ถ้าที่ปรึกษาเจิ้งไม่ตั้งใจเปิดเผยเจตนาร้ายที่แท้จริงของชายชรา กัปตันหูอาจคิดว่าจางลี่เฉินที่กำลังรออยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรมชั้นล่างในตอนนี้เต็มไปด้วยความน่าสงสัย อย่างไรก็ตามข้อสงสัยต่าง ๆ ที่เธอมีในตอนแรกได้หายไปจนหมด
ทีมที่เธอเป็นผู้ดูแลอยู่นั้น เดิมทีก็เป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถและมีพลังที่ถูกจัดกลุ่มเข้าด้วยกันมาอยู่แล้ว ดังนั้นการจะมีคนมาเพิ่มอีกหนึ่งคนจึงไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไรกับเธอมากนัก อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงอำนาจหน้าที่ของการเป็นผู้นำ เธอทำท่าไตร่ตรองถึงเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเผยการตัดสินใจออกมา “ผู้เฒ่าสวี สถานการณ์ของคุณในครั้งนี้จะถูกยอมรับให้เป็นพิเศษ ฉันยอมรับหลายชายรุ่นน้องของคุณให้เข้าร่วมทีมด้วยได้ แต่อย่าให้มีเหตุการณ์อะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด มอบความชัดเจนให้กับสมาชิกในทีมคนอื่นให้ได้รู้ถึงเรื่องนี้ซะ แล้วหลายชายรุ่นน้องของคุณมาที่แอฟริกาใต้ได้อย่างไร?”
“เรื่องงานน่ะครับ หรือถ้าจะบอกให้ถูกต้อง เขาเป็นผู้ส่งออกบริการแรงงาน”
“มาทำงาน? ถ้าอย่างนั้นเขาก็ต้องมีเพื่อนชาวจีนที่อยู่แอฟริการใต้ด้วยอีกจำนวนหนึ่ง ถ้างั้นผู้เฒ่าสวี ไปบอกให้เขาโทรลางานและกล่าวลาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ของเขาซะ โดยอ้างว่าเขามีเหตุจำเป็นที่เร่งด่วนต้องกลับไปธุระเรื่องครอบครัว หัวหน้าชุ่ย รวมหลานชายรุ่นน้องของผู้เฒ่าสวีไปกับทีมของคุณ จากนั้นก็ถามเขาเกี่ยวกับรายละเอียดส่วนตัวและทำการลงทะเบียนให้เขาตามขั้นตอนของการเข้าร่วมทีม ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากดังนั้นเราจึงไม่สามารถให้เกิดความเสี่ยงใด ๆ ต่อการติดต่อกับคนในประเทศของเราได้ ทำให้ทุกอย่างเรียบง่ายที่สุดและมอบหมายให้เขาทำหน้าที่ปกป้องความปลอดภัยของผู้เฒ่าสวี โปรดจำไว้ว่าเขาแตกต่างไปจากเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ของคุณ ท้ายที่สุดเขาก็เป็นเพียงสมาชิกในทีมที่ไม่เคยได้รับการฝึกอบรมหรือได้ระดมความคิดร่วมกันมาก่อน คุณควรตรวจสอบเขาอย่างรอบคอบ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจนกว่าภารกิจจะสิ้นสุด อย่าปล่อยให้เขาได้ติดต่อกับโลกภายนอกได้ด้วยตัวเอง”
“ครับ หัวหน้า!” ชุ่ย เสี่ยวตงพยักรับหน้าอย่างเคร่งขรึม
“เยี่ยมไปเลยครับกัปตันหู! ขอบคุณมากครับสำหรับความมีน้ำใจของคุณ!” ชายชรากล่าวขอบคุณขณะถูมือของเขาอย่างรื่นเริงใจ “ที่ปรึกษาเจิ้ง คุณอยากไปเจอกับเขาก่อนไหมครับ?”
