ริมฝีปากลาไม่เข้ากับปากม้า

 

ซูเก๋อเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่นักศึกษามหาวิทยาลัยตงเจียง โดยเฉพาะในแวดวง The Kings ว่ากันว่าตอนอยู่ปีสองได้รับคำเชิญจากทีมอาชีพให้เข้าร่วมทดสอบด้วย เพียงแต่ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นอย่างไรกลับมีหลากหลายความเห็น แต่ว่าแค่สามารถเข้าไปอยู่ในสายตาของทีมอาชีพได้นิดหน่อยก็เรียกได้ว่าเป็นผู้มากความสามารถอันเป็นที่อิจฉาของผู้เล่นนับพันนับหมื่นได้แล้ว

ในมหาวิทยาลัยตงเจียง มีนักศึกษาจำนวนมากที่ภาคภูมิใจที่ได้รู้จักกับซูเก๋อ ผู้เล่น The Kings of Glory ก็ยิ่งเป็นกันหนัก และตอนนี้ ตัวละครที่เหมือนกับเป็นราชามารกลับเดินเข้ามากล่าวทักทายเด็กใหม่สองคนอย่างเหออวี้กับม่อเซี่ยนถึงโต๊ะด้วยตัวเอง

“สวัสดีครับ” ม่อเซี่ยนส่งเสียงออกไปอย่างสงบนิ่ง เหออวี้ก็พยักหน้าทักทายซูเก๋อ

“วันหยุดตื่นเช้าขนาดนี้จะทำอะไรกันเหรอ” ซูเก๋อทักทายเหมือนคนเคยคุยกันประจำ

“ทำการบ้าน…” เหออวี้พูดอย่างสบาย ๆ พูดจบแล้วก็เสียใจทันที เมื่อเทียบกับคำตอบที่ว่า “ติวหนังสือ” ของม่อเซี่ยนแล้ว คำตอบของเขาเหมือนกับเป็นนักเรียนประถมเลย

“คลาสของภาควิชาฟิสิกส์เข้มข้นขนาดนี้เลยเหรอ” ซูเก๋อพูดขึ้นมา

“ตัวเองวางแผนเอง” ม่อเซี่ยนพูด

“ดองจนจะเดดไลน์แล้ว…” เหออวี้พูด การบ้านที่เขาต้องทำสั่งมาตั้งแต่วันพุธ แต่ว่าเนื่องจากยังไม่ถึงกำหนดก็เลยยังไม่ได้ทำจนถึงตอนนี้ เมื่อเทียบกับคำตอบของม่อเซี่ยน เหออวี้ก็แพ้อีกแล้ว

“งั้นก็ไม่เสียเวลาของทั้งสองคนแล้ว ฉันแค่อยากพูดว่า : ไม่คิดที่จะเข้าร่วมชมรม The Kings of Glory ของพวกเราบ้างเหรอ” ซูเก๋อพูด

“คำถามข้อนี้เหมือนว่าคุณจะเคยถามมาแล้วนะครับ” ม่อเซี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย

“แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดเลยนี่นา” ซูเก๋อกล่าว

“อ้อ ผมปฏิเสธ ขอบคุณ” ม่อเซี่ยนพูด

“เหตุผลล่ะ มหาวิทยาลัยเราไม่ได้ห้ามไม่ให้นักศึกษาเข้าร่วมชมรมมากกว่าสองชมรมสักหน่อย” ซูเก๋อกล่าวต่อ

“ไม่มีเวลากับพลังงานมากกว่านี้แล้ว” ม่อเซี่ยนพูด

“เรื่องแบบเวลาเนี่ย ถ้าบีบเข้าก็มีเสมอแหละ” ซูเก๋อยิ้ม

ม่อเซี่ยนส่ายศีรษะ “ผมบีบเอาชั่วโมงที่ 25 ออกมาไม่ได้”

“เวลานิด ๆ หน่อย ๆ มีครึ่งชั่วโมงก็เล่นจบได้เกมหนึ่งแล้ว” ซูเก๋อกล่าว

“เวลาครึ่งชั่วโมงนี้ยกให้…” ม่อเซี่ยนพูดได้แค่ครึ่งหนึ่งก็ลังเลขึ้นมาอย่างหาได้ยาก หันศีรษะไปมองเหออวี้ “คลื่น7 ใช่ไหม”

