แม้ชายหนุ่มชาวจีนจะตกใจกับการระเบิดทางอารมณ์ของคนที่อ่อนกว่าข้าง ๆ จนทำให้การแสดงออกทางสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่เขาก็ยังคงพูดอย่างหัวแข็ง “ฉันจะไม่ขวางอะไรเธอเลยถ้าไม่ใช่เพราะเรากำลังอยู่ในย่านใจกลางเมืองของต่างประเทศ … ”
“น่า ๆ หัวหน้าชุ่ย อย่าไปโกรธเขาเลย หลายชายรุ่นน้องฉันเขาไม่ค่อยเก่งเรื่องการเรียนมาตั้งแต่ยังเด็ก ๆ แล้วก็ออกจากบ้านมาตั้งแต่ตอนนั้น อารมณ์ของเขาเลยอาจจะดูร้ายไปบ้าง ฉันขอคุยกับเขาสักเดี๋ยวนะ ให้ฉันได้พูดว่าเราตั้งใจจะมอบโอกาสที่ดีให้เขาจริง ๆ” ชายชราพยักหน้าขณะยิ้มอย่างแจ่มใส จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปใกล้ ๆ กับจางลี่เฉินแล้วพูดด้วยเสียงกระซิบว่า “พ่อหนุ่ม มาคุยกันหน่อยเถอะ”
จางลี่เฉินเม้มปากไม่พอใจ “ฉันเห็นความเจ้าเล่ห์ของลุงมาแล้ว เพราะงั้นฉันจะไม่ยอมอยู่เล่นกับลุงอีกต่อไป ขอตัว” จากนั้นเขาก็หันหลังเตรียมที่จะจากไปทันที
“อย่าเพิ่ง อย่าเพิ่งไป! ฟังฉันก่อน! ถ้าเธอยอมไปทำงานกับพวกเรา เธอจะได้รับประโยชน์ดี ๆ มากมายเลยนะ! ถ้าเธอทำงานนี้เสร็จเมื่อไหร่ เธอจะได้รับทั้งตำแหน่ง สถานะนายทหาร หรือแม้แต่บ้าน! มันเหมือนกับการได้รับเหรียญทองโอลิมปิกไม่มีผิด!” ชายชราชักชวนเขาอย่างร้อนรน
น่าเสียดายที่การล่อลวงที่ดึงดูดในสายตาของชายชราอย่างมากนั้นกลับทำให้เกิดการแสดงออกที่น่าสมเพชอย่างมากจากจางลี่เฉินเมื่อเข้าหูของเขาแทน
เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มวัยรุ่นยังยืนกรานที่จะจากไป ชายชราก็ยิ่งตกใจและพูดอย่างเร่งรีบอีกครั้งว่า “อย่าเพิ่งไป! อย่าไปเลย! เธอจะได้รับรางวัลเป็นเงินสด แฟนสาวและแม้แต่ทักษะลับ โดยทั่วไปเธอสามารถขอได้ทุกอย่างที่เธอต้องการ … ”
“อะไรนะ?”
“เธอสามารถขอได้ทุกอย่างที่เธอต้องการ ขอแค่ตั้งเงื่อนไขนั้นมาก็พอ” เมื่อเห็นเด็กวัยรุ่นร่างผอมยอมหยุดการแสดงออกที่รุนแรงแล้ว ชายชราก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากขณะที่เขากระซิบด้วยความจริงใจ “มันเป็นภารกิจลับของประเทศเรา ดังนั้นรัฐบาลจะปฏิบัติแย่ ๆ กับเธอได้อย่างไรล่ะจริงไหม? ดูจากอายุของเธอแล้ว เธอต้องเคยอ่านนิยายออนไลน์อะไรพวกนี้มาบ้างใช่ไหม? เธอรู้จักดราก้อนกรุ๊ปมาก่อนหรือเปล่า? กลุ่มมังกรที่…”
“ไม่เคย ลุงบอกว่าฉันจะได้รับทักษะลับใช่ไหมถ้าฉันยอมทำงานกับลุง นั่นมันหมายความว่าอะไร หมายถึงทักษะลับของคาถาใช่ไหม?”