“ไม่ล่ะครับ เขาเป็นคนที่ฝึกฝนเรื่องคาถารวมถึงศิลปะการต่อสู้มาด้วย เขาเป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวนและกระทำความผิดมาตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ ไม่จำเป็นต้องให้ผมไปดูเขาตอนนี้ก็ได้เพราะถึงอย่างไรผมก็ยังมีโอกาสอีกมากที่จะได้เจอเขา”
เมื่อได้ยินคำตอบของที่ปรึกษาเจิ้ง ชายชราที่ฝึกศิลปะการต่อสู้มาบ้างก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญใจ อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสวมหน้าตารื่นเริงตอบกลับ “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องขอตัวก่อน ที่ปรึกษาเจิ้ง, กัปตันหู”
“เอาล่ะ คุณออกไปได้ รวมถึงคุณด้วยหัวหน้าชุ่ย” กัปตันหูพยักหน้าให้ชายชราและหัวหน้าชุ่ยออกจากห้อง พวกเขาเดินออกจากห้องมาด้วยความโล่งอก
แม้จะมีการบิดเบือนและเปลี่ยนแปลงความจริงไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดจุดจบของเขาก็เป็นที่น่าพอใจ เมื่อทั้งสองเดินลงมาด้วยลักษณะที่ผ่อนคลาย พวกเขาเห็นว่าจางลี่เฉินกำลังนั่งอยู่บนโซฟาที่ล็อบบี้ของโรงแรมที่ทำไว้เพื่อให้แขกได้พักผ่อนอย่างนิ่งเงียบ เขาดูเหมือนกำลังหลงอยู่ในความคิดของตัวเองเพื่อคิดเกี่ยวกับอะไรบางสิ่ง
ในทางกลับกัน ลู่ชิงและคนอื่น ๆ มีการแสดงออกบางอย่างขณะที่พวกเขาล้อมตัววัยรุ่นและจ้องมองเขาอย่างเย็นชา
“เป็นไงล่ะหัวหน้าชุ่ย? หลานชายรุ่นน้องฉันไม่ได้ถูกรังแกง่าย ๆ หรอกเห็นไหม?” เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ชายชราก็เดินเข้าไปใกล้จางลี่เฉินพร้อมกับตบไหล่เขาด้วยรอยยิ้ม “พ่อหนุ่ม การเสแสร้งของฉันยังทำงานได้ดีอยู่เพราะฉะนั้นเธอจะได้เข้าร่วมทำงานกับเรา ให้ประวัติส่วนตัวของเธอกับหัวหน้าชุ่ยด้วยนะ จากนี้ไปเธอก็จะเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราแล้ว เธอควรตั้งใจทำงานให้หนักขึ้น…”
เหตุผลที่จางลี่เฉินยอมติดตามชายชราและชุ่ยเสี่ยวตงมาที่โรงแรมนั่นก็เพราะ
หนึ่ง – เขาต้องการข้อมูลของทักษะคาถาลับคลุมเครือที่ชายชรากล่าวถึง
สอง – เขารู้ว่าเขาสามารถแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาได้อย่างเต็มที่และสามารถพลิกสถานการณ์นี้ให้เป็นไปตามที่เขาต้องการได้ซึ่งจะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับตัวเขาได้จริง ๆ
แน่นอนว่าในสถานการณ์เช่นนี้เขาจะไม่ยอมเปิดเผยภูมิหลังที่แท้จริงของเขาเป็นอันขาด เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจไปว่า “พ่อของฉันนามสกุลหู และแม่ของฉันนามสกุลลี่ พวกเขาตั้งชื่อฉันว่าหูลี่เฉิน ฉันมาจากหมู่บ้านฮามาที่ชานเมืองด้านนอกของมณฑลเสฉวนตะวันตก เมื่อฉันอายุ 15 พ่อของฉันก็จากไปและแม่ของฉันก็แต่งงานใหม่ ฉันหยุดไปโรงเรียนและทำงานมาตลอดตั้งแต่ตอนนั้น นั่นคือข้อมูลทั้งหมดของฉัน”
“ร เรียบง่ายเกินไปแล้ว!”
