หลังจากนั้น มืออีกข้างก็คว้าแขนของซูจิ่นซี ก่อนจะหมุนตัวอย่างสวยงาม และกดซูจิ่นซีลงบนโต๊ะด้านหน้าขอบหน้าต่าง
แสงจันทร์เจิดจ้าส่องกระทบ ทำให้พวงแก้มของซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาสว่างไสวและงดงามอย่างมาก
ซูจิ่นซีร้องด้วยความตกใจ ทว่าทันทีที่นางเปิดปาก เยี่ยโยวเหยาก็ใช้โอกาสนี้ประกบจูบลงมา
ซูจิ่นซีเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
นางต้องการจะพูดบางอย่าง ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับรุกล้ำจนนางไม่สามารถพูดสิ่งใดได้
ทำได้เพียงส่งเสียงดุด่าเยี่ยโยวเหยาโดยไม่ขยับปากเท่านั้น
“เยี่ยโยวเหยาคนป่าเถื่อน เยี่ยโยวเหยาคนอันธพาล เยี่ยโยวเหยาคนไร้ยางอาย ปล่อยข้า! ”
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วพลางแย้มยิ้มอย่างชั่วร้าย
“ซูจิ่นซี ข้าเป็นคนป่าเถื่อน คนอันธพาล และคนไร้ยางอาย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเจ้า! เจ้าเคยเห็นข้าทำตัวป่าเถื่อน อันธพาล ไร้ยางอายกับผู้อื่นนอกจากเจ้าหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีถูกขัดจังหวะจนพูดไม่ออก
ยิ่งซูจิ่นซีเป็นเช่นนี้ เยี่ยโยวเหยายิ่งมีความสุข
“ซูจิ่นซี เจ้าเป็นสตรีเพียงผู้เดียวของข้า ย่อมต้องได้รับความรักที่ผู้อื่นไม่อาจได้รับ ได้รับความโปรดปรานที่ผู้อื่นมิอาจได้รับ ซูจิ่นซี นี่คือสิ่งที่เจ้าควรกระทำ”
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เม็ดเหงื่อก็ผุดขึ้นบนหน้าผากของซูจิ่นซีราวกับผลึกแก้ว
นางขมวดคิ้วแน่น
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉันขอให้ท่านอ๋องรับนางสนมได้หรือไม่? ”
เยี่ยโยวเหยาคิ้วกระตุก ทันใดนั้น พลังที่อยู่ใต้ฝ่ามือของเขาก็ทวีความรุนแรงขึ้นเล็กน้อย และโต้ตอบจนซูจิ่นซีไม่อาจพูดคำต่อไปได้
“สายเกินไปแล้ว! ”
ดั่งคลื่นทะเลที่โหมกระหน่ำเข้ามาลูกแล้วลูกเล่า
ในเรืองพักที่เงียบสงบและอบอุ่น ท่ามกลางแสงจันทร์เจิดจ้า มีเพียงคนสองคนที่สุขสันต์ และเสียงที่ทำให้ผู้ที่ได้ยินใบหน้าแดงระเรื่อ
เยี่ยโยวเหยาไม่เคยดุดันและรุนแรงหนักหน่วงเช่นนี้มาก่อน ต่อให้ซูจิ่นซีร้องขอความเมตตาเพียงใด เขาก็ไม่ยอมปล่อยและหยุดแม้แต่น้อย
ราวกับว่า นับตั้งแต่วันที่พวกเขาพลัดพราก ทำให้เกิดความคะนึงหาและความผูกพันที่ไม่อาจแยกจากซึ่งวนเวียนอยู่ภายในใจตลอดเวลา
ในที่สุด เยี่ยโยวเหยาก็กอดซูจิ่นซีไว้แน่น และซุกใบหน้าที่ลำคอของซูจิ่นซี
“ซูจิ่นซี”
“หืม? ”
“ข้ามีเพียงทางเลือกเดียวให้เจ้า! ”
“…”
“กลับไปกับข้า! ”
“เยี่ยโยวเหยา”
“หืม? ”
“ข้าก็มีทางเลือกเดียวให้ท่านเช่นกัน! ”
ซูจิ่นซีพูดอย่างดื้อรั้น
เยี่ยโยวเหยาไม่พูดสิ่งใด ซูจิ่นซีก็ไม่พูดสิ่งใด ภายในเรือนพักที่เงียบสงบและอบอุ่น มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของคนทั้งสอง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีจึงเอ่ยปากว่า