“โอ้ แน่นอนสิ! มันเป็นแบบฉบับโบราญที่หายากจริง ๆ!” ชายชราพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “นอกจากนี้เธอยังเก่งด้านศิลปะการต่อสู้และยังสามารถใช้เวทมนต์ได้อีก มันไม่มีอะไรให้เธอต้องกลัวเลยจริงไหม? ตามพวกฉันกลับไปที่โรงแรมก่อนเถอะ เธอสามารถกลับออกไปได้เสมอถ้าเธอไม่สามารถอยู่กับพวกเราได้ ไม่มีใครหยุดเธอได้อยู่แล้วนี่จริงไหม?”
“ใช่! อย่างไรก็ตามถ้าลุงโกหกฉันเรื่องทักษะลับ ผลที่ตามมาจะยุ่งยากกว่าที่ลุงคิดไว้แน่” จางลี่เฉินไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าและตอบรับอย่างใจเย็น
“ไม่ต้องห่วง! ฉันจะไปโกหกเธอได้อย่างไรเล่า ตราบใดที่เธอยอมทำเพื่อประเทศชาติเธอจะได้ทุกสิ่งที่ต้องการ!” ชายชราที่อยู่ในสังคมคุกคามมาเป็นเวลานานและถูกคุกคามอยู่บ่อยครั้งไม่อาจทำใจให้ชินได้เลยเมื่อได้ยินคำพูดที่แฝงไปด้วยความน่ากลัวของจางลี่เฉิน อย่างไรก็ตามในสถานการณ์แบบนี้ เขาทำได้แค่เพียงสัญญาแบบปากเปล่าออกไปก่อน จากนั้นเขาก็พาจางลี่เฉินกลับไปสมทบกับชายหนุ่มที่ยืนรออยู่ “หัวหน้าชุ่ย เรียบร้อยแล้ว! แถวนี้มีคนอยู่มากมายดังนั้นอย่าอยู่ที่นี่ต่อไปเลย กลับโรงแรมกันก่อนเถอะ”
ชายหนุ่มจ้องมองชายชราที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและจางลี่เฉินที่ไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ข้าง ๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ แล้วนำทางไปตามทิศที่เขาวิ่งมาในตอนแรก
หลังจากเดินมานานกว่า 20 นาทีโดยไม่หยุดพัก พวกเขาทั้งสามก็มาถึงโรงแรมที่ชื่อว่าแอฟริกา โฮมทาวน์ในที่สุด
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในโรงแรมระดับกลางแห่งนี้ ชายชาวจีน 2 – 3 คนที่แต่งตัวเหมือนนักท่องเที่ยวที่นั่งอยู่ในล็อบบี้ก็ล้อมรอบตัวพวกเขาในทันใด
“ใจเย็นก่อน ใจเย็น ๆ นี่หลานชายลูกน้องของฉันเอง เขาเป็นพวกเรา!” หลังจากที่ชายชราโบกมือและอธิบายกับคนของเขาเสร็จ เขาก็ลดเสียงลงเพื่อมากระซิบกับจางลี่เฉิน “รอฉันอยู่ที่นี่ก่อนนะ อย่าไปโกรธพวกเขาเลย พวกเขาแค่ทำตามหน้าที่ ฉันกับหัวหน้าชุ่ยจะขึ้นไปแจ้งข่าวกับกัปตันหูเรื่องของเธอก่อน แล้วเราจะรีบลงมา”
“มีปัญหานิดหน่อยแต่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ลู่ชิงอยู่ที่นี่ช่วยดูคนนี้ที่ล็อบบี้เอาไว้ให้ที ฉันจะไปกับผู้เฒ่าสวีเพื่อคุยกับกัปตัน” ชายหนุ่มอีกคนกล่าวด้วยสีหน้าไม่สนใจ
“ครับ ผมจะจับตาดูเขาไม่ให้ละสายตาไปไหนได้เอง” หนึ่งในชาวจีนที่เข้ามาล้อมพวกเขาเป็นชายหัวล้านที่เมื่อดูท่าทางของเขาแล้วน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขามองไปที่จางลี่เฉินและพูดขึ้นว่า “อย่างไรก็ตาม กัปตันของพวกเราเกลียดการจัดการกับเรื่องที่ยุ่งยากดังนั้นคุณควรระวังตัวไว้ให้ดีนะครับ”
