แบกฉันหน่อย

 

เพื่อแสดงถึงความสบาย ๆ ไม่เป็นทางการ ตอนที่เหออวี้พูดกับม่อเซี่ยนจึงไม่ได้ลุกขึ้นยืน และไม่แม้แต่จะจ้องมองม่อเซี่ยนด้วยซ้ำ แต่ว่าตอนที่ถามก็หันร่างมาครึ่งตัวเหลือบมองม่อเซี่ยน จากนั้นก็หันกลับไปทันที ทำทีเป็นว่าไม่ใส่ใจ

ผลก็คือคำตอบของม่อเซี่ยนทั้งรวดเร็วทั้งสั้นกระชับแบบนี้

“โอเค” สองคำ แต่สำหรับเหออวี้แล้วมันฟังเหมือนกับคำสั่งประเภท “อย่าขยับ ไม่งั้นตาย” เลย เหออวี้ที่หันร่างกลับไปแล้วแข็งทื่ออยู่กับที่ ใบหูได้ยินแต่เสียงม่อเซี่ยนจัดเรียงหนังสือ นอกจากนี้แล้วเหมือนกับว่าเหออวี้ไม่สามารถได้ยินเสียงอื่นใดได้อีก

เหออวี้ไม่รู้ว่าตัวเองอึ้งอยู่นานแค่ไหน ตามความรู้สึกของเขาเหมือนว่าจะแข็งทื่ออยู่อย่างนี้ยาวนานเป็นศตวรรษ ร่างของเขาแข็งเกร็งจนไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้

ร่างที่เดิมทีหันกลับไปแล้วหมุนตัวกลับมาอีกครั้ง เขาจ้องมองม่อเซี่ยน แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรม่อเซี่ยนก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้เขาเสียก่อน

“อะไร” เหออวี้ถามอย่างทึมทื่ออยู่บ้าง

“ตารางเวลาของฉัน” ม่อเซี่ยนพูด

“ตารางเวลาเหรอ” ความเร็วของสมองเหออวี้ในตอนนี้ถ้าพูดเป็นภาษาคอมพิวเตอร์แล้วก็เป็นไมโครโพรเซสเซอร์ระดับ 4 บิต เป็นความเร็ว CPU ระดับคอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ ในประวัติศาสตร์

“จะซ้อมด้วยกันไม่จำเป็นต้องมีเวลาที่เฉพาะเจาะจงหรือไง” ม่อเซี่ยนพูด

“ตารางเรียนของเราสองคนก็เหมือนกันหมดไม่ใช่เหรอ” เหออวี้ที่คิดอะไรไม่ออกได้แต่พูดเออออตามหัวข้อที่ม่อเซี่ยนตั้งประเด็นขึ้นมา

“นี่เป็นตารางเวลาของฉัน ไม่ใช่ตารางเรียน” ม่อเซี่ยนพูด

“อ้อ?” เหออวี้รับไปดูอย่างมึน ๆ งง ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ตารางเรียน แต่หน้าตามันก็ไม่ได้ต่างจากตารางเรียนสักนิดเดียว เพียงแค่เมื่อเทียบกับตารางเรียนของพวกเหออวี้แล้ว ตารางเวลาของม่อเซี่ยนอันนี้มันเข้มข้นกว่ามาก ๆ เหออวี้ถือจ้องอยู่เป็นนาน แต่ที่จริงแล้วตัวหนังสือแม้แต่ตัวเดียวก็ไม่ได้อ่านเข้าหัว ถืออยู่ครึ่งค่อนวันแต่พอเปิดปากพูดขึ้นมากลับไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตารางเวลาอันนี้สักนิด

“นายสัญญาแล้วนะ?” เหออวี้พูด

ม่อเซี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพอใจเหออวี้ที่เน็ตปิง 460 แต่ว่าก็ยังพยักหน้าอยู่ดี

“ทำไมล่ะ” เหออวี้พูดโพล่งออกมา ที่เขาเน็ตปิง 460 มาครู่ใหญ่นั้นที่จริงแล้วก็มีสาเหตุมาจากปัญหาข้อนี้อย่างเดียวเลย  เรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องงุนงงกันทั้งนั้น

ก็เหมือนกับพระถังที่เดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎก ต้องเดินทางสิบหมื่นแปดพันลี้ เตรียมจิตใจพร้อมรับความยากลำบากเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดประการ ผลก็คือเพิ่งจะเดินทางออกจากพระราชวังต้าหมิง พระพุทธองค์ก็ลอยลงมาจากสวรรค์ชั้นฟ้าตรัสว่าเจ้ามาแล้ว พระไตรปิฎกอยู่นี่ เชิญรับไปได้เลย เรื่องแบบนี้ยังจะทนได้หรือ