“นั่นก็เพียงพอแล้วล่ะหัวหน้าชุ่ย คุณคิดว่าทุกคนที่ฝึกคาถาจะเป็นเหมือนกับคุณหมดเลยอย่างงั้นหรือไง? เหมือนกับที่คุณสามารถจัดการกับสัตว์อาคมโกลเด้นบลูที่ครอบครองพลังรอบรู้ได้ในขณะที่คุณกลายเป็นพ่อมดน่ะหรอ?! คุณเป็นคนที่มีโชคในเรื่องของการเสี่ยงดวง แต่พ่อมดส่วนใหญ่ไม่ได้มีโชคที่ดีแบบนั้น เมื่อพูดแบบนี้แล้ว ชายชราอย่างฉันที่มีทั้งลูกชายและลูกสาวก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นชีวิตที่มีโชคดีมากเช่นกัน”
“ลู่ชิงก็เป็นเหมือนกับผม! เขาไม่สามารถจับพาหะภูเขาที่มีพลังรอบรู้ได้เหมือนกันในทันทีที่เขากลายเป็นพ่อมด”
“เรื่องนั้นไม่ใช่เพราะว่าลู่ชิงเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกันหรอกหรอ? เอาล่ะ ๆ พอได้แล้วพวกนายทุกคน นายน้อยทั้งหลายไม่มีทางเข้าใจความทุกข์ของพลเรือนไปได้นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกคนถึงไม่ได้มีชะตากรรมเดียวกัน … ” ชายชราพูดไปเรื่อยขณะที่เขาตบไหล่ของจางลี่เฉินด้วยใบหน้าที่น่าเศร้าอีกครั้ง “หยุดทำสิ่งที่ยุ่งยากสำหรับหลานชายรุ่นน้องของฉันได้แล้ว กัปตันหูได้พูดแล้วว่าให้ทำทุกอย่างให้ง่าย ๆ เข้าไว้…”
ในทางกลับกันจางลี่เฉินที่ไม่คิดถึงบุญคุณใด ๆ สั่นร่ายกายของเขาและอาศัยความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อสลัดมือของชายชราออกในขณะที่เขายังนั่งอยู่ ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเขาเอ่ยถามไปว่า “ลุง ฉันยอมเข้าร่วมแก๊งกับลุงแล้วก็รายงานข้อมูลพื้นฐานไปแล้ว ลุงไม่คิดว่าควรจะให้รางวัลกับฉันก่อนเลยงั้นเหรอ?”
“เอิ่ม ร่วมแก๊งงั้นหรอ? นี่คือการรับใช้รัฐบาลและประเทศของเรานะ! ทำไมเธอถึงพูดให้มันดูแย่โดยอ้างถึงการเข้าร่วมแก๊งแบบนั้นกัน? ไม่เพียงเท่านั้นมันจำเป็นสำหรับเราที่จะทำภารกิจให้สำเร็จก่อนที่เราจะได้รับของรางวัลนะพ่อหนุ่ม” ชายชราตัวแข็งทื่อและตอบกลับด้วยการพูดติดอ่าง
“จักรพรรดิจะไม่ยอมให้กองกำลังของตัวเองต้องอดยาก หากลุงต้องการให้ฉันเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องลุงโดยที่ลุงไม่ยอมจ่ายอะไรมาให้ก่อนเลยก็ฝันไปซะเถอะ! ถ้าลุงยังปฏิเสธที่จะจ่ายของที่ฉันต้องการอยู่แบบนี้ฉันจะเดินออกจากที่นี่ไปอย่างแน่นอน และหากลุงพยายามที่หยุดหรือขวางทางฉันอีก รับรองว่าคราวนี้ฉันจะฆ่าพวกของลุงทั้งหมด และเมื่อมันไปถึงขั้นนั้นคนที่ตายแล้วก็จะไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้อีกต่อไป ลุงเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม?” จางลี่เฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบและเมินเฉย
แน่นอนคำพูดที่เหย่อหยิ่งของเขาสร้างความโกรธเคืองให้กับชายหนุ่มทุกคนที่อยู่ในล็อบบี้โรงแรมที่พยายามทำตัวโดดเด่นกว่าใครอย่างมาก ลู่ชิงคำรามขึ้นด้วยความเดือดดาล “แก มันจะมากเกินไปแล้วนะ! อย่าคิดว่าตัวเองจะอยู่เหนือกว่าพวกเราเพียงเพราะมีข้อได้เปรียบมากกว่า ถ้าตอนนี้เราใช้คาถาของเราจริง ๆ แกจะต้องคุกเข่า…”
“มีใครในพวกคุณเคยเห็นสัตว์อาคมของฉันแล้วหรือเปล่า? อ่า ลืมไปเลย เพราะไม่มีใครที่นี่รู้จักฉันสักคน…” จางลี่เฉินพึมพำจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนจากโซฟา เวิร์มดราก้อนที่พันอยู่รอบเอวของเขาได้อ้าปากเบา ๆ และคลายหางของมัน
เมื่อสัตว์อาคมของเขาลอยตัวออกมาเพื่อแสดงท่าทีที่ดุร้าย การแสดงออกของชายชราที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็เปลี่ยนกลับไปมาอย่างกะทันหัน และฉับพลันนั้นเขาก็ส่งเสียงอย่างหนักแน่นออกมา “อย่าใช้อารมณ์ อย่าใช้อารมณ์! ดะ ได้สิพ่อหนุ่ม! ถ้าเธอต้องการทักษะลับฉันก็จะให้คัมภีร์ที่แท้จริงแก่เธอเอง มันเป็นของหายากและมีน้อยคนนักที่จะเป็นเจ้าของสิ่งนี้ได้ ดังนั้นมันจึงเป็นของที่หาได้ยากมาก อย่างไรก็ตามก่อนที่ฉันจะให้คาถานี้แก่เธอ แต่เธอต้องมอบคำสัญญากับฉันมาก่อน คัมภีร์นี้เป็นของฉันเองและเมื่อเธอได้รับประโยชน์จากมันแล้วเธอจะต้องปกป้องฉันด้วยพลังทั้งหมดที่เธอมี!”