“หยุดทำหน้าพอใจกับโชคร้ายของฉันสักทีจะได้ไหม!” ชายหนุ่มตอบออกไปแบบอดไม่ได้ที่จะทำหน้าตาบูดบึ้งก่อนจะหันมากล่าวตักเตือนชายชราที่อยู่ข้าง ๆ “ผู้เฒ่าสวี เมื่อเราไปพบกับกัปตันต่อจากนี้คุณควรระวังคำพูดของคุณให้ดีและอย่าทำอะไรให้มันต้องยุ่งยากไปกว่านี้อีกนะครับ คุณควรพูดออกไปให้ชัด ๆ เพราะคุณก็น่าจะรู้ดีว่ากัปตันของพวกเราเข้มงวดมากขนาดไหน ถ้าหากคุณยิ่งไปโกหกเธอ มันไม่มีทางที่จะหลบหนีไปจากการสังเกตของเธอได้”
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ เขาก็เดินตรงไปที่ลิฟต์ของโรงแรม
“ได้สิได้! แน่นอน หัวหน้าชุ่ยไม่ต้องกังวลมากขนาดนั้นหรอก!” ชายชราพยักหน้าด้วยรอยยิ้มขณะที่เขาเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในลิฟต์ จนกระทั่งถึงที่ชั้น 7 พวกเขาเดินไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยแสงสว่างก่อนจะหยุดที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่ง
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เคาะประตู ประตูห้องกลับค่อย ๆ เปิดออกมาอย่างช้า ๆ
คนที่เปิดประตูเป็นชายที่สวมเสื้อยีนส์และใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมัน ทั่วร่างกายของเขาเต็มไปด้วยน้ำหอมฉุนที่สามารถกระตุ้นให้คนใกล้ตัวส่งเสียงจามได้
ชายชราที่ปกติแล้วจะเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์และลิ้นกะล่อนหน้าถอดสีทันทีก่อนจะกลืนน้ำลายเสียงดัง “โอ้ ที่ปรึกษาเจิ้ง คุณก็อยู่ห้องของกัปตันด้วยงั้นเหรอเนี่ย เราคงไม่ต้องรีบร้อนอะไรขนาดนั้นก็ได้มั้งหัวหน้าชุ่ย ไว้เรากลับมาอีกครั้งเถอะ อย่าไปขวางธุระของพวกเขา…”
“ผมเป็นเพียงที่ปรึกษาที่ไม่มีได้ความสำคัญมากมาย คุณสองคนน่าจะมีเรื่องที่จริงจังยิ่งกว่า รีบเข้ามาก่อนเถอะครับ อย่ามัวแต่เสียเวลาอยู่เลย” โชคไม่ดีที่ความตั้งใจของชายชราที่ต้องการเลื่อนผ่านการพบเจอในครั้งนี้ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะชายที่เดินมาเปิดประตูต้อนรับไม่ยอมให้เขาได้ทำเช่นนั้น หลังจากจ้องตากัน 2 – 3 วินาที ทันใดนั้นเขาก็ก้าวกลับเข้าไปในห้องเพื่อเปิดทางให้ผู้มาใหม่เข้ามาข้างใน
“โอ้ แน่นอน! สมกับเป็นที่ปรึกษา คุณเจิ้งช่างสมเหตุสมผลจริง ๆ” ชายชราว่าพลางเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับชุ่ย เสี่ยวตงที่ตัวแข็งทื่อไปโดยสมบูรณ์