เหออวี้เงยหน้าขึ้นมองม่อเซี่ยน ณ ขณะนี้อารมณ์ที่อยากรู้สาเหตุของเรื่องนี้ยังเหนือกว่าเรื่องสำคัญอย่างการดึงตัวม่อเซี่ยนเข้าร่วมทีมเสียอีก ผลก็คือม่อเซี่ยนกลับไม่ค่อยเข้าใจ “อะไรทำไม”

“เอ่อ…ที่จริงแล้วฉันไม่คาดว่านายจะสัญญาเข้าร่วมทีมน่ะสิ” เหออวี้พูดแล้วก็ก้มหน้าลงมองดูตารางเวลาของม่อเซี่ยน “ยังไงนายก็ดูยุ่งซะขนาดนี้นี่นา”

“แต่ว่าฉันก็เล่นเกมหลาย ๆ เกมบ่อย ๆ นะ เล่นเองหรือเล่นกับพวกนายมันจะแตกต่างกันตรงไหนล่ะ” ม่อเซี่ยนพูด

“ฟังดูแล้วมีเหตุผลมากเลย…” เหออวี้พูด

“ก็แค่นี้แหละ” ม่อเซี่ยนพูด

“ก็ดี…ฉันบอกทุกคนนะ” เหออวี้พูด

“โอเค” ม่อเซี่ยนพูดจบแล้วก็ทำกิจธุระของเขาต่อไป ก็แค่เรื่องเล็กน้อยที่ทำอยู่ทุก ๆ คืนตอนที่กลับมาถึงห้องนอนแล้ว ไม่มีอะไรแตกต่างกับตอนปกติสักนิด แต่เหออวี้ที่อยู่อีกด้านกลับเหมือนจะถูกฟ้าผ่าใส่

เปิดโทรศัพท์มือถือไปที่กลุ่มคลื่น7 ซึ่งไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาคิดเอาไว้เลย โจวม่อพูดคุยกับเกาเกอเรื่องการแสดงออกของม่อเซี่ยนในวันนี้อย่างกระตือรือร้น ด้านความเก่งกาจของม่อเซี่ยนนั้นทั้งสองคนต่างก็ประเมินไว้อย่างสูง แต่ว่าในเวลาเดียวกันก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องยากมาก ๆ

เหออวี้ที่เหมือนถูกฟ้าผ่ารู้สึกว่าไม่อาจยอมให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ แล้วก็อยากจะให้สายฟ้าไปผ่าใส่พวกเขาบ้างก็เลยเงยหน้าขึ้นมองม่อเซี่ยน “ฉันดึงนายเข้ากลุ่มทีมพวกเรานะ”

“โอเค” ม่อเซี่ยนพูด

ดังนั้นเองข้อความเม้ามอยในกลุ่มแชทพอมีข้อความจากระบบแจ้งว่ามีสมาชิกใหม่เข้าร่วมกลุ่มก็หยุดชะงักลงทันที

ชื่อวีแชตที่ม่อเซี่ยนใช้ไม่ใช่ชื่อจริง แต่เป็นชื่อเดียวกันกับที่เขาใช้ตอนเล่นเกม : แมวของชเรอดิงเงอร์

จากนั้นแมวของชเรอดิงเงอร์ก็พูด

“สวัสดีครับทุกคน” เขาพูด

“นี่ตารางเวลาของผม” เขาพูดอีก

จากนั้นรูปรูปหนึ่งก็ถูกส่งเข้าไปในกลุ่ม แล้วเหออวี้ก็เห็นม่อเซี่ยนวางโทรศัพท์มือถือลงและทำเรื่องที่พอกลับห้องนอนแล้วต้องทำก่อนจะพักผ่อนพวกนั้นต่อไป

“???” เครื่องหมายคำถามสามอันถูกส่งมาจากโจวม่อ แล้วก็ยังมาจากห้องแชตส่วนตัวด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาช๊อคไปแล้ว หรือไม่ในใจก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่ไม่ว่าอย่างไรแมวของชเรอดิงเงอร์ก็เข้ากลุ่มมาแล้ว เขารู้สึกว่าพูดอะไรในกลุ่มจะไม่ดีจึงได้ส่งข้อความเป็นการส่วนตัวมาให้เหออวี้

ความรู้สึกแบบเน็ตปิง 460 ย้ายออกจากตัวเหออวี้ไปสู่โจวม่อ เหออวี้ที่กลับสู่สภาพปกติแล้วตอบกลับไปอย่างสงบนิ่งสองคำว่า “สำเร็จ”

“สำเร็จได้ไง” โจวม่อถามกลับมาทันที

“แค่คำพูดประโยคเดียว” เหออวี้พูด

“พูดอะไร” โจวม่อแตกตื่นจนหน้าซีด

“อยากมาร่วมทีมพวกเราเล่นด้วยกันไหม” เหออวี้ตอบ

จากนั้นก็เป็นความเงียบงันอันยาวนานถึงครึ่งนาที

“จากนั้นล่ะ” โจวม่อถาม

“จากนั้นเขาก็ว่าโอเค” เหออวี้พูด

“แค่นี้?”