“เยี่ยโยวเหยา ข้าไม่ต้องการเป็นกงจู่แห่งแคว้นหนานหลี และไม่ต้องการเป็นนางกำนัลของท่าน! ข้าเพียงต้องการเป็นพระชายาของท่าน พระชายาของรัชทายาท ฮองเฮาของท่าน และเป็นสตรีที่อยู่เคียงข้างท่านอย่างเปิดเผย ข้าไม่ต้องการให้ระหว่างท่านกับข้า รู้ทั้งรู้ว่ารักกัน มีใจให้กัน แต่กลับต้องอยู่กันแบบหลบๆ ซ่อนๆ ซูจิ่นซีไม่ต้องการมีชีวิตอยู่เช่นนี้! ”
หลังจากกล่าวคำพูดประโยคนี้ แม้แต่หัวใจของซูจิ่นซีก็ถูกทิ่มแทงอย่างรุนแรง
เยี่ยโยวเหยาตกตะลึงและชะงักไปครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัด จากนั้น เขาก็กอดซูจิ่นซีให้แน่นขึ้น
เมื่อเขาพูด น้ำเสียงของเขาเบาลงเล็กน้อย
“ตกลง ซูจิ่นซี ข้าให้สัญญาเจ้า! พวกเราจะไม่หลบซ่อนอีก ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอันใดขึ้น ข้าจะให้เจ้ายืนเคียงข้างโยวอ๋องเช่นข้าอย่างสง่าผ่าเผย”
ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปาก หัวใจของนางอดรู้สึกหวั่นไหวและยินดีไม่ได้ นางเม้มริมฝีปากและหันกลับไปจุมพิตริมฝีปากของเยี่ยโยวเหยาอย่างจริงจัง
นี่เป็นครั้งที่สองที่ซูจิ่นซีเป็นฝ่ายจูบเยี่ยโยวเหยาก่อน
ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับตกใจราวกับเป็นการจูบครั้งแรก ทั้งเขายังไม่ทันตั้งตัวเหมือนครั้งแรก
หลังจากอาการตกตะลึง เยี่ยโยวเหยาก็หลับตาลง เคลิบเคลิ้มไปกับความรักของซูจิ่นซีอย่างจริงจัง
ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม ก่อนที่เยี่ยโยวเหยาจะอุ้มซูจิ่นซีไปที่เตียง
ม่านปักลวดลายวิจิตรถูกปลดลง ร่างของทั้งสองแนบชิดพัวพันกันอย่างสุขสันต์ ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ราวกับสายน้ำในค่ำคืนที่เงียบสงัดงดงาม
ทันใดนั้น เกิดแสงสว่างจ้าออกมาจากผ้าม่าน เสียงแมลงและนกที่อยู่รอบเรือนพักพลันหยุดลง
การเคลื่อนไหวของเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซีก็หยุดชะงักเช่นกัน
แสงนั้นเปล่งประกายออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้นของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีมองอาคมกำไลปี่อั้นบนข้อมือด้วยความตกใจ
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย
ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าอาคมกำไลปี่อั้นเพียงทอแสงโดยไม่เกิดสิ่งผิดปกติอื่นใด โยวอ๋องที่ถูกขัดจังหวะสุขสันต์และมีอารมณ์ครุกรุ่น จึงแสดงท่าทางขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด
“เกิดอันใดกับเจ้าสิ่งของบ้านี่? ”
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน! ”
เยี่ยโยวเหยามองลึกเข้าไปในดวงตาของซูจิ่นซีด้วยความไม่เชื่อ
ซูจิ่นซีส่งดวงจิตเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้น หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว นางก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ
เมื่อออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น จึงส่ายศีรษะให้เยี่ยโยวเหยา
“ไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอันใดขึ้น อย่างไรก็ตาม อาคมกำไลปี่อั้นถูกเลื่อนระดับถึงขั้นสูงสุดแล้ว คงไม่เกิดเหตุการณ์ไม่ดีอันใด”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็มาต่อกันเถิด! ”
ต่อกันเถิด?
