ชวนสยองแบบนี้แหละ
ม่อเซี่ยนแค่ผ่านทางมา จากนั้นก็โดนคลื่น7 ที่ขาดคนไปคนหนึ่งลากตัวมาเสริมทัพ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่รู้ว่าม่อเซี่ยนไม่เพียงแค่เล่นได้เท่านั้น แต่ยังแข็งแกร่งมากด้วย นี่คือสิ่งที่ซูเก๋อสังเกตเห็นได้
“นายหมายความว่ายังไง” นักศึกษาหญิงไม่รู้อะไรมากนักจึงถามเอาจากซูเก๋อ
“คนนั้นเป็นนักศึกษาชาย อย่าบอกนะว่าเธอจะยกเว้นให้เขาเข้ามาเป็นสมาชิกทีมของเธอน่ะ” ซูเก๋อพูดด้วยรอยยิ้ม
“เชอะ นายคิดว่ามีแต่พวกนายเหรอที่หาเจอเด็กที่ไม่เลวในหมู่เด็กใหม่ได้น่ะ” นักศึกษาหญิงพูดอย่างกึ่งเหยียดหยามกึ่งภาคภูมิใจ
“อ้อ?” ซูเก๋อรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที สำหรับบรรดายอดฝีมือแล้วเขาให้ความสนใจมาโดยตลอด
“ความลับ” ผลก็คือนักศึกษาหญิงเอาแต่ยิ้มโดยไม่ยอมบอกเขา
“ฉันยังจะไปแย่งคนกับเธองั้นเหรอ” ซูเก๋อส่ายหน้าอย่างจนใจ
“ก็แค่นายเท่านั้นแหละ คนที่ฉันเล็งไว้มีคนไหนบ้างที่ไม่ได้เป็นเป้าหมายยื้อแย่งจากทุก ๆ ทีมน่ะ” นักศึกษาหญิงกล่าว
“อ้อ รวมเกาเกอด้วยไหม” ซูเก๋อว่ายิ้ม ๆ
“อย่าพูดถึงยายนั่นนะ” นักศึกษาหญิงคนนี้ตอนที่เกาเกออยู่ก็ยังยิ้มแย้มได้ แต่พอตอนนี้เกาเกอไม่อยู่ต่อหน้าเธอก็กลับแสดงความไม่พอใจขึ้นมา
นักศึกษาหญิงชื่อว่าเว่ยซินหราน ไม่เพียงเป็นสมาชิกของชมรม The kings เท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนร่วมภาควิชาของซูเก๋อด้วย ทีมฮวาหรงที่เธอจัดตั้งขึ้นมามีสมาชิกเป็นนักศึกษาหญิงล้วน ๆ ยิ่งไปกว่านั้นทุก ๆ คนต่างก็หน้าตาดี เป็นทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดในแวดวง The Kings ของมหาวิทยาลัยตงเจียง แม้แต่ภายนอกสถาบันก็ยังมีชื่อเสียงอยู่บ้าง
ดังนั้นตอนนี้เมื่อเห็นว่าเธอมีตัวเลือกที่ให้ความสำคัญอย่างสูงแล้วซูเก๋อก็พอจะคาดเดาได้คร่าว ๆ แล้วว่าเป็นนักศึกษาใหม่แบบไหนกัน และนักศึกษาใหม่คนนี้จะต้องไม่ได้อยู่ในชมรม The Kings แน่ ๆ เพราะไม่ว่าอย่างไรถ้าเกิดมีนักศึกษาหญิงที่หน้าตาดีแถมยังเล่นดีมาก ๆ มาเช้าร่วมจะต้องกลายเป็นข่าวใหญ่ในชมรมอย่างแน่นอน ปีนี้ไม่ได้มีคนที่เปล่งประกายแบบนั้น
และเกาเกอตอนที่อยู่ปีหนึ่งเพิ่งเข้าร่วมกับชมรม The Kings ก็เป็นคนที่เปล่งประกายแบบนั้นเลย แล้วก็เป็นคนที่เว่ยซินหรานหวังอยากได้มาเข้าทีมฮวาหรงมากที่สุดเลยด้วย แต่สำหรับเกาเกอแล้วทีมที่เลือกเพศก่อนแล้วค่อยดูหน้าตาแบบนี้นั้นไม่ได้เรียกว่าขัดแย้ง แต่เรียกว่ารังเกียจสุด ๆ ต่างหาก ผลลัพธ์จากการที่เว่ยซินดึงตัวเกาเกอเป็นอย่างไรก็คงจะจินตนาการกันได้
