น้ำเสียงของมู่หรงฉีไม่เคยเคร่งขรึมและเย็นชาเท่านี้มาก่อน
“ลงไปค้นหา! หากหาน้องหญิงไม่พบ พวกเจ้าอย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอด”
ไปค้นหา?
เจ้าเมืองหม่านเยวี่ยร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรง ก่อนจะรีบตอบรับคำ “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะพาคนออกตามหา ไปกันเถิด! ”
เขาพากำลังคนลงไปที่ก้นเหวเพื่อออกค้นหา
ออกไปค้นหาหรือ?
เวลานี้ยังจะค้นหาเจออีกหรือ?
เกรงว่าคงไม่เหลือแม้แต่กระดูกแล้วกระมัง?
มู่หรงอ้าวเทียนเหลือบมองไปที่ก้นเหวด้วยใบหน้าลำบากใจ
“ท่านอ๋อง โปรดฟังกระหม่อมสักคำเถิด… ”
มู่หรงอ้าวเทียนยังพูดไม่ทันจบ มู่หรงฉีก็จ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา
“ผู้บัญชาการมู่หรง ระวังสถานะของเจ้าให้ดีด้วย! ”
หลังจากพูดจบ เขาก็พาคนจำนวนหนึ่งออกไปตามหาพร้อมกับเจ้าเมืองหม่านเยวี่ย
มู่หรงอ้าวเทียนตกตะลึง ใบหน้าปรากฏความเคร่งขรึม ทว่าเขาไม่อาจขัดคำสั่งมู่หรงฉีที่มีฐานะเป็นรัชทายาท จึงทำได้เพียงปฏิบัติตามโดยไม่พูดสิ่งใด
ร่างของเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซียังคงตกลงไป… ตกลงไป…
ภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เสียงหวีดหวิวของลมหนาวพัดเข้ามาในหูอย่างต่อเนื่อง
ซูจิ่นซีจับเสื้อบริเวณหน้าอกของเยี่ยโยวเหยาแน่น เยี่ยโยวเหยามือหนึ่งจับเอวของซูจิ่นซี และอีกมือหนึ่งก็ประคองแก้มของนาง
ทั้งสองมองหน้ากัน
ทันใดนั้น ดวงตาของซูจิ่นซีก็พร่ามัวไปด้วยหมอกน้ำค้าง น้ำตาของนางไหลออกมาท่ามกลางสายลมหนาว
“เยี่ยโยวเหยา ท่านโง่เขลายิ่งนัก! รู้ทั้งรู้ว่าสามารถหลุดพ้นไปได้ เหตุใดจึงต้องร่วมตายไปพร้อมกับข้าด้วย? ”
คำพูดนับพันนับหมื่น เยี่ยโยวเหยาเก็บไว้ในใจทั้งหมด ทันใดนั้น เขาก็จับเอวของซูจิ่นซีด้วยสองมือ และพลิกร่างของซูจิ่นซีไว้บนตัวเขา พลางจุมพิตริมฝีปากของนางอย่างดูดดื่ม
“ซูจิ่นซี ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ต่อให้ตาย หนทางหลังความตายหนาวเหน็บถึงเพียงนั้น ข้าจะปล่อยเจ้าไปเพียงลำพังได้อย่างไร? ”
ซูจิ่นซีกัดริมฝีปากของเยี่ยโยวเหยาอย่างรุนแรง
เห็นชัดว่าเยี่ยโยวเหยาเจ็บมาก ทั้งยังมีเลือดไหลซึมออกมา ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับไม่ยอมปล่อย และยินยอมให้ซูจิ่นซีกัดอยู่อย่างนั้น
“เยี่ยโยวเหยา เส้นทางสู่อำนาจของจักรพรรดิก็เหน็บหนาวอย่างมากเช่นกัน ข้าจะยอมปล่อยท่านไปเพียงลำพังได้อย่างไร? จิ่นซีจะไปกับท่านด้วย ตกลงหรือไม่? ”
“ตกลง! ”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเยี่ยโยวเหยา อาคมกำไลปี่อั้นบนแขนของซูจิ่นซีก็เปล่งแสงเจิดจ้า