ซูจิ่นซียังไม่ทันได้สติจากคำพูดของเยี่ยโยวเหยา นางก็ถูกเยี่ยโยวเหยาผลักลงไปที่เตียงอีกครั้ง
เยี่ยโยวเหยาโบกมือ และดึงผ้าห่มมาปิดแสงจากอาคมกำไลปี่อั้นของซูจิ่นซี ลมหายใจถี่กระชั้นอีกครั้ง นิ้วมือเรียวยาวงดงามลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของนางอย่างต่อเนื่อง
ซูจิ่นซีเปล่งเสียงที่ทำให้ผู้ที่ได้ยินต้องเขินอายจนหน้าแดง ทว่าทันใดนั้น นางก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้
นางจับมือของเยี่ยโยวเหยาเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน! ”
เยี่ยโยวเหยาถูกขัดจังหวะอีกครั้ง ช่างเป็นการเหยียบย่ำความอดทนของโยวอ๋องเสียเหลือเกิน
นอกจากแววตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟราคะของเขา ยังมีความโกรธและเย็นชา เขาก้มลงกัดใบหูของซูจิ่นซี
“จนถึงป่านนี้แล้ว พระชายาจะให้ข้ารอจนถึงเมื่อใด? ผิวกายของเจ้าส่วนใดบ้างที่ข้าไม่เคยสัมผัส? หรือว่าพระชายายังเขินอายอยู่อีก? ”
แก้มของซูจิ่นซีที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงก่ำมากขึ้นไปอีก น้ำเสียงของนางแหบพร่า
“ไม่ เยี่ยโยวเหยา ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น? ”
“ชายาที่รักหมายความว่าอย่างไร? ”
“อั้นหรานเซียวหุน! จู่ๆ อาคมกำไลปี่อั้นก็แปล่งแสง มันเกี่ยวข้องกับอั้นหรานเซียวหุน! ”
เยี่ยโยวเหยาหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองซูจิ่นซีด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟราคะที่ลุกโชน
ซูจิ่นซีไม่เห็นความอดกลั้นและความลังเลในแววตาของเยี่ยโยวเหยา นางจึงผลักเยี่ยโยวเหยาอย่างแรง
“ท่านลุกขึ้นก่อน ข้าจะพิสูจน์ให้ท่านเห็น ข้าเข้าใจแล้วว่าปริศนาความลับของอั้นหรานเซียวหุนคืออันใด? เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความลับของสุสานจิ่นอีโหว และความลับของการรวบรวมแผ่นดิน ท่านรีบปล่อยข้า! ”
เวลานี้ ซูจิ่นซีมีความสุขมากกว่าเยี่ยโยวเหยาที่ควรมีความสุขเสียอีก
ทว่าผู้ใดจะรู้ โยวอ๋องที่ควรยินดีที่สุดเมื่อได้ยินข่าวนี้ กลับมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้
เขาจับจ้องไปที่มือของซูจิ่นซีซึ่งกำลังผลักเขาออกอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความสับสน แววตาของเขาปรากฏความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
เยี่ยโยวเหยายกมือขึ้น ตรึงข้อมือของซูจิ่นซีไว้เหนือศีรษะ ไม่ให้นางขยับเขยื้อน
ก่อนจะใช้กำลังประกบริมฝีปากลงมา และกอดรัดแสดงความรักดั่งพายุฝนที่โหมกระหน่ำ
เยี่ยโยวเหยาไม่ใส่ใจที่จะเปิดปากพูดแม้แต่น้อย เขาพูดกับซูจิ่นซีจากลำคอ
“แผ่นดินท้องฟ้ากว้างใหญ่ เวลานี้ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่า การที่ข้าต้องการแสดงความโปรดปรานกับชายาที่รัก ชายาที่รัก เรื่องรวมแผ่นดินปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า ไม่เกี่ยวอันใดกับชายาที่รักกระมัง? เจ้าเพียง… ปรนนิบัติข้าให้ดีก็พอ! ”
ใบหน้าแดงก่ำของซูจิ่นซีปรากฏความสับสน
เยี่ยโยวเหยา คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร?
ท่านขอให้ข้าช่วยไขความลับของอั้นหรานเซียวหุนมิใช่หรือ?
เหตุใดท่านจึงกล่าวว่าไม่รีบร้อน ทว่ากลับเป็นข้าที่ร้อนใจยิ่งกว่าท่านเสียอีก?