เว่ยซินหรานที่ถูกปฏิเสธย่อมไม่มีความรู้สึกที่ดีกับเกาเกอ และทีมฮวาหรงของเธอขาดเกาเกอไปไม่ว่าจะด้านสกิลเพลย์หรือด้านหน้าตาก็ไม่อาจพูดได้ว่าเป็นกลุ่มหญิงสาวที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาวิทยาลัยตงเจียง นี่ทำให้เว่ยซินหรานยิ่งอยากจะบดขยี้เกาเกอมากขึ้นอีก แต่ช่วยไม่ได้จริง ๆ ที่ไม่ว่าทีมคลื่น7 ของเกาเกอจะเล่นได้ย่ำแย่แค่ไหนแต่การแสดงออกของตัวเธอก็ไม่เคยมีปัญหาแม้แต่น้อย ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าเอาการที่คลื่น7 มีผลงานไม่ได้เรื่องมาปฏิเสธความเก่งกาจของเกาเกอ นี่ทำให้เว่ยซินหรานทั้งโกรธทั้งจนใจ จะไปคอยหาเรื่องเกาเกอตลอดเวลาก็ไม่ได้ด้วย ในด้านนี้เว่ยซินหรานได้พูดเหยียดใส่เกาเกอไปหลายรอบแล้ว แต่ไม่ว่าคำพูดที่ออกจากปากจะสวยงามแค่ไหน แต่ว่าในใจจะมากจะน้อยก็ยังกังวลเกี่ยวกับเกาเกออยู่บ้าง
“เป็นแบบนี้นี่เอง…”
ด้านเหออวี้กับโจวม่อที่เดินจากมาแล้วก็จงใจเดินไปกันช้า ๆ ให้โจวม่อได้แนะนำเว่ยซินหรานให้เหออวี้รู้จัก เหออวี้ฟังจบแล้วก็ไม่มีความเห็นอะไรมาก ที่จริงแล้วก็เรื่องเดิม ๆ คือคนพวกนั้นกับเกาเกอเข้ากันไม่ได้ ทุกคนต่างก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
“นอกจากเรื่องที่ไปชื่นชมโจวจิ้นแล้วเนี่ย รุ่นพี่เกาก็เท่จริง ๆ เลย” เหออวี้ประทับใจ
“เรื่องนี้นายยังนับว่าเป็นข้อดีอีกเหรอ” โจวม่อจนใจ
“คงใช่แหละครับ” เหออวี้ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“ยังไงมาพูดเรื่องเพื่อนร่วมห้องคนนั้นของนายกันเถอะ!” โจวม่อเปลี่ยนเรื่องคุย จากนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมา “มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย เป็นเพื่อนร่วมห้องนายแต่นายกลับไม่รู้งั้นเหรอ พวกนายไม่เคยแอดเพื่อนวีแชตกันหรือยังไง”
“ก็ช่วงนี้ผมใช้แอคเคาท์ของพี่ผมฝึกซ้อมมาตลอดเลยนิครับ!” เหออวี้ประท้วง
“ว่าไง ดึงมาได้ไหม” โจวม่อถาม
เหออวี้คิดถึงกิจวัตรของม่อเซี่ยนที่ทุกวันไปเช้ากลับดึกศึกษาหาความรู้ คิดถึงหนังสืออ่านนอกเวลาเขียนโดยนิวตันของเขา คิดถึงฐานะสมาชิกชมรมฟิสิกส์ประยุกต์ของเขา สุดท้ายก็ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ผมว่ายาก“
