล่าวของตระกูลเย่ว่าจะเอายังไง

เวลาต่อมาชายชราผู้หนึ่งของตระกูลเย่ก็เอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ ว่า “ถ้างั้นพวกเราก็มาช่วยกันท่านเฉินเปิดเขตแดนหมอกให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องของชิงเฉิงนั้น ข้าคิดว่านางเองก็ควรรู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร”

ความหมายในคำพูดของเขาก็คือการตกลงยกเย่ชิงเฉิงให้กับเล้งหวงเช่นกัน

“นี่พวกท่าน…” เย่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเดือดดาล

ทำไมถึงไม่มีใครสนใจความเห็นของนางเลยสักคน? นี่นางเป็นคนนะ ไม่ใช่สิ่งของที่พวกเขาพอใจจะมอบให้ใครก็มอบได้เลยโดยไม่ถามความเห็นแบบนี้!

ชายชราผู้หนึ่งของตระกูลเย่เอ่ยขึ้นกับเย่ชิงเฉิงด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ชิงเฉิง ในตอนนี้พ่อของเจ้าเองก็อยู่ในเขตแดนหมอก! ข้าคิดว่าเจ้าก็ควรจะรู้ดีว่าเพื่อการช่วยพ่อของเจ้าแล้วเจ้าควรจะต้องทำอย่างไร และจงอย่าลืมว่าเจ้าเป็นคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์และที่สำคัญเจ้าคือลูกหลานของตระกูลเย่!”

ความหมายของชายชราผู้นี้ก็คือ หากเจ้าฉลาด เจ้าก็จงตกลงซะ ไม่เช่นนั้นหากเจ้าปฏิเสธ เจ้าจะต้องรับกับผลที่ตามมา!

เย่ชิงเฉิงมองชายชราตระกูลเย่ด้วยสายตาโกรธเคือง แต่ก่อนที่นางจะได้พูดอะไร หลิงตู้ฉิงก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าได้ยินว่าในตอนแรกพวกเจ้าบอกว่าจะถามความคิดเห็นพ่อของชิงเฉิงก่อนไม่ใช่หรือไง? ถ้างั้นพวกเจ้าก็ควรรอที่จะถามพ่อของนางก่อน จากนั้นก็ค่อยมาคุยกันใหม่เรื่องนี้”

คำพูดนี้ทำให้เย่ชิงเฉิงสงบอารมณ์ความโกรธของนางได้ เนื่องจากนางยังคงมั่นใจในตัวของหลิงตู้ฉิง

ในเมื่อหลิงตู้ฉิงบอกเอาไว้แล้วว่าไม่มีใครที่สามารถจัดการกับเขตแดนหมอกนี้ได้ ดังนั้นคนกลุ่มนี้ก็ไม่มีวันที่จะได้เข้าไปเจอพ่อของนางเพื่อถามความเห็นแน่นอน

นางคล้องแขนหลิงตู้ฉิง และพูดขึ้นเสริมต่อทุกคน “ใช่! พวกท่านเป็นคนพูดเองว่าจะถามความเห็นพ่อของข้าก่อน ดังนั้นทำไมไม่รอให้พวกท่านเจอหน้าพ่อของข้าก่อนล่ะ! หากพ่อของข้าตกลง ข้าจะแต่งงานกับเล้งหวงทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ! แต่ในตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวกลับไปกับสามีของข้าเพื่อพักผ่อนและรอข่าวดีจากพวกท่านก็แล้วกัน!”

หลังจากพูดจบ นางก็ควงแขนหลิงตู้ฉิงเดินออกไปจากห้องโถงใหญ่ของสำนักทันที

หลังจากออกมาจากห้องโถงใหญ่ เย่ชิงเฉิงก็พูดกับหลิงตู้ฉิงทันทีด้วยสีหน้ากังวล “สามี พวกเราจะทำยังไงกันต่อดี ถ้าหากพวกเขาสามารถเปิดเขตแดนหมอกได้และเจอกับพ่อของข้า เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราจะทำยังไง?”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าได้บอกไปหลายครั้งแล้ว ว่าไม่มีใครสามารถทำอะไรกับหมอกนั่นได้”

“ถ้าเกิดพวกเขาทำได้ขึ้นมาล่ะ? ถ้าเกิดมันบังเอิญสำเร็จ?” เย่ชิงเฉิงถามขึ้นทันที

“ถ้ามันเกิดบังเอิญสำเร็จงั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงแสดงสีหน้าเย็นชา “ถ้าอย่างนั้น ข้าก็คงต้องฆ่าคนที่บังคับเจ้าให้หมดทุกคน เพียงเท่านี้ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงใด ๆ ที่พวกเขาตกลงกันมันก็จะไม่มีอยู่อีก ซึ่งปัญหาของเจ้าก็จะไม่มีอีกต่อไปแล้วด้วยจริงไหม?”