“แค่นี้”

เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง ครึ่งนาทีผ่านไปก็ยังไม่ดีขึ้น เหออวี้ก็ไม่ได้รอต่อ จากที่เขาเข้าใจโจวม่อ เหออวี้คิดว่าเป็นไม่ได้ที่จะแค่เน็ตปิง 460 แปดสิบเปอร์เซ็นต์คิดว่าน่าจะเครื่องค้างต้องรีสตาร์ทแล้ว ยังต้องรอไปอีก

ตัดห้องแชทกลับไปที่กลุ่ม มองดูแล้วยังคงเป็นรุ่นพี่เกาเกอที่สงบนิ่งกว่า เรื่องที่ทำก็ละเอียดลออไร้ตะเข็บหลุดลุ่ย ม่อเซี่ยนส่งตารางเวลามา เธอก็อ่านตารางเวลานั้นอย่างจริงจัง อ่านจบแล้วก็แสดงความเห็นออกมาว่า “นายมีตารางเวลาที่ยุ่งมากเลยนะ ตอนไหนถึงจะซ้อมได้”

“เวลาที่อยู่นอกเวลาในตาราง” เหออวี้มองดูม่อเซี่ยนที่ตอนเดินผ่านโต๊ะเรียนเหลือบดูโทรศัพท์มือถือ พอเห็นข้อความก็ตอบกลับ

“นายพูดถึงทุกคืนหลังสี่ทุ่มงั้นเหรอ” เกาเกอพูด

“ใช่แล้ว” ม่อเซี่ยนพูด

“งั้นเวลาแข่งล่ะ” เกาเกอพูด

“ผมจะปรับเวลาเท่าที่ทำได้” ม่อเซี่ยนพูด

“แล้วถ้าปรับไม่ได้ล่ะ” เกาเกอถาม

“งั้นก็ต้องดูว่าจะปรับเวลาการแข่งขันได้ไหม” ม่อเซี่ยนพูด

“ไอเดียนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ!” เกาเกอพูด

“ก็มีได้แค่สองทางนี่ครับ” ม่อเซี่ยนพูด

“แล้วถ้ายังไม่ได้ล่ะ” เกาเกอถามต่อ

“งั้นผมก็ได้แต่เลือกโดยดูจากความสำคัญของเรื่องราวเท่านั้น” ม่อเซี่ยนพูด

“การแข่งขันสำหรับนายแล้วมีความสำคัญแค่ไหน” เกาเกอถาม

“ศูนย์” ม่อเซี่ยนตอบ

“ฉันพูดจบแล้ว” เกาเกอพูด

“ราตรีสวัสดิ์ครับรุ่นพี่” ม่อเซี่ยนพูดอย่างสุภาพ แถมยังรู้จักเกาเกอด้วย

เหออวี้กับโจวม่อที่มุงดูจากด้านข้างโดยไม่กล้าพูดแทรกแม้แต่ประโยคเดียวตอนนี้ก็เหงื่อแตกพลั่ก ๆ แล้ว ในความเห็นของเกาเกอเรื่องเกมเป็นเรื่องที่ต้องจริงจังร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม แต่ด้านม่อเซี่ยนความสำคัญของการแข่งขันกลับมีศูนย์คะแนนไปเลย

ทั้งสองคนเฝ้าดูข้อความของระบบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าม่อเซี่ยนจะต้องถูกเกาเกอเตะออกทันทีแน่ ๆ  เพราะไม่ว่าอย่างไรสำหรับเกาเกอแล้วท่าทีที่มีต่อเกมก็สำคัญกว่าสกิลเพลย์ในเกมเสมอมา

ทั้งสองคนรออยู่หนึ่งนาทีเต็ม ม่อเซี่ยนไม่ถูกเตะ เกาเกอก็ดูเหมือนว่าจะพูดจบแล้วจริง ๆ ไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาอีก

ด้านม่อเซี่ยน เหออวี้ก็มองดูเขาเก็บของเรียบร้อย เสร็จแล้วก็ขึ้นเตียงนอน

“เล่นกันสักเกมไหม” ม่อเซี่ยนที่นั่งบนเตียงดีแล้วมองมาทางเหออวี้แล้วถามขึ้นมา

เหออวี้รีบคว้าโทรศัพท์มือถือแล้วโดดขึ้นเตียงทันที ตอบม่อเซี่ยนกลับไปอย่างสั้น ๆ แต่ทรงพลังว่า “แบกฉันหน่อย”