“ไม่ว่าจะยากแค่ไหนก็ต้องพยายามดึงตัวมานะ” โจวม่อพูด
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว ผมจะลองดูคืนนี้นี่แหละ” เหออวี้พูด
“ไม่ใช่แค่คืนนี้ แต่ต้องพยายามดึงต่อไปด้วย” โจวม่อพูด
“ดึงจนเขาแบนผมเลยไหมครับ” เหออวี้พูด
“ทำไมนายถึงคิดถึงผลลัพธ์ที่ดีหน่อยไม่ได้เลยล่ะ” โจวม่อพูด
“ดึงจนเขาทำเรื่องขอเปลี่ยนเพื่อนร่วมห้อง?” เหออวี้คิดแล้วพูดออกมา
“เอาเป็นว่ายกให้นายจัดการแล้วกัน” โจวม่อกล่าว
“รุ่นพี่ พี่รู้สึกไหมว่าเวลาพี่จะคุยกับเขาแล้วพี่หาเรื่องคุยด้วยไม่ได้เลยอะ” เหออวี้พูด
“ใช่ แต่ยังไงพี่ก็ไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นของเขานี่นา นายอย่างน้อยก็คุยกับเขาเรื่องตารางเรียนได้ บ่นเรื่องอาจารย์ที่เรียกชื่อขึ้นมาวันนี้ คุยเรื่องการบ้านยาก ๆ พวกนี้ไง” โจวม่อพูด
“รุ่นพี่ พี่กับเพื่อนร่วมห้องสนิทกันไหมครับ” จู่ ๆ เหออวี้ก็ถามขึ้นมา
“เอ่อ…ก็พอได้อะ ถามทำไม” โจวม่อพูด
“พอได้…ก็คือค่อนข้างเฉย ๆ ใช่ปะ เขาไม่เล่น The Kings of Glory ใช่ไหม” เหออวี้ถาม
“ใช่”
“แล้วพี่ก็คุยเรื่อง The Kings of Glory กับเขาบ่อย ๆ เลยใช่ไหม” เหออวี้ถามอีก
“ก็นิดหน่อย” โจวม่อพูด
“เข้าใจแล้ว” เหออวี้พูด
“สรุปว่านายอยากจะพูดอะไรกันแน่” โจวม่อพูด
“เพื่อนร่วมห้องของผมท่องตารางเรียนกลับหลังได้ด้วยซ้ำ อาจารย์เรียกชื่อไม่เรียกชื่อเขาก็ไม่แคร์สักนิดเพราะว่าเขาไม่เคยขาดเรียน ส่วนที่ว่าการบ้านยาก ๆ นั่นยิ่งไม่มีอยู่จริง ตรงกันข้าม คำถามที่เขาถามในห้องเรียนมักจะทำให้อาจารย์รู้สึกว่ายากมาก ๆ เรื่องที่อาจารย์ผู้ช่วยหลินโดนคอมโบ้คำถามสามข้อเข้าจนต้องเลิกคลาสก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงยังไม่ได้เล่ากันไปถึงภาคคอมของพวกพี่อีกเหรอครับ” เหออวี้กล่าว
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ” โจวม่อไม่ทราบจริง ๆ
“ชวนสยองแบบนี้แหละ” เหออวี้พูด
“ดูเหมือนว่าจะจัดการยากจริง ๆ นะเนี่ย” โจวม่อขมวดคิ้ว
“แต่ยังไงผมก็จะพยายามดึงตัวมาให้ได้” เหออวี้ประกาศ
“เฮ้อ” โจวม่อถอนหายใจ ที่จริงแล้วอารมณ์จากความคาดหวังกลายเป็นความผิดหวังแบบนี้ในสองปีมานี้เขากับเกาเกอก็สัมผัสจนด้านชาไปหมดแล้ว แต่ว่าเทอมนี้ได้เหออวี้มาเข้าร่วม แถมความเข้าใจที่มีต่อเกาเกอก็เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่น่ายินดี หรือแม้แต่จ้าวจิ้นหรานที่เข้าร่วมมาหลังสุด จากคนที่เคยมาเล่นส่ง ๆ ก็กลายมาเป็นคนที่กระตือรือร้นและตั้งใจเป็นพิเศษ เกมเพิ่งจะจบลงก็มาถามโจวม่อเรื่องปัญหาเกี่ยวกับหลี่หยวนฟางสองข้อทันที
