ม่อเซี่ยนพูด

 

เช้าตรู่ของวันหยุดสุดสัปดาห์ นกตื่นเช้ากว่าบรรดานักศึกษามาก พอแสงอรุณเริ่มสาดส่องก็หากันส่งเสียงร้องจิ๊บ ๆ อยู่ในดงไม้

มหาวิทยาลัยตงเจียงมีพื้นที่สีเขียวอุดมสมบูรณ์ ดงไม้เล็ก ๆ พวกนั้นมีอยู่ทั่วไป ข้างหอพักนักศึกษาหญิงหมายเลข 8 ก็มีอยู่ดงหนึ่ง ในเวลานี้ของทุก ๆ เช้า นักศึกษาที่อยู่ตั้งแต่ชั้นที่สามลงมาแทบจะทุกคนก็จะถูกเสียงนาฬิกาปลุกตามธรรมชาตินี้ปลุกให้ตื่นขึ้นมา พวกห้องนอนบนชั้นสองที่เผชิญกับยอดไม้ตรง ๆ ยิ่งน่าเวทนาเป็นพิเศษ พวกนกบางครั้งถึงขนาดโผมาเกาะที่ขอบหน้าต่าง แล้วนกหัวขวานก็มาเคาะกระจกหน้าต่างดังก๊อก ๆ

“รำคาญจะตายอยู่แล้ว!”

เสียงบ่นแบบนี้จะดังเป็นพิเศษเมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ทุก ๆ ครั้ง วันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น ในห้อง 224 หลี่ชิวเหวินยกหมอนขึ้นมาปิดศีรษะ แต่ก็ยังไม่อาจสกัดกั้นเสียงปิศาจไม่ให้มาเข้าหูได้ ดังนั้นหลังจากร้องคำรามออกมาทีหนึ่งก็โยนหมอนทิ้ง เตะผ้าห่มออกไป จากนั้นเธอก็เห็นเกาเกอที่อยู่ห้องนอนเดียวกันนอนคว่ำอยู่บนเตียงถือโทรศัพท์มือถือในมือ ยิ้มกว้างอย่างยินดี

“เช้าขนาดนี้มีเรื่องอะไรให้ดีใจเหรอ” หลี่ชิวเหวินถามด้วยผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง

“ไม่มีอะไร” เกาเกอพูดพร้อมกระโดดลงจากเตียง เดินไปที่หน้าต่างแล้วเปิดกระจกหน้าต่างขึ้น เสียงนกร้องหนวกหูข้างนอกดังเข้ามาในห้องหนักกว่าเดิมทันที

“ฉันอยากจะบ้าตายจริง ๆ!” หลี่ชิวเหวินเกาศีรษะเหมือนคนบ้า สุดท้ายก็ก้าวลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไร้ชีวิตชีวา

ผ่านไปสักพักหลี่ชิวเหวินก็เดินออกมาพร้อมกับคาบแปรงสีฟันไว้ในปาก มองเห็นว่าเกาเกอยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มีแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่อง บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่ง ทั้งทั้งตัวเหมือนกับจะเปล่งแสงออกมาได้

“เธอต้องมีเรื่องอะไรแน่ ๆ” หลี่ชิวเหวินเดินมาหา ทางหนึ่งก็แปรงฟัน อีกทางหนึ่งก็พูดเสียงอู้อี้กับเกาเกอ

“ห้าคน” เกาเกอหันหน้ากลับมาพูดกับหลี่ชิวเหวิน

“อะไรห้าคน” หลี่ชิวเหวินไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง

“ทีม มีห้าคนแล้ว” เกาเกอพูด

“เฮ้…” หลี่ชิวเหวินไม่เห็นด้วย พูดต่อไปด้วยปากที่เต็มไปด้วยฟอง “ฉันก็นึกว่าอะไร เธอมีตอนไหนมั่งที่ไม่ได้มีห้าคนน่ะ จะไปถึงไฟนอลได้เหรอ”

“คราวนี้ก็ไม่แน่” เกาเกอกล่าว

“เอ๋?” หลี่ชิวเหวินเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเกาเกอ เป็นเพื่อนร่วมห้องบวกเพื่อนสนิทกันมาสองปี ถึงไม่ได้เล่น The Kings of Glory แต่ว่ากับเรื่องของเกาเกอก็รู้ไม่น้อยไปกว่าใครทั้งนั้น เธอทราบชัดถึงความลำบากของเกาเกอในแวดวง The Kings ของสถาบัน รู้ว่าทุกครั้งกว่าจะหาคนได้ครบเธอต้องเหนื่อยยากแค่ไหน แล้วพอถึงตอนจบก็ไม่เคยได้อะไรดี ๆ กลับมาเลย สาวงามที่เปล่งประกายเจิดจ้าขนาดนี้จนถึงตอนนี้กลับไม่มีคนมาตามจีบ สามารถจินตนาการได้เลยว่าเกาเกอในสายตาของทุกคนมีภาพลักษณ์เป็นแบบไหนกันแน่

เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง หลี่ชิวเหวินไม่รู้ เจ้าเกมมือถือที่มีคนตัวเล็ก ๆ ใส่ชุดประหลาด ๆ วิ่งไปทั่วนั่นมีความหมายอะไรเธอก็ไม่เคยเข้าใจมาโดยตลอด แต่เธอรู้ว่าเกาเกอมีความรักอันแท้จริงให้กับเกมเกมนี้ มีเพียงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเกมนี้ถึงสามารถทำให้ใบหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้มที่ทำให้คนหัวใจสั่นไหวเช่นนี้ออกมาได้ หลี่ชิวเหมินที่เป็นนักศึกษาหญิงเหมือนกันยังเหม่อมองจนลืมแปรงฟันต่อ

“เธอมองอะไร” เกาเกอพูด

“แต่งงานกับฉันเถอะ!” หลี่ชิวเหวินก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พูดอย่างจริงจังอย่างที่สุด

“ยาสีฟันกระเด็นออกมาหมดแล้ว” เกาเกอทำสีหน้ารังเกียจ ดันศีรษะของหลี่ชิวเหวินที่ยื่นเข้ามาออกไปไกล ๆ

“จริง ๆ นะ ให้ไอ้พวกงี่เง่าชมรม The Kings พวกนั้นมายืนนอกหน้าต่างนี่ทุกเช้ามองดูเกาเกอของเราทำตัวเป็นหญิงงามทอดมองแสงอรุณอย่างหลงใหลแบบนี้ ฉันมั่นใจว่าอีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลังเธอคงจะถูกเสียงข้างมากโหวตให้เป็นประธานชมรม The Kings of Glory แล้ว!” หลี่ชิวเหวินกล่าว

“ไร้สาระ” เกาเกอไม่เห็นด้วย

“วันนี้เธอจะทำอะไร อยากไปช้อปปิ้งไหม” หลี่ชิวเหมินเงยหน้าขึ้นดูอากาศที่ยังไม่เลวข้างนอกแล้วกล่าวขึ้น

“ไม่ มีสมาชิกใหม่เข้าร่วม ฉันต้องศึกษาว่าจะวางแผนยังไง” เกาเกอกล่าว

“ฉันว่าเธอนี่นะ….ทุกครั้งที่มีใครมาเข้าร่วมเธอก็จะต้องคาดหวังจริงจังแบบนี้ตลอดเลย ผลเป็นไงล่ะ เจ้าเด็กโจวม่อนั่นก็ดูแล้วก็โง๊โง่ โดนคนเอาเปรียบตลอด เธอไปสนิทกับเขาอย่างนี้ได้ยังไงหะ” หลี่ชิวเหวินมีท่าทีแบบแค้นเหล็กไม่เป็นเหล็กกล้า

“คราวนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้วจริง ๆ นะ” เกาเกอพูด

“เหอะ ทุกครั้งเธอไม่ได้พูดแบบนี้ตลอดหรือไง” หลี่ชิวเหวินคาบแปรงสีฟันเดินหนีไป หลังจากบ้วนปากแล้วก็กลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับผ้าขนหนู

“บอกมา คราวนี้หาคนแบบไหนมาได้ถึงทำให้เธอมั่นอกมั่นใจซะขนาดนี้” ถึงปากหลี่ชิวเหวินจะพูดว่าเกาเกอเป็นแบบนี้ทุกครั้ง แต่จะอย่างไรก็ยังเห็นได้ว่าคราวนี้อารมณ์ความรู้สึกของเกาเกอนั้นไม่เหมือนกับในอดีตเป็นอย่างมาก เช้าตรู่ก็มานอนคว่ำบนหมอนถือโทรศัพท์มือถือยิ้มอย่างโง่เขลา หลี่ชิวเหวินก็เห็นอยู่ทั้งหมดนั่นแหละ

“ต่อไปเธอก็รู้เอง ฉันไปนะ” แต่ว่าเกาเกอไม่คิดที่จะพูดคุยกับหลี่ชิวเหวินอีกต่อไป อยู่ดี ๆ ก็หันหลังกลับไปที่เตียง คว้าโทรศัพท์มือถือหยิบเสื้อแจ็คเก็ตได้ก็เดินออกจากประตูไป ทิ้งให้หลี่ชิวเหวินยืนหนาวเหน็บอยู่ข้างหน้าต่างเพียงลำพัง

