ตอนที่ 2840 ทะลุขีดจำกัด

ห้องลับ บริเวณรูปสลักสัตว์อสูรโบราณ :

เมื่อข้อมูลทั้งหมดจากคริสตัลมรดกของจั๊กเกอร์น็อตหลั่งไหลเข้าสู่สมองของไฟเออร์แดนซ์เรียบร้อย มันก็เห็นได้ชัดว่าการควบคุมมานาของไฟเออร์แดนซ์เริ่มจะแข็งแกร่ง และดีขึ้นอย่างชัดเจน ….

ซึ่งนี่มันก็ทำให้ซือเฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะอิจฉาเช่นกัน

สำหรับมรดกของจั๊กเกอร์น็อตนั้นเขาต้องการจะใช้มันทันทีเช่นกัน แต่เขาก็รู้ถึงสิ่งหนึ่งเป็นอย่างดีคือ หากเขาใช้มันตอนนี้มันก็จะไม่มีประโยชนฺมากนัก

เพราะสำหรับเขาตอนนี้เขาไม่ได้ขาดความรู้และความเข้าใจในการควบคุมมานาอีกแล้ว แต่สิ่งที่เขาขาดจริงๆคือค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจที่มันยังไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะช่วยให้เขาควบคุมมานาทั้งหมดได้อย่างที่คิด

ในปัจจุบันตราบใดที่เขามีความแข็งแกร่งในด้านนี้มากพอ เขาก็สามารถจะใช้วิธีเส้นขนานสามเส้นเพื่อควบคุมวงเวทย์ของร่างมานาของเขาได้ ซึ่งนี่มันก็จะทำให้ร่างมานาของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับหนึ่งทันที

ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คือกานเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านนี้ของตัวเองให้มากพอ และพยายามหาวิธีที่ดีที่สุดในการจะใช้วิธีเส้นขนานสามเส้นเพื่อควบคุมวงเวทย์ของร่างมานาของตัวเอง ส่วนอย่างอื่นนั้นมันยังไม่จำเป็นเท่าไหร่ ….

“ตอนนี้ฉันเองก็คงจะต้องเริ่มฝึกบ้างแล้วสินะ ….”

ซือเฟิงพึมพำด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขามองไปยังทุกคนที่อยู่ที่นี่ที่ดูเหมือนจะเริ่มมีพัฒนาการขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะนั่งลง และเริ่มฝึกในแบบของตัวเองเช่นกัน

หลังจากที่เขาดูดซับเปลวไฟลึกลับขั้นสี่เข้ามา ตามการคาดการณ์ของเขาค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาในปัจจุบันก็น่าจะขึ้นไปอยู่ที่จุดสูงสุดของขั้นสี่แล้ว และมันก็น่าจะอยู่ห่างจากขั้นห้าเพียงไม่กี่ก้าว

ซึ่งนี่มันทำให้ซือเฟิงนั้นต้องการจะรีบทำการฝึก และไปให้ถึงขั้นนี้ เพื่อที่หนทางในการจะก้าวไปสู่ขั้นห้าที่แท้จริง พร้อมกับการสร้างโลกของเขาในอนาคตจะได้ง่ายขึ้น

เวลาผ่านไปกว่าครึ่งวันอย่างรวดเร็วก่อนที่ใครจะทันได้รู้ตัว ….

ในระหว่างที่ซือเฟิงนั้นพยายามจะฝึกใช้วิธีเส้นขนานสามเส้นเพื่อควบคุมวงเวทย์ของร่างมานาของตัวเอง ออร่าของไฟเออร์แดนซ์ก็พุ่งสูงขึ้นจนทำให้เกิดพายุมานาที่ปกคลุมไปทั่วห้องลับ

“เกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวไฟเออร์แดนกัน ?! พายุมานานี้มันแข็งแกร่งมากๆ !!!” ฟลายอิ้งชาโด้วมองไปยังหมอกสีขาวหนาแน่นที่ก่อตัวขึ้นรอบๆไฟเออร์แดนซ์ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“มันน่าจะเป็นเพราะร่างมานาของเธอทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ไปแล้วน่ะ ….” เทอเทิ้ลโดฟกล่าวอย่างอิจฉา

“ไม่ใช่ นี่มันไม่เหมือนกับการทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมานาโดยทั่วไป” เสวี่ยเหวินโหรวกล่าวพลางส่ายหัว ก่อนที่เธอจะกล่าวต่อว่า “ร่างมานาในปัจจุบันของฉันก็ทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์เช่นกัน แต่ในตอนที่ฉันทะลุขีดจำกัดได้ มันยังไม่เกิดปรากฎการณ์ขนาดนี้เลย ….”