เพื่อนร่วมทีมที่ทำให้ปลื้มปีติพวกนี้ทำให้โจวม่อแทบจะลืมเลือนความรู้สึกผิดหวังพวกนั้นไปหมดแล้ว มาตอนนี้ม่อเซี่ยนทำให้เขามีความคาดหวังอย่างท่วมท้น แต่หลังจากได้ฟังคำวิเคราะห์จากเหออวี้อย่างนั้นแล้ว ความรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้พบเจอมาเป็นเวลานานก็ผุดขึ้นกลางใจ ถอนหายใจครั้งเดียวยังไม่พอ โจวม่อถอนหายใจรัว ๆ อีกหลายครั้ง
“รุ่นพี่โจวม่อคิดมากไปแล้วครับ” ตอนนี้ก็ถึงคราวที่เหออวี้ต้องมาปลอบใจโจวม่อ
“พยายามให้ดีที่สุดก็พอ” โจวม่อตบไหล่เหออวี้
“เข้าใจแล้วครับ” เหออวี้พยักหน้า
คืนนั้นเหออวี้แทบจะนั่งจ้องเข็มนาฬิกา วันนี้มีอยู่หลายครั้งที่เขาอยากจะส่งวีแชตไปถามลองเชิงดูก่อน แต่ว่าหลังจากคิดทบทวนแล้วก็ยังกลัวว่าไปรบกวนการเรียนของม่อเซี่ยนแบบนั้นจะเป็นความผิดไม่อาจอภัยเสียเปล่า ยังไงก็รอให้เขาเรียนวันนี้ให้เสร็จกลับห้องมาพักผ่อน อาจจะเป็นตอนที่เล่น The Kings of Glory นั่นแหละค่อยพูดน่าจะดีกว่า
ปัง
เสียงประตูขยับ เหออวี้รู้สึกว่าเหมือนจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นดังโครมคราม เขาหันศีรษะกลับไปมองที่ประตู เห็นม่อเซี่ยนถือกระเป๋าหนังสือผลักประตูเปิดเข้ามา ไม่ต่างอะไรกับวันอื่น ๆ
“กลับมาแล้วเหรอ” เหออวี้ใช้คำทักทายตามปกติ
“อืม” ม่อเซี่ยนก็ตอบมาตามปกติ จากนั้นก็กลับไปที่ตำแหน่งของเขา เริ่มเอาหนังสือจากในกระเป๋าออกมาจัดเรียง
เหออวี้มองจากด้านข้างรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะรบกวนอะไรได้ สุดท้ายก็เลยเริ่มเปิดก่อน “ไม่คิดเลยว่านายจะเล่น The Kings ได้ดีขนาดนี้”
“ก็ยังดี” คำตอบของม่อเซี่ยนเหมือนกับเมื่อเช้าตอนที่เหออวี้กล่าวชื่นชมเขาเลย
“อยากมาร่วมทีมพวกเราเล่นด้วยกันไหม” เหออวี้พยายามหนักมากที่จะพูดประโยคนี้ออกมาอย่างสบาย ๆ ขำ ๆ อย่างนี้เวลาที่ถูกปฏิเสธบรรยากาศจะได้ไม่กระอักกระอ่วนจนเกินไป เพื่อให้มีหนทางกลับตัวได้บ้าง ล้อเล่นน่า! เหออวี้คิดแบบนี้
“โอเค” ม่อเซี่ยนทางหนึ่งก็เก็บหนังสือสองเล่มเข้าชั้น อีกทางหนึ่งก็พูดออกมา
………………………………………………………………………
น้องใจง่ายมาก นี่มันหนุ่มซึนในตำนานรึเปล่าเนี่ย