ระฆังแห่งปราสาทน้ำแข็ง

โจวเหวินโดนหญิงสาวสวมชุดขาวเหมือนหิมะอุ้ม คลื่นความเย็นจากตัวของเธอนั้นแพร่กระจายลงมาถึงตัวของเขาอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับว่าโจวเหวินโดนขังอยู่ในคุกน้ำแข็งยังไงอย่างงั้น

แต่โชคยังดีที่แมวหิมะเองนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติเขตหนาวอยู่แล้ว ทำให้มันมีความทนทานต่อความเย็นได้ดี ไม่งั้นโจวเหวินเองก็คงต้องทนโดนเยือกแข็งจากตัวของเธอไปแล้ว

สาวหิมะคนนั้นบินข้ามท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมอกควันอย่างรวดเร็วจนขึ้นมาถึงยอดเขา

โจวเหวินมองไปรอบๆแล้วพบว่า ทุกๆอย่างที่เขาเห็นด้านล่างนั้นต่างจากชั้นบนอย่างเห็นได้ชัดเมฆหมอกควันที่ปิดบังวิสัยทัศน์ของท้องฟ้าในชั้นล่างนั้น กลับโปร่งใสเมื่อขึ้นมาอยู่ด้านบน ทำให้สามารถมองเห็นได้ทุกอย่างจากชั้นบน

โจวเหวินเองก็รู้สึกโล่งอกที่ตัวเองไม่เผลอทำอะไรแผลงหรือใช้พลังอะไรอื่นๆที่นอกเหนือจากพลังของแมวหิมะ ไม่งั้นคงโดนสงสัยแล้วโดนจับได้ไปแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นโจวเหวินก็ยังคงกังวลนิดหน่อยในใจ เขาไม่รู้ว่าแมวหิมะที่เขาแปลงร่างนั้นมันเนียนพอที่จะตบตาสาวหิมะได้มากน้อยแค่ไหน แต่ดูจากท่าทีของเธอแล้ว ตัวเธอเองต้องเป็นอย่างน้อยระดับความกลัวแน่นอน

โชคยังดีที่สาวหิมะนั้นดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตอะไรโจวเหวินเลย หลังจากที่ขึ้นไปบนยอดเขาแล้ว นางก็เดินตรงไปยังอาคารพร้อมโจวเหวินที่ยังโดนอุ้มอยู่ด้วย ในตอนนั้นเองที่โจวเหวินได้สังเกตว่าด้านบนของภูเขานั้นคือปราสาทน้ำแข็งที่ถูกแกะสลักขึ้นจากน้ำแข็ง สาวหิมะเดินเข้าปราสาทไปโดยมีบาซิลิสก์(ปีศาจหางงู) ตามมาด้วย

“มันเป็นแค่แมวหิมะกากๆเองนะ จะเอามันกลับมาด้วยทำไมละเนี่ย โยนมันกลับลงไปในพายุสายฟ้ามิติก็ได้นี้”บาซิลิสก์พูด

“เจ้าไม่ต้องมายุ่งเรื่องของข้าซักอย่างนึงจะได้ไหม”สาวหิมะพูดแล้วเดินขึ้นบันไดไป ก่อนจะเข้าไปในห้องที่อยู่บนยอดสุดของปราสาทน้ำแข็ง

ห้องนั้นเป็นห้องเปล่าๆ มีโลงศพคริสตอลวางไว้ด้านใน

สาวหิมะเดินตรงมาที่โลงศพ โลงศพนั้นเปิดออกอัตโนมัติ หลังจากที่เธอนอนลงไปในโลงศพนั้นแล้วอุ้มโจวเหวินไว้ โลงศพก็ปิดลงอัตโนมัติ

โจวเหวินหลังจากนั้นเขาก็พบว่า สาวหิมะนั้น หลับในโลงนั้นจริง เธอดูเหมือนมนุษย์มาก แต่ร่างกายของเธอนั้นเย็นกว่าน้ำแข็งซะอีก

“นี้เธอหลับแบบนี้มาโดยตลอดเวลาเหรอ”โจวเหวินหลุดออกมาจากมือของสาวหิมะ ก่อนจะปีนขึ้นมายังที่ว่างๆของโลงศพ หันกลับไปมองสาวหิมะแล้วพบว่าผิวหนังของเธอนั้นเริ่มกลายเป็นหิน เหมือนกับว่าเธอเป็นหินแบบนี้มานานมากแล้ว ถ้าโจวเหวินแค่ผ่านมาเห็นละก็ เขาคงคิดว่าเธอเป็นแค่รูปปั้นหินที่ไม่มีขีวิตเท่านั้น