เหตุผลที่ชายชรายอมตกลงกับคำขอของจางลี่เฉินและตั้งใจจะใช้คาถาลับที่เขาได้รับเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็กเพื่อเอาใจชายหนุ่มนั้นไม่ใช่ว่าเขาเสียสติหรือหลงเชื่อในคำพูดที่จางลี่เฉินขู่จะฆ่าทุกคนที่นี่ กลับกัน เขาเป็นกังวลกลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผยเมื่อมีการทะเลาะกันเกิดขึ้น เมื่อเป็นแบบนั้นคนที่จะโดนฆ่าก็คือจางลี่เฉินและเขาที่มีส่วนร่วมในการพาตัวจางลี่เฉินมาเข้าร่วมทีม
เมื่อเห็นว่าเด็กวัยรุ่นคนนี้ไม่ยอมอ่อนข้อ ชายชราก็เริ่มวิตกและเริ่มหงุดหงิด เขาที่เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีจึงคลายเสื้อสูทและเลิกเสื้อขึ้นเผยให้เห็นเนื้อหน้าอกออกมา เขาพ่นน้ำลายขนาดใหญ่บนฝ่ามือแล้วลูบมันลงบนหน้าอกและในไม่ช้าผิวบาง ๆ ของเขาก็ถูกเปิดออก “ฉันซ่อนมันเอาไว้ในที่ ๆ ปลอดภัยที่สุด นี่ เอาไปเลย เอาไป! ใช้พลังพ่อมดของเธอเพื่อเปิดใช้งานแล้วเธอจะเห็นภาพวาดและงานเขียนปรากฏขึ้นมาเอง ถ้าเธอทำไม่ได้ก็อย่ามาโทษฉัน”
“นี่สินะที่ว่าคนฉลาดจะเก็บคำพูดไว้กับตัวเอง มันดูเหมือนจะเป็นคัมภีร์หายาก…” จางลี่เฉินยื่นมือออกมาเพื่อแย่งผิวหนังบาง ๆ นั่นและใช้พลังพ่อมดของเขาตรวจดูเนื้อหาด้านในเพียงพริบตา คิ้วของเขาเลิกขึ้นอย่างไม่ทันมีใครได้สังเกตเห็น แต่ปากของเขาพูดอย่างน่าเศร้า “น่าเสียดายที่นี่เป็นเพียงเวทมนต์และไม่ใช่วิธีการฝึกฝนที่เป็นความลับ…”
“การปลูกฝังคาถาที่แท้จริงจะมีประโยชน์อะไรในสมัยนี้? ป่าทึบที่ห่างไกลได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่าสัตว์ที่เคยอาศัยอยู่ เนินเขาที่แห้งแล้งและแม่น้ำเชี่ยวไม่ได้เป็นจุดท่องเที่ยวที่ดีดังนั้นรัฐบาลจึงต้องออกตามหาสถานที่ดี ๆ และแขวนป้ายโฆษณาเพื่อเปลี่ยนให้ที่ดินตรงนั้นเป็นที่ดินเชิงพาณิชย์ ของเสียที่ปล่อยออกมาจากโรงงานขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นได้ฆ่าแมลงพิษทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีหลายสิบไมล์ เธอยังคาดหวังคาถาที่แท้จริงที่ดีในสภาพแวดล้อมในสังคมแบบนี้อยู่อีกงั้นหรือ? เธอเป็นมีหนึ่งในล้านพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิด! มันเพียงพอแล้วพ่อหนุ่ม! หยุดทำท่าอวดอ้างเสียที! ฉันเคยล่องลอยไปในแม่น้ำและทะเลสาบและวันนี้ฉันก็เพิ่งเจอกับทางตัน เธอคิดว่าฉันไม่เห็นแผนของเธอจริง ๆ น่ะหรือ? หากเธอยังบอกว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ของดีก็คืนมาและไปต่อสู้กับพวกเขาต่อได้เลย”
เมื่อมองดูวิธีที่ชายชราที่กำลังเป็นกระวนกระวาย ลู่ชิง ชุ่ยเสี่ยวตง และคนอื่น ๆ ที่มักถูกคำพูดของเขาหลอกลวงอยู่เสมอทุกครั้งที่พวกเขาคุยกันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนเด็กวัยรุ่นคนนี้กำลังล้างแค้นให้กับพวกเขา พวกเขาพูดพลางหัวเราะเสียงดังพร้อมกล่าวว่า “ผู้เฒ่าสวี ในที่สุดคุณก็พบกับคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมแล้ว! หลานชายรุ่นน้องที่คุณพบนั้นเป็นคนโลภมากและเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าคุณเสียอีก! คุณสมควรได้รับมันแล้วจริง ๆ!”