ในตอนที่ร่างมานาของเธอทะลุขีดจำกัดมาถึงหนึ่งร้อยสองเปอเซ็นต์ได้นั้น ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้นมันจัดว่าน้อยกว่าไฟเออร์แดนซ์ในตอนนี้มากๆ ดังนั้นเธอจึงรู้ดีว่าสิ่งที่ไฟเออร์แดนซ์ทำมันไม่ใช่อะไรที่ทั่วๆไปหรือแบบปกติแน่นอน

หลังจากนั้นไม่กี่นาที มานาของไฟเออร์แดนซ์ก็เริ่มเสถียรและคงที่ ก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

“หัวหน้ากิล ฉันทำสำเร็จแล้ว !!!” ไฟเออร์แดนซ์อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิง และพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ตอนนี้ฉันสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้หนึ่งร้อยเจ็ดเปอเซ็นต์แล้ว ถ้าหัวหน้าให้เวลาฉันอีกสักหน่อย การจะปลดล๊อคไปให้ได้ถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”

สำหรับเรื่องร่างมานานั้น เธอเคยได้ยินซือเฟิงพูดมาว่าตราบใดที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้ถึงหนึ่งร้อยห้าเปอเซ็นต์ มันจะนับเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ แต่หากสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้ถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ มันจะนับเป็นการก้าวกระโดด

แม้ว่าในวันนี้เธอจะยังไปไม่ถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยข้อมูลที่เธอได้รับมาจากมรดกของจั๊กเกอร์น็อต บวกกับผลของรูปสลักสัตว์อสูรโบราณ เธอจะสามารถขึ้นไปถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ได้โดยใช้เวลาไม่นานแน่นอน และนี่มันก็จะทำให้เธอขึ้นไปเหนือกว่าไวโอเล็ตคลาวด์ที่ตอนนี้สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาไปได้หนึ่งร้อยแปดเปอเซ็นต์ด้วย

“นี่คุณทะลุไปได้ถึงหนึ่งร้อยเจ็ดเปอเซ็นต์ในครั้งเดียวเลยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงนั้นรู้สึกตกตะลึงเช่นกัน เมื่อเขาได้ยินข้อมูลจากไฟเออร์แดนซ์

การที่ไฟเออร์แดนซ์สามารถทะลุไปถึงหนึ่งร้อยเจ็ดเปอเซ็นต์ได้ในครั้งเดียวแบบนี้นั้น มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย นี่มันจะทำให้เธอได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่แน่นอน ซึ่งบางทีในอนาคตเธออาจจะขึ้นไปอยู่เหนือกว่าไวโอเล็ตคลาวด์ก็ได้

“มรดกของจั๊กเกอร์น็อตนั้นมีคำอธิบายที่ถ่องแท้ และเข้าใจได้ง่ายมากๆเกี่ยวกับเรื่องร่างมานา แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่ใช่พวกนักดาบ ไม่งั้นการปรับปรุงของฉันจะยิ่งใหญ่กว่านี้แน่นอน” ไฟเออร์แดนซ์กล่าวพลางถอนหายใจ “หากสิ่งนี้ถูกมอบให้เซเว่นไลท์ที่เป็นนักดาบใช้ เขาจะสามารถทะลุหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ได้อย่างไม่ยากเย็นแน่นอน แล้วก็ถ้าหัวหน้ากิลใช้มัน ฉันก็คิดว่ามันน่าจะน่าทึ่งขึ้นไปอีกขั้นเลย”

“เอฟเฟคของมันดีขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกตื่นเต้น เมื่อเขาได้ยินคำพูดของไฟเออร์แดนซ์ แต่เขาก็ยังคงพยายามที่จะระงับความตื่นเต้นไว้ “แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจมันหรอก สำหรับเซเว่นไลท์ ฉันจะมอบให้เขาใช้มันแน่นอน เมื่อเขาสามารถไปถึงขั้นสี่ได้แล้ว ….”

สำหรับการที่จะได้มีร่างมานาที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพได้ถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์หรือกว่านั้นมันเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาสามารถปลดล๊อคไปได้ถึงหนึ่งร้อยสิบห้าเปอเซ็นต์นั้น แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับการทดสอบของมังกรเงินศักสิทธิ์ออร์เบ็ค เขาก็จะผ่านไปได้แน่นอน

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาจำเป็นจะต้องฝึกใช้วิธีเส้นขนานสามเส้นเพื่อควบคุมวงเวทย์ของร่างมานาของเขาให้ได้ก่อน เพราะสิ่งนี้นั้นมันนับเป็นพื้นฐานที่จะทำให้เขาเริ่มสร้างร่างมานาเพื่อก้าวไปสู่ขั้นห้าได้ทันทีที่เลเวลของเขาไปถึงหนึ่งร้อยห้าสิบ
สำหรับเรื่องมรดกของจั๊กเกอร์น็อตนั้น ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะให้นักดาบขั้นสี่ใช้เท่านั้น อย่างไรก็ตามสภาสิบแปดปีกนั้นมีนักดาบที่มีความสามารถอยู่แค่ไม่กี่คน และมันก็จะมีแค่ไม่กี่คนที่จะสามารถไปถึงขั้นสี่ได้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องผ่อนปรนเงื่อนไขในส่วนนี้ลงเพื่อทำให้สภาสิบแปดปีกสามารถสร้างผู้เล่นขั้นสี่ที่ทรงพลังได้มากขึ้น