“ลมร้อนจริง ๆ…” หลี่ชิวเหวินพึมพำมาหนึ่งประโยค จากนั้นสายตาก็กวาดไปนอกหน้าต่าง แล้วก็โมโหขึ้นมาทันที

“โจวม่อ! ฉันน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นนาย!” เธอตะโกนลงไปนอกหน้าต่าง

“หะ?” โจวม่อเงยหน้าขึ้น เห็นว่าที่หน้าต่างชั้นสองหลี่ชิวเหวินกำลังยกมือข้างที่ถือผ้าขนหนูเอาไว้ชี้มาที่เขา ทำเอาเขามึนงงไปหมด

“ฉันยังไม่ได้โทรไปเลยนะ…” โจวม่อยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอธิบายกับหลี่ชิวเหวิน

“เอาเถอะ ๆ เกาเกอลงไปแล้ว” หลี่ชิวเหวินโบกมือ

“โอเค ขอบใจนะ” โจวม่อก็โบกมือกลับไปให้หลี่ชิวเหวิน

“นายมาขอบใจฉันเรื่องอะไร” หลี่ชิวเหวินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้

โจวม่อเอียงศีรษะครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองควรจะต้องขอบคุณเรื่องอะไร รอจนสติกลับเข้าร่างที่หน้าต่างชั้นสองก็ไม่ปรากฏร่างของหลี่ชิวเหรินแล้ว พอหันหน้าไปกลับเห็นเกาเกอกำลังเดินมาที่นี่

“สวัสดี กินข้าวยัง” โจวม่อโบกมือให้เกาเกอ

“ยัง” เกาเกอพูด

“ไป ๆๆ ฉันเลี้ยงขนมจีบเธอเอง” โจวม่อว่า

“ขนมจีบเหรอ ฉันเอาด้วย” ที่หน้าต่างชั้นสองอยู่ ๆ หลี่ชิวเหวินก็โผล่หน้าออกมาอีกครั้ง

“หะ?” โจวม่อจนปัญญาขึ้นมาทันที โชคดีที่มีเกาเกอช่วยตัดสินใจให้ โบกมือขึ้นไปที่หน้าต่างชั้นสองบอกว่า “เดี๋ยวเอากลับมาให้เธอ”

“ฉันไม่กินของเหลือ!!”หลี่ชิวเหวินร้องตะโกน หดร่างกลับเข้าไป ในเวลาเพียงครู่เดียวร่างของเธอก็มาปรากฏตัวขึ้นที่ข้างหอแล้ว

“ขอบคุณที่เลี้ยงนะ” หลี่ชิวเหวินโค้งให้โจวม่อ ผลก็คือพอเงยหน้าขึ้นกลับเห็นโจวม่อมีสีหน้าลำบากใจ

“ไม่จริงมั้งโจวม่อ ฉันนึกมาตลอดเลยว่านายอย่างน้อยก็ไม่ใช่คนขี้เหนียว ก็แค่ขนมจีบเองปะ นายคิดว่าฉันจะกินได้สักเท่าไหร่กันเชียว” หลี่ชิวเหวินไม่พอใจกับสีหน้าของโจวม่อในตอนนี้สุด ๆ

“ฉัน คือว่า…เงิน…มันไม่ค่อยจะพอจริง ๆ อะ…” โจวม่อมีสีหน้าอับอาย แต่ก็ยังพูดตามความสัตย์

“ไม่จริงมั้งนาย จนขนาดนี้เลยเหรอ” หลี่ชิวเหวินแปลกใจ

“เฮ้อ…” โจวม่อถอนหายใจคำหนึ่ง เขาเองก็ต้องเสียสละเพื่อทีมคลื่น7 ด้วยเหมือนกัน เพื่อที่จะโน้มน้าวหลี่ซือเจี๋ยกับจ้าวจิ้นหรานให้มาเติมคนให้คลื่น7 ต้องเลี้ยงข้าวคนทั้งสองไปไม่น้อย ค่าใช้จ่ายเดือนนี้ติดลบขนาดหนัก

“ก็ได้ รู้ว่ารอบนี้ทีมพวกเธอสองคนค่อนข้างราบรื่น ฉันเลี้ยงก็ได้” หลี่ชิวเหวินพูดอย่างใจกว้าง

“นี่ ทำไมช่างกล้าจังเลยเนี่ย” โจวม่อเผลอหลุดปากออกไปว่าจะเลี้ยงขนมจีบ ผลก็คือสถานการณ์ดันกลายมาเป็นแบบนี้ รู้สึกอับอายจนหน้าแดงฉาน