“ใช่แล้ว คลื่น7 คลื่นจากเกลียวคลื่น 7 จาก 1234567” เหออวี้รีบพูด

“ก็แบบนี้แหละครับ” ม่อเซี่ยนหันไปผงกศีรษะให้ซูเก๋อ

“นายเข้าร่วมกับคลื่น7 แล้ว?” ซูเก๋อที่นิ่งเฉยมาตลอดแสดงสีหน้าแปลกประหลาดออกมา ก็เหมือนกับพวกเหออวี้ โจวม่อ และคนอื่น ๆ ที่เคยพบปะกับม่อเซี่ยนมาก่อน แค่คุยกันครู่เดียวก็ทำให้ทุกคนตระหนักแล้วว่าม่อเซี่ยนไม่ใช่คนที่จะคบหาด้วยได้ง่าย ๆ

ดังนั้นซูเก๋อจึงไม่ได้เริ่มตามตื้อโดยทันที คนที่พูดด้วยได้ยากแบบนี้ไม่ว่าใครจะมาพูดด้วยก็เหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงเตรียมที่จะดำเนินงานระยะยาว วางแผนที่จะติดต่อสื่อสารและทำความเข้าใจให้มากกว่านี้ก่อน ค่อย ๆ ชักจูงม่อเซี่ยนให้มาเข้าชมรม The Kings of Glory เพื่อการนี้เขาทำแม้แต่การไปสืบข่าวเรื่องสมาคมฟิสิกส์ประยุกต์อะไรนั่นก่อนหน้านี้มาด้วย จึงเข้าใจว่านี่แทบจะเป็นชมรมที่เหลือแต่ชื่ออยู่แล้ว ถ้าเกิดว่าเทอมนี้ไม่มีม่อเซี่ยนมาเข้าร่วมก็คงจะถูกยุบไปแล้วเพราะว่าจำนวนสมาชิกในชมรมน้อยกว่าที่กำหนดเอาไว้

และจำนวนสมาชิกในชมรมที่ในมหาวิทยาลัยตงเจียงกำหนดจุดต่ำสุดเอาไว้ก็มีแค่เพียงสามคนเท่านั้น พูดอีกอย่างก็คือสมาคมฟิสิกส์ประยุกต์ในขณะนี้เมื่อรวมม่อเซี่ยนแล้วก็มีสมาชิกแค่สามคน

ดังนั้นซูเก๋อจึงไม่เคยคิดเรื่องปัญหาความขัดแย้งในด้านการทำกิจกรรมชมรมเลย แต่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าม่อเซี่ยนกลับไปเข้าร่วมกับคลื่น7 รวดเร็วถึงขนาดนี้

จากที่เขาชมดูอยู่ด้านข้างเมื่อวานนี้ ม่อเซี่ยนกับเหออวี้เป็นเพื่อนร่วมห้องกันจริงแท้แน่นอน แต่ว่าเหออวี้กลับไม่รู้สักนิดว่าเพื่อนร่วมห้องคนนี้ก็สามารถเล่น The Kings of Glory ได้เหมือนกัน ความสัมพันธ์ของสองคนนี้เกรงว่าจะไม่สนิทกันเลย ดังนั้นสำหรับเรื่องที่ศาลาริมน้ำย่อมได้รับแสงจันทร์ก่อนนี้ซูเก๋อก็ไม่ได้กังวล เขาคิดว่าม่อเซี่ยนจะยืนหยัดในจุดยืนของตัวเอง แม้แต่เพื่อนร่วมห้องก็ไม่สามารถทำให้หวั่นไหวได้

ผลลัพธ์กลับตรงกันข้ามจากที่เขาคิดไว้ ในเวลาเพียงแค่วันเดียว ม่อเซี่ยนก็กลายมาเป็นสมาชิกของคลื่น7 แล้วจริง ๆ แทบจะเรียกได้ว่าในขณะที่คนเขาวิ่งไปถึงเส้นชัยแล้ว แต่เขาก็ยังอบอุ่นร่างกายอยู่ที่จุดสตาร์ทอยู่เลย ตามหลังอยู่ไกลถึงขนาดนี้