“ฉันเข้าใจล่ะ …” ไฟเออร์แดนซ์กล่าวพลางพยักหน้า

หลังจากนั้นเวลาสิบวันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และด้วยผลอันน่ากลัวของรูปสลักสัตว์อสูรโบราณ มันทำให้เหล่าแกนหลักอาวุโสหรือเหนือกว่าขึ้นไปของสภาสิบแปดปีกนั้นพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมากๆ นอกจากนี้มันก็ยังมีการค้นพบดินแดนมรดกขั้นสี่จำนวนหนึ่งในหุบเขาอาร์กติกแกรนด์ ดังนั้นซือเฟิงจึงได้ตัดสินใจจะส่งผู้เล่นจำนวนหนึ่งที่เขาแน่ใจว่าจะสามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ ได้สำเร็จไปทำเควสทันที สำหรับไฟเออร์แดนซ์ หลังจากที่เธอสามารถทะลุขีดจำกัดของร่างมานาจนมาถึงหนึ่งร้อยสิบเปอเซ็นต์ได้ เธอก็ได้เริ่มนำทีมออกล่าและสำรวจในหุบเขาอาร์กติกแกรนด์ ซึ่งนี่มันช่วยเพิ่มรายได้ให้กับสภาสิบแปดปีกอย่างมาก โดยเฉพาะกับวัสดุ อาวุธ และอุปกรณ์คุณภาพสูงที่มีเลเวลหนึ่งร้อยสามสิบหรือมากกว่าที่มันดรอปออกมาเป็นจำนวนมาก และนี่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่กองกำลังทั่วไปจะสามารถหามาได้ง่ายๆเลย

แล้วก็ในบรรดาผลประโยชน์มากมายที่หุบเขาอาร์กติกแกรนด์มอบให้นี้ มันยังมีคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ด้วย โดยมันดรอปในดันเจี้ยนต่างๆของหุบเขา แม้ว่าแต่ละครั้งมันจะดรอปออกมาน้อยมาก แต่มันก็ดรอปในแทบทุกดันเจี้ยนที่นี่ เป็นผลให้ในช่วงสิบวันนี้สภาสิบแปดปีกได้รับคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่มาเพิ่มมากกว่าหกร้อยชิ้นแล้ว

ซึ่งนี่มันทำให้ซือเฟิงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับเรื่องนี้เช่นกัน เขาไม่คิดเลยว่าผลประโยชน์ที่หุบเขาอาร์กติกแกรนด์มอบให้มันจะน่าอัศจรรย์ขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ และในอนาคตเมื่อสภาสิบแปดปีกมีผู้เล่นขั้นสี่เพิ่มขึ้น พร้อมกับสามารถผูกขาดคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ได้มากขึ้นนั้น เขาก็แทบจะไม่กล้าจินตนาการถึงจำนวนคริสตัลเจ็ดลูมินาลี่ที่กิลจะได้รับเลย

ขณะเดียวกันในช่วงสิบวันที่ผ่านมานี้ หลังจากฝึกอย่างหนัก… ซือเฟิงก็อยู่ห่างเพียงครึ่งก้าวเท่านั้นจากการจะใช้วิธีเส้นขนานสามเส้นเพื่อควบคุมวงเวทย์ของร่างมานาของเขาให้ได้สมบูรณ์

และในช่วงเวลานี้นั้น God domain ก็ได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายอย่าง ….
ประการแรกเมืองเฮยชุ่ยของมือแห่งนักบุญได้ปรากฎขึ้นแล้ว และเมืองนี้ก็เปิดให้สาธารณชนทุกคนได้เข้าไปตามคำประกาศ หลังจากนั้นมหาอำนาจต่างๆก็ได้รับข่าวว่าลู่ชิงหลัว ซึ่งเป็นทายาทของบริษัทสตาร์ไลน์นั้นได้ถูกไล่ออกจากทุกตำแหน่ง รวมไปถึงตำแหน่งทายาทด้วยแล้ว เนื่องจากไอดี God domain ของเขานั้นได้รับความเสียหายอย่างหนักจนแทบจะเรียกได้ว่าพิการ โดยเหตุการณ์นี้มันก็ทำให้ทายาทของมหาอำนาจกลุ่มอื่นๆนั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดันเช่นกัน

สำหรับสภาสิบแปดปีกสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ของกิลก็คือ กองกำลังพันธมิตรของกิลที่มีจำนวนมากกว่าสองหมื่นคนได้เริ่มเข้าสู่เมืองสภาสิบแปดปีกแล้ว และผู้ที่เข้ามาทั้งหมดก็เข้าใจถึงคุณค่าของเมืองสภาสิบแปดปีกในทันที ซึ่งนี่มันก็ทำให้
โควต้าเข้าเมืองของสภาสิบแปดปีกเริ่มกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้น

อย่างไรก็ตามสำหรับสภาสิบแปดปีกนั้นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ เสวี่ยเหวินโหรว อควาโรส จ้าวเยว่รู่ หยานเทียนซิง อี้ลั่วเฟยนั้นได้ทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จ และเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนี่มันก็จะช่วยเพิ่มพลังโดยรวมให้กับสภาสิบแปดปีกอย่างมาก และการออกสำรวจกับล่าภายในหุบเขาอาร์กติกแกรนด์นั้นมันก็จะทำได้ง่ายขึ้นมากด้วย

เมืองสภาสิบแปดปีก ห้องตีเหล็กพิเศษของบริษัทการค้าแสงเทียน :

“แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะก้าวข้ามไปสู่ระดับสุดยอดปรมาจารย์วงเวทย์” ซือเฟิงบ่นพึมพำด้วยใบหน้าซีดเซียว ขณะที่เขามองไปยังเซ็ทมานาขั้นที่เขาลองฝึกทำที่วางอยู่บนโต๊ะ

จากการค้นคว้ามาหลายวันของ มันทำให้เขาได้รู้ว่าเขามีเพียงแค่สองวิธีเท่านั้นที่จะทำให้ตัวเองสามารถใช้วิธีเส้นขนานสามเส้นเพื่อควบคุมวงเวทย์ของร่างมานาของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยหนึ่งก็คือการพัฒนาค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจให้ไปถึงขั้นห้า ขณะที่อีกหนึ่งก็คือการกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์วงเวทย์

ซึ่งซือเฟิงได้เลือกวิธีการที่จะกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์วงเวทย์ เพราะมันทำได้ง่ายกว่ามาก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฝึกจนสามารถสร้างเซ็ทมานาขั้นสามขึ้นมาได้มากกว่าสองร้อยเซ็ทนั้น ซือเฟิงก็ยังไม่สามารถไปถึงระดับของสุดยอดปรมาจารย์วงเวทย์ได้ และตอนนี้เขาก็รู้สึกราวกับว่ามันมีกำแพงบางๆกั้นอยู่ที่ทำให้เขาไม่สามารถทะลวงไปถึงสิ่งที่เขาต้องการได้

และจากการฝึกทั้งหมดนี้เอง มันก็ทำให้ซือเฟิงได้มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบแล้ว ซึ่งมันเป็นเลเวลที่ตรงตามเงื่อนไขของการจะเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้า

“หัวหน้ากิลจากที่หัวหน้าได้ฝากให้บริษัทโบลเดอร์ไปช่วยทำการตรวจสอบเรื่องน้องสาวของเฟิงเฉียนหยู (ฟีนิกซ์เรน) … พวกเขาเจอเธอแล้ว โดยเธออยู่ใน Upper Zone ของเมืองไห่เทียน” เหลียงจิงกล่าวรายงานซือเฟิง หลังจากที่เธอติดต่อเข้ามาอย่างกระทันหัน

“โอเค …” ซือเฟิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นเขาก็เลือกจะล๊อคเอ้าท์ออกจาก God domain และเริ่มวางแผนที่จะเดินทางไปยัง Upper Zone ของเมืองไห่เทียน

นอกเหนือจากการไปจัดการเรื่องน้องสาวตามคำขอของเฟิงเฉียนหยูแล้ว เขาก็อยากจะลองไปตรวจสอบสภาพแวดล้อมทั้งหมดที่นั่นเพื่อไว้สำหรับทำธุรกิจเช่นกัน ….

ในช่วงนี้นั้นสภาสิบแปดปีกของเขาได้พัฒนาขึ้นไปอย่างรวดเร็วมากๆ ไม่ว่าจะเป็นในโลกแห่งความจริง หรือโลกแห่งเกม ดังนั้นความต้องการทั้งเงินทุน และทรัพยากร
ของกิลมันจึงเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน นี่มันจึงทำให้ซือเฟิงต้องรีบคิดหาหนทางจะทำเงิน และควานหาทรัพยากรเพิ่มเติม เพราะหากใช้วิธีปกติ และรอคอยไปเรื่อยๆ การพัฒนาของสภาสิบแปดปีกอาจจะหยุดชะงัก และไม่ต่อเนื่องได้