“เรื่องอะไรของนายฮะ นายก็แค่ตัวแถมของเกาเกอ จำไว้ให้ดีด้วยนะ” หลี่ชิวเหวินกล่าว

“ขอบคุณ” โจวม่อว่า

“เอาล่ะ ไปเถอะ”  หลี่ชิวเหวินกล่าวแล้วก็กลับหลังหันเดินไปข้างหน้า เกาเกอกับโจวม่อที่อยู่ด้านหลังต่างก็ยื่นโทรศัพท์มือถือออกมาพร้อมกัน หลังจากประสานสายตากันแล้ว ความรู้ใจนานปีก็แสดงผลออกมาทันที

“เธอก็ได้เหรอ” โจวม่อพูด

“อืม” เกาเกอพยักหน้า

“พูดว่าอะไร” โจวม่อถาม

“ม่อเซี่ยนพูด : หาจุดร่วมรักษาความต่าง” เกาเกอยิ้ม นี่ก็คือวีแชตจากเหออวี้ที่เธอได้รับมาตั้งแต่เช้าตรู่ แล้วคนที่ได้รับข้อความแบบนี้ด้วยเหมือนกันก็ยังมีโจวม่ออีกด้วย

“ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้เหออวี้ก็เคยพูดประโยคนี้กับเธอนะ” โจวม่อกล่าว

“ใช่” เกาเกอพยักหน้า

“ดังนั้นคราวนี้…พวกเราก็หาเพื่อนร่วมทีมที่พึ่งพาได้อีกคนแล้วสินะ” โจวม่อมีสีหน้าไม่อยากเชื่อ

“แล้วก็แข็งแกร่งมากด้วย” แล้วเกาเกอก็หัวเราะ

“ลีกภายในมหาวิทยาลัยรอบนี้พวกเราน่าจะคาดหวังได้มากนะ!” โจวม่อเริ่มตื่นเต้น

“ตัวป่ายังต้องพัฒนาอีกเยอะ” ดีใจก็ส่วนดีใจ แต่เกาเกอก็ยังรักษาสติได้ตลอด

“ความหมายของเธอคือ จะให้ม่อเซี่ยนเล่นซัพพอร์ตเหรอ” โจวม่อกล่าว

“ตอนนี้ตำแหน่งว่างของทีมเราไม่ใช่ซัพพอร์ตหรือไง” เกาเกอกล่าว

“อืม…โอเค” โจวม่อคิดแล้วก็พยักหน้า

……………………………………………..

คำทักทายที่เราเขียนว่าสวัสดีทั้งตอนนี้และตอนก่อนหน้าความจริงมันไม่ใช่สวัสดี (หนีห่าว 你好)  แต่เป็นคำว่า จ่าว早  (แปลว่าเช้า) ที่ย่อมาจากคำว่า  早上好 (แปลว่าอรุณสวัสดิ์) ดังนั้นที่ถูกก็น่าจะแปลเป็นอรุณสวัสดิ์มากกว่าอะนะ แต่ว่าเราไม่เคยเห็นวัยรุ่นไทยคนไหนทักกันว่า อรุณสวัสดิ์เลยเราก็เลยไม่อยากใช้ให้ผิดมู้ดอะ  แต่ความจริงแล้วถ้าตามเด็กไทยจริง ๆ น่าจะใช้เป็น “หวัดดี” เลยมากกว่า แต่ว่าเรามีความไม่ชอบคำนี้เป็นการส่วนตัว เหมือน ๆ กับคำว่า “มหาลัย” เราเลยพิมพ์เต็มไปเลยค่ะ (แต่ในชีวิตจริงก็พูดนะ 555 ย้อนแย้งเหมือนกัน) ปล. ที่ไม่ใช้คำว่ามหาลัยเพราะจำได้ว่าเคยอ่านหรือฟังในหลวง (ร.9) พูดจากที่ไหนสักแห่งว่าท่านไม่ชอบคำนี้ค่ะ เพราะพูดไปพูดมามันไปคล้ายเป็น หมาลัย ไป

 

พักตัดไปที่พี่ ๆ แต่น้อง ๆ ยังไม่จบนะคะ ตอนต่อไปกลับไปที่เดต (?) ในห้องสมุดแล้วค่ะ

ปล. สำหรับคนที่คาดหวังในตัวเพื่อนร่วมห้องของเกาเกอเหมือนเรา ขอดับความหวังไว้ตรงนี้เลยค่ะ จากนี้ไปอีก 60 ตอนนางยังไม่เคยโผล่มาอีกเลย….(แอบชิพโจวหลี่เบา ๆ)

 

ตอนที่กำลังพิมพ์ช่วงขนมจีบเป็นเวลา 11.30 น. เพื่อความชัวร์เราเลยไปกูเกิ้ลดูรูปด้วยว่ามันคืออาหารอะไร….โคตรหิว