“เข้าร่วมทีม…ก็ไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับการเข้าร่วมชมรมนะ” ซูเก๋อเปิดปากพูดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากเงียบงันไปพักหนึ่ง เรื่องมาถึงจุดนี้จะไปกังวลกับเรื่องราวในอดีตก็ไร้ความหมาย โชคดีที่การเข้าร่วมทีมมันไม่ได้เป็นสัญญาที่ผูกพันธ์ตามกฎหมายหรือหนังสือชี้เป็นชี้ตายอะไร ถ้าความเห็นไม่ลงรอยก็ออกจากทีมได้ เรื่องแบบนี้ทีมคลื่น7 ผ่านประสบการณ์มามากที่สุดแล้ว ดังนั้นเมื่อคิดดูดี ๆ แล้วการเข้าร่วมกับคลื่น7 ก็ไม่นับเป็นอะไรได้ แต่ว่ากลับแสดงให้เห็นว่าม่อเซี่ยนไม่ได้รู้สึกต่อต้านที่จะเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ งั้นก็แค่หาวิธีดึงตัวเขาจากคลื่น7 มาทางด้านนี้ก็พอแล้ว

ซูเก๋อปรับเปลี่ยนแนวความคิด ส่วนม่อเซี่ยนนั้นหลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเขาแล้วก็ส่ายหน้ากล่าวว่า “แม้ทีมจะไม่ใช่ชมรม แต่ว่าที่จริงแล้วก็มีหน้าที่เหมือน ๆ กับชมรมนะครับ”

“นั่นก็จริงอยู่ แต่ว่าสมาชิกชมรม The Kings ของเรามันมีหลายอย่างมากมายกว่าทีมทีมหนึ่งเยอะ มีการแลกเปลี่ยนกันที่กว้างขวางกว่า” ซูเก๋อกล่าว

“แลกเปลี่ยน? หมายความถึงการเล่นเกมด้วยกันรึเปล่าครับ” ม่อเซี่ยนพูด

“การแลกเปลี่ยนในชมรม The Kings ก็ย่อมหมายถึงการเล่นเกมด้วยกันอยู่แล้วสิ เพื่อให้ได้รู้จักเพื่อน ๆ ที่มีความคิดเหมือนกันให้มากขึ้น” ซูเก๋อกล่าวพร้อมรอยยิ้ม การพูดชักจูง แนะนำชมรม The Kings แบบนี้เขาย่อมต้องคุ้นเคยกว่าใคร แต่ว่าคราวนี้พูดไปได้แค่ครึ่งทางเขากลับพูดต่อไม่ค่อยออกแล้ว

ม่อเซี่ยนดูยังไงก็ไม่เหมือนกับคนที่ชอบคบหาสมาคมกับใคร เขาถามคำถามข้อนี้ออกมาเห็นได้ชัดว่ารู้สึกว่าจะมารวมตัวกันเล่น The Kings หรือว่าออนไปเล่น The Kings ในทีมสุ่ม ๆ ก็ไม่แตกต่างกัน ดังนั้นฟังก์ชั่นและข้อได้เปรียบจากการจัดการของชมรมในสายตาของม่อเซี่ยนแล้วจึงไม่มีอยู่จริง จะเอาเรื่องนี้ไปโน้มน้าวเขาเรียกได้ว่าเป็นริมฝีปากลาไม่เข้ากับปากม้าแล้ว

คำพูดของซูเก๋อพูดไปได้ครึ่งทางม่อเซี่ยนก็ยังโนคอมเม้นต์ ซูเก๋อจนใจอยู่บ้าง หันหน้าไปมองเหออวี้กล่าวว่า “งั้นนายล่ะ”