โจวเหวินมองออกไปผ่านโลงศพ เขาเห็นภายในห้องทั้งหมด แต่โจวเหวินไม่เห็นอะไรเกินไปกว่าปราสาทน้ำแข็ง ถึงมันจะทำมาจากน้ำแข็งโปร่งใสก็ตาม

แต่เพราะว่ามีสาวหิมะอยู่ระยะเผาขนกับเขาทำให้โจวเหวินไม่กล้าเรียกสดับวานรออกมาฟัง

ถ้าสาวหิมะจับได้ว่าจู่ๆแมวหิมะมีต่างหูขึ้นมาละก็ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าแมวหิมะนั้นไม่ใช่แมวหิมะปรกติแน่ๆ

“ดูเหมือนกับว่าจะมีปัญหากับการเคลื่อนย้ายมิติจริงๆซินะ ที่นี่ดูไม่เหมือนสถานที่ที่แท่นทองแดงจะพาเคลื่อนย้ายมาเลย ฉันต้องกลับไปให้เร็วที่สุดที่ทำได้แล้ว”โจวเหวินมองดูสาวหิมะที่กำลังหลับใหล “นี้เธอกำลังหลับอยู่จริงปะเนี่ย ถ้าหลับอยู่แล้วไม่ได้อยู่ในร่างความกลัวแบบนี้ ถ้าฉันโจมตีตอนนี้บางทีมันอาจจะได้ผลก็ได้”

โจวเหวินคิดแบบนั้นได้แค่แวบเดียว เขาไม่กล้าที่จะที่จะทำอะไรบุ่มบ่าม สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะรอต่ออีกหน่อย มันยังเหลือเวลาอีกตั้ง30ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเวลามากขนาดนั้นก็ได้

พื้นที่ภายในโลงนั้นไม่ได้ใหญ่มากนัก โจวเหวินไม่ค่อยมีพื้นที่สำหรับทำอะไรซักเท่าไร เพราะงั้นเขาจึงนอนลงไปแล้วพักผ่อนก่อน รอจังหวะและโอกาสมาถึง

เวลาผ่านไป เป็นวินาที เป็นนาที เป็นหลายชั่วโมง แต่สาวหิมะก็ยังคงหลับอยู่ ไม่มีท่าทีว่าจะตื่น แถมไม่แม้แต่จะหายใจด้วย ทำให้โจวเหวินสงสัยมากๆหรือว่าแท้จริงแล้วคนๆนี้จะเป็นรูปปั้นน้ำแข็งจริงๆ

แต่ในเมื่อมันไม่มีทางเลือกอื่นโจวเหวินเลยทำได้แค่รออย่างใดเย็น แต่หลังจากรอมาได้ซักพักเขาก็ได้ยินเสียง ก๊อง ก๊อง เสียงเหมือนนาฬิกาโบราณบอกเวลา แต่มันต่างกันตรงที่เสียงนั้นมันแหลมกว่า

โจวเหวินได้ยินเสียงนั้น12ครั้ง จากนั้นสาวหิมะก็ลืมตาตื่นขึ้นก่อนจะกอดโจวเหวินแล้วลุกออกจากโลงคริสตอล

โจวเหวินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้าสาวหิมะคนนี้นอนหลับจำศีลต่อไปอีกละก็เขาคงมีปัญหาแน่ๆ เขาคงได้แหกโลงออกมาแหงๆเลย แต่โชคยังดีที่โจวเหวินไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นแถมยังเหลือเวลาอีกเยอะเลยด้วย

สาวหิมะกอดโจวเหวินแล้วอุ้มลงชั้นล่าง พอมาถึงโถง เธอก็เห็นบาซิลิสก์กำลังยืนรออยู่ที่โถงนั้นแล้ว

ในตอนนั้นโจวเหวินตะลึงเล็กน้อย เพราะที่ด้านหลังของโถงนั้น บนกำแพงโถง มีระฆังอยู่ ขนาดของมันประมาณฝ่ามือและรูปร่างหน้าตาของมันก็ดันไปคล้ายกับที่จักรพรรดินีเล่าไว้เป๊ะเลย