“ผู้เฒ่าสวี คุณควรจะยิ้มดีใจนะครับ หลานชายรุ่นน้องของคุณมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และหากเขายังเป็นแบบนี้ต่อไปจนจบ เขาจะประสบความสำเร็จได้อย่างมากในอนาคต! ใครจะรู้เขาอาจจะประสบความสำเร็จได้ภายในเวลาไม่กี่วัน … ” ในขณะที่การแกล้งล้อเลียนยังคงดำเนินต่อไปรอบ ๆ ตัวพวกเขา ล็อบบี้ของโรงแรมที่ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศตึงเครียดในตอนแรกก็เริ่มกลับคืนสู่ความสงบ
ถ้ามันเป็นพลังที่ต้องต่อต้านกับพลัง แน่นอนว่าจางลี่เฉินผู้ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงมาแล้วไม่มีความกลัวหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามตอนนี้ชายชราได้ให้ตำราคัมภีร์ที่แท้จริงของคาถาแก่เขามาแล้วและแน่นอนว่าเขาไม่สามารถทำร้ายพวกเขาทั้งหมดได้อีกต่อไป
“เอาล่ะลุง ที่ลุงพูดมามันก็ถูก แม้คัมภีร์นี้จะไม่ใช่ทักษะการฝึกฝนที่เป็นความลับแต่ก็ยังมีค่ามาก ฉันสัญญาว่าไม่ว่าลุงจะไปที่ไหน ฉันจะติดตามไปอยู่กับลุงทุกที่และทำให้ลุงปลอดภัยเอง”
เมื่อชายชราได้ยินคำพูดเช่นนั้น การแสดงออกที่เหมือนภัยพิบัติร้ายแรงของเขาก็ผ่อนคลายลง เขาไม่ได้ยืนยันร้องขอคำสาบานจากจางลี่เฉินอีกต่อไป “เอาล่ะพ่อหนุ่ม! เธอพูดแบบนั้นมาแล้วนะ เธอไม่ได้เป็นคนที่พูดถึงเรื่องอะไรแบบนี้มากนักแต่เมื่อเธอพูดออกมาเองเช่นนี้แม้แต่น้ำลายก็อาจทำให้เธอจมน้ำตายได้ถ้าผิดคำพูด ฉันจะเชื่อเธอในครั้งนี้โดยไม่มีเงื่อนไข โปรดจำไว้ว่าอย่าก่อปัญหาใด ๆ อีกเพราะเธอเป็นพลเมืองของประเทศเรา…”
“โปรดวางใจกับคำพูดที่ฉันมอบให้ได้เลย” จางลี่เฉินยิ้มพร้อมพยักหน้าก่อนจะถามกลับไปว่า “อย่างไรก็ตามที่ลุงพูดถึง “พลเมืองของประเทศเรา” นั้น ที่จริงแล้วลุงหมายถึงอะไร?”
“ฉันหมายถึงอะไรน่ะหรอ? ไปที่ห้องอาหารของโรงแรมและหาอะไรกินในขณะที่เราพูดคุยกันเถอะ อาหารของโรงแรมนี้ค่อนข้างดีทีเดียวแม้ว่าฉันจะเบื่อไปนิดหน่อยที่ต้องกินมันอยู่เสมอก็ตาม แต่เพราะตอนนี้ฉันหิวมากแล้วดังนั้นมันจะเป็นอะไรฉันก็ไม่สน! หัวหน้าชุ่ย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปหลานชายรุ่นน้องของฉันได้ตกลงที่จะเข้าร่วมกับทีมของเราแล้วก็ถือว่าเขาเป็นคนที่อยู่ข้างเราดังนั้นฉันจะบอกเขาเกี่ยวกับภารกิจของเราในภายหลังเอง ตกลงไหม?”