“ผม? ผมก็มีส่วนด้วยเหรอครับ” เหออวี้ประหลาดใจ เจตนาที่ซูเก๋อเข้ามาหาเขาก็คาดเดาได้อย่างง่ายดาย จะบอกว่าไม่กังวลสักนิดก็เป็นการโกหกแล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถขัดขวางได้เหมือนกัน โชคดีที่ม่อเซี่ยนโดนซูเก๋อดึงตัวไปอย่างนี้ก็ยังไม่สนใจสักนิด ทุก ๆ คำตอบต่างก็ทำให้เหออวี้ร้องในใจว่าเยี่ยม แต่ไม่คิดเลยว่าตอนนี้ซูเก๋ออยู่ดี ๆ ก็เบนปากกระบอกปืนหันมาถามเขาเสียแล้ว

“ถึงแม้ว่านายจะเป็นมือใหม่แต่ดูก็รู้แล้วว่ามีความตระหนักรู้ดีมาก แล้วก็มีแพสชั่นกับ The Kings of Glory ด้วย ชมรมของเราก็ย่อมต้องยินดีต้อนรับมาก” ซูเก๋อพูด

“แต่ดูเหมือนว่าผมก็ไม่มีความจำเป็นอะไรให้ต้องเข้าร่วมนะครับ” เหออวี้กล่าว

“ยังเป็นคำพูดเดิม มีทีมแล้วก็ไม่ได้ขัดแย้งกับการเข้าชมรมสักนิดเดียว ประตูใหญ่ของชมรมเปิดกว้างต้อนรับทุก ๆ คน ทุก ๆ เวลา แน่นอนว่ามีข้อแม้ว่าต้องเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยตงเจียง” ซูเก๋อกล่าว

“แต่ว่าจัดเวลาไม่ได้จริง ๆ งานค่อนข้างเต็มมือแล้วน่ะครับ ใช่ปะม่อเซี่ยน” เหออวี้พูด

“ฉันใช่ ส่วนนายฉันไม่รู้ด้วย” ม่อเซี่ยนเหลือบมองเหออวี้แวบหนึ่งแล้วกล่าวออกมา

“ฉันก็ด้วย!” เหออวี้เน้นเสียงหนัก

“อ้อ” ม่อเซี่ยนตอบมาคำเดียวแล้วหันหน้ากลับไปกินโจ๊กต่อ

“ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่รบกวนพวกนายสองคนแล้ว” ซูเก๋อกล่าวพลางหยิบจานอาหารลุกขึ้นยืน “หวังว่าจะมีวันที่ทั้งสองคนเปลี่ยนใจนะ ถ้าเล่นกับคลื่น7 แล้วไม่แฮปปี้ก็มาหาฉันได้ตลอด”

“จะมีอะไรไม่แฮปปี้ได้ล่ะครับ หาจุดร่วมรักษาความต่างสิ” ม่อเซี่ยนกล่าว

“พูดได้ถูกมาก!” เหออวี้ทึ่ง ท่าทีของม่อเซี่ยนถึงจะเป็นแค่เรื่องสมมติแต่ก็เหมือนกับตอนที่เหออวี้มีความเห็นที่แตกต่างกับเกาเกอเล็กน้อยในครั้งแรกเลย ถึงแม้ว่าความเห็นต่างของเขากับเกาเกอมันค่อนข้างเป็นเรื่องเด็ก ๆ เป็นแค่เรื่องที่เกาเกอชื่นชมนักเล่นเกมอาชีพที่เขาไม่ชื่นชมเป็นพิเศษก็แค่นั้น แต่จากจุดนี้ก็แสดงให้เห็นได้แล้วว่าทั้งสองคนมีท่าทีในการจัดการกับเรื่องราวอย่างไร

และตอนนี้ม่อเซี่ยนก็ได้แสดงท่าทีเช่นเดียวกันออกมา นี่ทำให้เหออวี้สามารถยืนยันกับเกาเกอและพวกด้วยความมั่นใจเต็มที่ได้ทันทีแล้ว

สมาชิกทีมคนใหม่ของคลื่น7 อยู่แน่!

……………………………………………………

ถึงน้องม่อจะใจง่ายกับน้องเหอแต่ก็ไม่ได้ง่ายกับทุกคนนะคะ 555