ห้องพักเดี่ยวของโรงแรมทั่วไปไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่นัก เช่นเดียวกันกับแอฟริกา โฮมทาวน์ มันเป็นห้องเดี่ยวที่มีพื้นที่รวมน้อยกว่า 10 ตารางเมตร นอกเหนือจากเตียงเดี่ยวพร้อมโต๊ะข้างเตียงติดผนัง เฟอร์นิเจอร์อย่างอื่นก็มีแค่โซฟาขนาดเล็ก 2 ตัวตรงหน้าต่าง ส่วนทีวีถูกฝังติดอยู่ในกำแพง
แม้ตัวห้องจะเล็กแต่กลับมีคนอยู่ 6 – 7 คน เป็นเรื่องดีที่นอกเหนือจากชายวัยกลางคนรูปหล่อที่สวมแว่นตากรอบดำที่ดูเป็นมิตรที่สุดนั่งอยู่ตรงโซฟาและหญิงสาววัย 40 ทรงเสน่ห์ที่สวมชุดสูทสีเทาที่นั่งอยู่บนเตียง คนอื่นที่เหลือยืนติดอยู่กับผนังห้อง ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ถือว่าแออัดจนเกินไปนัก
เมื่อเดินเข้าไปในห้อง ชายชราก็รีบก้มคำนับหญิงวัยกลางคนด้วยความเคารพในทันที “ที่ปรึกษาเจิ้ง กัปตันหู”
“ที่ปรึกษาเจิ้ง กัปตัน” ชุ่ยเสี่ยวดงเองก็โค้งคำนับเช่นกัน
“ผู้เฒ่าสวี คุณแก่กว่าผมมากเพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องสุภาพกับผมขนาดนั้นก็ได้ครับ มานั่งตรงนี้เถอะ กัปตันหูเองก็ไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องทางการเล็ก ๆ น้อย ๆ อะไรพวกนี้ เธอจะรู้สึกสะดวกใจมากกว่าถ้าคุณมานั่งคุยกับเธอ เสี่ยวตงยังเด็ก มันเหมาะสำหรับเขาแล้วที่จะพูดอย่างสุภาพแบบนั้น” ชายวัยกลางคนแสดงท่าทีเป็นกันเองแล้วชี้ไปที่โซฟาด้านข้างขณะพูดกับชายชรา
เมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้นแล้ว ไม่ว่าชายชราจะรู้สึกประหม่าและอึดอัดใจมากเพียงใดแต่ที่เขาทำได้คือการยิ้มรับออกไปเท่านั้น “แต่คุณทั้งสองคนเป็นหัวหน้าของพวกเราและคุณก็เป็นที่ปรึกษาใหญ่ของทีมซึ่งเทียบเท่ากับหัวหน้า … ”
“ผู้เฒ่าสวี คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก แค่นั่งลงแล้วบอกฉันมาตรง ๆ ว่ามีอะไร” หญิงวัยกลางคนกล่าวตัดประโยคของชายชรา
“โอ้ ดะ ได้สิ ฉันจะนั่งเอง ที่จริง ที่จริงแล้ว … กัปตันหู ฉันมีเรื่องจะรายงาน…” แม้จะรู้ดีว่าการนั่งลงบนโซฟาไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกร็ง ชายชรานั่งลงถัดจากที่ปรึกษาเจิ้ง เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเล่าเรื่องของจางลี่เฉินให้กัปตันหูฟังด้วยความจริงจัง
ในขณะที่เขาอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น การแสดงออกของกัปตันหูก็เปลี่ยนไป หลังจากที่เธอได้ยินประโยคสุดท้ายของเขาเธอก็ถามทันทีว่า “ผู้เฒ่าสวี คุณไม่ได้เปิดเผยความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ของทีมของเราต่อหลานชายรุ่นน้องของคุณก่อนที่ชุ่ยเสี่ยวตงจะเปิดเผยตัวเองใช่ไหม?”