“แปลกแหะ ไม่ใช่ว่าฉันโดนส่งมาผิดที่หรอกเหรอ หรือว่าที่นี้จะเป็นหอคอยเดียวกับที่จักรพรรดินีพูดถึงกัน”โจวเหวินคิดซักพักแล้วกีเริ่มรู้สึกแปลกๆ “ถ้าหอคอยที่จักรพรรดินีพูดถึงนั้นคือภูเขา นางก็น่าจะพูดตรงๆได้นี้ว่ามันเป็นภูเขาไม่เห็นต้องพูดอ้อมเลย อีกอย่างนางบอกว่าระฆังที่ว่าจะอยู่บนจุดยอดสุดของหอคอย นางไม่ได้บอกเลยว่ามันอยู่บนปราสาทน้ำแข็งแบบนี้”

แต่ถึงอย่างนั้นโจวเหวินก็ยังมองดูระฆังนั้นดีๆแล้วก็ค่อนข้างมั่นใจ ว่าระฆังนี้มันเหมือนกับที่จักรพรรดินีพูดถึงงเป๊ะๆ มันแทบไม่ต่างอะไรจากที่นางเล่าเลย

“เกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย หรือว่าฉันวาปมาถูกที่แล้วจริงๆ แล้วนั้นคือระฆังที่ว่าเหรอ”โจวเหวินสับสนเล็กน้อย

“เจ้าก็น่าจะรู้นะ ว่าการบังคับสัตว์ที่มาจากบ่อมิติขึ้นมาอาศัยที่นี้น่ะมันทำไม่ได้”บาซิลิสก์พูดแล้วมองโจวเหวินที่อยู่ในอ้อมแขนของสาวหิมะ

“ข้าเองก็บอกไปแล้วใช่เหรอ ว่าข้าไม่ต้องการให้ใครมาสอดเสือกเรื่องของข้าน่ะ”สาวหิมะมองแรงกลับ ก่อนจะวางโจวเหวินลงบนพื้นแล้วเดินไปที่ระฆัง ตอนที่เธอเดินไปที่ระฆังนั้นพลังไอเย็นของเธอก็ปะทุออกมาแรงมากจนตัวของเธอนั้นกลายเป็นเหมือนรูปปั้นน้ำแข็ง

“นั้นมัน ร่างความกลัวเหรอ”โจวเหวินจำพลังแบบนี้ได้

สาวหิมะเดินตรงเข้าไปหาระฆังก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบระฆังมาแล้ววเขย่า

ตริ้ง!!!

โจวเหวินพบว่าเสียงระฆังที่โจวเหวินได้ยินก่อนหน้านี้ ไม่ได้มาจากระฆังอันนี้เสียงของมันต่างจากเสียงตะกี้มากๆ

เสียงของระฆังนี้นั้น โจวเหวินรู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่ระเบิดออกมาเป็นคลื่นทำให้ทั้งปราสาทสั่นไหว

หลังจากที่สั่นระฆังเสร็จ สาวหิมะก็วางระฆังกลับเข้าที่เดิม ก่อนที่ร่างของเธอจะถอนออกจากร่างความกลัว โจวเหวินไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ดูจากสีหน้าของสาวหิมะดูเธอจะเหนื่อยๆ

“ขอบใจเจ้ามากนะ”บาซิลิสก์พูดแล้วยิ้ม

สาวหิมะเมิน ก่อนจะอุ้มโจวเหวินเดินออกจากโถงไป

โจวเหวินตอนแรกว่าจะหาโอกาสหนีแต่พอเห็นว่าระฆังอยู่ที่นี้เขาเลยลังเล เขาเริ่มคิดแล้วว่าบางทีเขาเองก็น่าจะขโมยระฆังจากที่นี่ได้

จากนั้น สาวหิมะก็เดินกลับไปที่โลงคริสตอลของเธอพร้อมๆกับโจวเหวิน ก่อนที่เธอจะนอนหลับอีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เธอคนนี้เป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติไม่ใช่เหรอ แค่สั่นระฆังแล้วต้องไปนอนเลยเหรอ ไม่กินอะไรซักนิดเลยเหรอ”โจวเหวินเองก็รู้สึกหิวขึ้นมานิดหน่อยแล้ว ตั้งแต่ที่เขามานี้เขายังไม่ได้กินอะไรเลย

แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถเอาอะไรออกมาจากห้วงมิติได้ ไม่งั้นเขาอาจจะเสี่ยงโดนจับได้

ทันใดนั้นเอง โจวเหวินก็เริ่มคิดขึ้นมา “เดี๋ยวนะ ชิบหายละ หรือว่าเธอคนนี้คิดจะเลี้ยงขุนฉันให้อ้วนแล้วกินงั้นเหรอ”