“โฮก” สัตว์เทพกิเลนกระโดดออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น มันลอยลงไปใต้ร่างของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา ประคองคนทั้งสองไว้บนร่างของมัน และเหาะลงมาพร้อมกับพวกเขา
แววตาของเยี่ยโยวเหยาปรากฏความตกตะลึง ทว่าเขายอมรับความจริงได้อย่างรวดเร็ว
หากปราศจากแรงโน้มถ่วงที่ทำให้ร่วงลงมา และหากไม่มีอันตรายที่ถึงแก่ชีวิต เยี่ยโยวเหยาคงต้อง ‘รังแก’ ซูจิ่นซีโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด
มือข้างหนึ่งของเขายังคงจับอยู่ที่เอวของซูจิ่นซี ส่วนมืออีกข้างก็เชยคางของนาง
“ซูจิ่นซี เจ้าบอกว่าเส้นทางสู่อำนาจของจักรพรรดินั้นเหน็บหนาวเกินไป เจ้าต้องการเดินไปกับข้า เจ้าจะเปลี่ยนใจหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปากแน่น “เยี่ยโยวเหยา ข้ายังสามารถเปลี่ยนใจได้อีกหรือ? ”
“ไม่ได้! ”
เยี่ยโยวเหยาตอบอย่างดุดัน ทว่าเขาจุมพิตนางอย่างดุดันยิ่งกว่าน้ำเสียงนั้นเสียอีก ทั้งยังบดขยี้ริมฝีปากของซูจิ่นซีอย่างหนักหน่วง
ซูจิ่นซีขัดขืนและทุบหน้าอกของเยี่ยโยวเหยาอย่างแรง
“เยี่ยโยวเหยา ท่านปล่อยข้า พวกเรายังอยู่กลางเหวลึก และกำลังร่วงหล่น ด้านล่างจะเกิดอันใดขึ้นก็ไม่รู้ จะเป็นหรือตายก็ยังไม่รู้!”
“ท่านปล่อยข้า คนหยาบช้า! ”
เยี่ยโยวเหยาบีบมือซูจิ่นซีแน่น
“ซูจิ่นซี ผู้ที่ลากข้าไปสู่ความตายคือเจ้า ผู้ที่ร่วมเดินทางสู่เส้นทางอำนาจของจักรพรรดิกับข้าก็คือเจ้า ข้าปล่อยให้เจ้าเป็นผู้ตัดสินทุกอย่าง และมอบชีวิตไว้ในมือของเจ้า โยวอ๋องเช่นข้าวางใจได้แล้ว! ”
ทว่านางไม่วางใจตนเอง!
เมื่อครู่นางหัวร้อน จึงลากเขาลงมาด้วย
นางเปลี่ยนใจไม่ตายตอนนี้ได้หรือไม่?
แม้ตอนนี้พวกเขาจะอยู่บนหลังของสัตว์เทพกิเลน หากให้สัตว์เทพกิเลนพาลงไปย่อมปลอดภัย ทว่านางยังไม่เห็นจุดที่ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์!
หากด้านล่างมีอันตรายเล่า จะทำอย่างไร?
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ตุบ’
ทั้งสองตกจากหลังของสัตว์เทพกิเลน และร่วงลงไปในทะเลสาบกลางหน้าผา
ซูจิ่นซีดิ้นรนเอาชีวิตรอดตามสัญชาตญาณ นางพยายามปีนขึ้นไปเหนือผิวน้ำ
เยี่ยโยวเหยาคนน่ารังเกียจกอดเอวนางแน่น ทำให้นางจมลงไปในน้ำ ทั้งมือข้างหนึ่งของเขายังสอดเข้ามาในเสื้อผ้าของนาง
“ซูจิ่นซี สามีภรรยาคือนกในป่าเดียวกัน เมื่อมีอันตรายเข้ามาใกล้ พวกมันจะแยกจากกัน ทว่าข้ากับเจ้ายังไม่อยู่ในจุดที่อันตราย เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบร้อน… และทิ้งข้าอย่างไร้ความปราณีเช่นนี้”
เยี่ยโยวเหยาพูดใกล้ใบหูของซูจิ่นซีด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้าของเขาปรากฏความคับข้องใจ
ซูจิ่นซีอยากกัดเขาแรงๆ เสียงจริง
ท่านอ๋อง ขอร้องท่าน ปล่อยข้าได้หรือไม่?
นี่มันเวลาใดแล้ว ยังคิดเรื่องเช่นนี้อยู่อีกหรือ?
หากจมน้ำตายจะทำอย่างไร?