“ผ ผมจะกล้าพูดแบบนั้นได้อย่างไรกัน?! ผมแค่บอกเขาไปว่าเดิมทีผมมีผู้ช่วย…” ชายชราพูดติดอ่างขณะที่เขาก้มศีรษะลงไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย
“ฮ่า ๆ คุณเองก็ช่างตลกดีเหมือนกันนะครับ แม้ว่าเราจะดูเหมือนกองทัพของหนูตามท่อรางน้ำ แต่แน่นอนว่ากัปตันหูสามารถทำตามคำขอของคุณเสมอได้หากคุณต้องการผู้ช่วยที่แข็งแรง จากสิ่งที่ผมเห็น คุณคงสนใจในความสามารถของเขาในตอนแรกเลยตัดสินใจอยากได้ตัวเขามาโดยไม่รู้ว่าเขาเองก็เป็นแบบเดียวกันกับคุณ ท้ายที่สุดเขาก็คัดค้านเลยเป็นการบังคับให้คุณต้องเกลี่ยกล่อมเขาด้วยการต่อรองและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพาเขากลับมาที่โรงแรม”
ชายชราไม่มีเจตนาจะโต้แย้งคำพูดของชายวัยกลางคน เขาเพียงแค่ยิ้มแล้วตอบไปว่า “เป็นอย่างที่ฉันคาดไว้จริง ๆ ฉันไม่สามารถซ่อนอะไรจากคุณได้เลยที่ปรึกษาเจิ้ง ฉันบังเอิญได้รับทักษะในการปรับแต่งศพหุ่นเชิดเมื่อฉันเดินเล่นไปมาที่แม่น้ำและทะเลสาบ คุณก็รู้ว่าสิ่งที่ฉันกำลังฝึกฝนคือประตูแห่งการเสียสละ ทักษะศพหุ่นเชิดจะอนุญาตให้ฉันได้ฝึกฝนประตูแห่งความตายเว้นแต่ว่าฉันจะได้เป็นพ่อมดแทรกซึมจิตใจระดับ 6”
“ถึงแม้คุณจะสามารถฝึกทักษะคาถาประตูแห่งความตายได้ แต่คุณจะไม่สามารถปรับแต่งศพได้จริง ๆ ทักษะในการสั่งศพให้มีชีวิตจะเป็นไปไม่ได้ถ้าคุณไม่ได้เป็นพ่อมดระดับ 12″ ที่ปรึกษาเจิ้งพูดจาเล่นลิ้นขณะพูด
เสียงหัวเราะที่เขาปล่อยออกมาอย่างไม่เป็นทางการนั้นแตกต่างจากเสียงหัวเราะที่เป็นมิตรโดยทั่วไป ราวกับว่ามีพลังยับยั้งบางอย่างอยู่ในนั้นที่สามารถส่งความรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกของคนที่ได้ยิน มันช่างน่ากลัวเหลือเกินและอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทา
ภายใต้เสียงหัวเราะแปลก ๆ ชายชราเองก็ส่งเสียงหัวเราะกลับไปด้วยความกลัว “ที่ปรึกษาเจิ้ง ฉันคือคนกล้าที่จะใฝ่ฝันและพัฒนาตัวเองเพื่อจะได้เป็นพ่อมดระดับ 12 อยู่ตลอดเวลา ฉันใช้ทุกโอกาสที่ฉันมีก็เพื่อสิ่งนั้น ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสถานการณ์ที่สิ้นหวังในขณะที่ฉันนึกถึงภารกิจที่ยากลำบากที่ฉันต้องทำเพื่อประเทศที่อาณาจักรเหนือธรรมชาติ ฉันรู้ว่าฉันจำเป็นต้องปรับปรุงตัวอีกมากแต่นี่คือเหตุผลที่ … “
“แม้ว่าคุณจะพยายามทำทุกอย่างในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง แต่คุณไม่สามารถไปใช้วิธีที่เป็นอันตรายถึงชีวิตเพียงเพื่อเพิ่มปัจจัยด้านความปลอดภัยของคุณ ตอนนี้คุณเป็นข้าราชการระดับชาติและเป็น สิ่งนั้น…” การแสดงออกของกัปตันหูเริ่มค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นร้ายแรงยิ่งขึ้น “ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เรากำลังอยู่กันที่ต่างประเทศ เราไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของเราได้ หากการกระทำใด ๆ ของคุณสร้างปัญหาให้กับพวกเรามันอาจส่งผลกระทบต่อแผนทั้งหมด … “
ชายชราอดทนต่อคำตำหนิที่ไร้ความปราณีของกัปตันหู จากนั้นการแสดงออกที่ลึกซึ้งบนใบหน้าก็ปรากฏ “ใช่แล้วกัปตันหู จากนี้ไปฉันจะไตร่ตรองสิ่งต่าง ๆ ให้ลึกซึ้งและดีกว่านี้ แต่สำหรับครั้งนี้คุณคิดว่าฉันควรทำเช่นไร?”