เยี่ยโยวเหยาราวกับสัมผัสได้ถึงความคิดของซูจิ่นซี จึงเผยรอยยิ้มชั่วร้าย
เขาพูดว่า “ชายาที่รักอย่ากังวล โยวอ๋องเช่นข้าจะไม่มีวันทอดทิ้งเจ้า! ”
ซูจิ่นซีเลิกคิ้วและกล่าวว่า “เยี่ยโยวเหยา พวกเราหยุดทำเช่นนี้ทุกครั้งที่พบกันได้หรือไม่? ท่านจริงจังกว่านี้ได้หรือไม่? พวกเรามาทำเรื่องที่จริงจังได้หรือไม่? ”
“ชายาที่รักวางใจได้ โยวอ๋องเช่นข้าจริงจังอย่างมาก โดยเฉพาะตอนที่ได้พบเจ้า ชายาที่รัก ตอนนี้พวกเราไม่ได้ทำเรื่องที่จริงจังหรอกหรือ? ”
“เยี่ยโยวเหยา ท่านช่างไร้ยางอาย! ”
“อืม โยวอ๋องเช่นข้าไร้ยางอาย! ทว่ายังไร้ยางอายได้มากกว่านี้อีก เจ้าต้องการหรือไม่? ”
“เยี่ยโยวเหยา คนพาล! ”
“อืม โยวอ๋องเช่นข้าเป็นคนพาล ทว่ายังพาลได้มากกว่านี้อีก เจ้าต้องการหรือไม่? ”
“เยี่ยโยวเหยา… ”
…
แน่นอน ซูจิ่นซีถูกเยี่ยโยวเหยาสำเร็จภารกิจอย่างหนักหน่วง
จากใต้น้ำจนถึงฝั่ง นางถูกพลิกตัวไปมา ซูจิ่นซีไม่รู้ว่านางแบกรับมันได้อย่างไร จนกระทั่งทนไม่ไหวและหมดสติ
เมื่อตื่นขึ้นมา ซูจิ่นซีก็อยู่ในกระท่อมแห่งหนึ่งใต้หน้าผาลึก
แสงจันทร์สาดส่องไปทั่วทุกหนแห่ง
ภายในห้องดูเรียบง่าย อบอุ่น และเงียบสงบอย่างมาก
เยี่ยโยวเหยาอยู่ในชุดสีขาวหิมะ เขานั่งอยู่ข้างหน้าต่างโดยไร้ซึ่งแสงตะเกียง ทว่าใช้แสงจากดวงจันทร์เพื่อพิจารณากองเอกสารหนาเตอะ
ซูจิ่นซีมองแผ่นหลังของเยี่ยโยวเหยา มองเอกสารในมือของเยี่ยโยวเหยา ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น
นางอยากตบหน้าตนเองแรงๆ สักที
ก่อนหน้านี้ เป็นผู้ใดที่เสียใจเพราะดึงเยี่ยโยวเหยาลงมาตายด้วยกัน?
นางควรพาเขาไปยังนรกสิบแปดขุม
ไม่เช่นนั้นจะมีคำพูดที่ว่า เยี่ยโยวเหยาไม่ธรรมดา ได้อย่างไร!
ผู้ที่วางแผนกับนาง วางแผนกับหัวใจของนาง และตอนนี้แม้แต่ความตายของนาง เขาก็ได้วางแผนไว้แล้ว
เยี่ยโยวเหยารู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านหลัง จึงวางเอกสารในมือลงและหันกลับมา
“ชายาที่รัก ตื่นแล้วหรือ? ”
ซูจิ่นซีโกรธมากจนกระโดดไปข้างหน้าและคว้าคอเสื้อของเยี่ยโยวเหยาไว้
“เยี่ยโยวเหยา นี่คือสิ่งที่ท่านวางแผนไว้ใช่หรือไม่? ท่านคาดการณ์ไว้แล้วว่าพวกเราจะกระโดดลงไปพร้อมกัน? ”
ไม่เช่นนั้น องครักษ์เงาจะส่งเอกสารเหล่านี้มาถึงที่นี่ภายในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไร?
เยี่ยโยวเหยาเลื่อนสายตาลงไปมองมือของซูจิ่นซีตรงหน้าอก ซึ่งกำลังจับเสื้อของตนแน่น เขาขมวดคิ้วมุ่น และมองเข้าไปในดวงตาของซูจิ่นซี
“ไม่ได้เจอกันหลายเดือน ความสามารถของชายาที่รักก้าวหน้าขึ้นมากทีเดียว! ”
ซูจิ่นซีรู้สึกว่าตนเองหุนหันเกินไป จึงรีบปล่อยมือ
ทว่าทันทีที่ปล่อยมือ เยี่ยโยวเหยาก็คว้ามือของนางไว้
ดวงตาดำขลับลึกซึ้งปรากฏความเจ้าเล่ห์
“ชายาที่รักคิดจะทำอันใด เพิ่งตื่นก็รีบร้อนถึงเพียงนี้ หรือสามีอย่างข้ายังปรนนิบัติชายารักได้ไม่ดีพอ? ”
ขณะที่พูด ไม่รู้ว่ามือของเยี่ยโยวเหยาโอบเอวของซูจิ่นซีตั้งแต่เมื่อใด เขากระชากซูจิ่นซีเข้าไปในอ้อมแขนของตน