เกมตอนเที่ยง

 

ตัวป่าในปัจจุบันนี้ของทีมคลื่น7 ก็คือจ้าวจิ้นหราน ฮีโร่ที่เก่งว่ากันว่าคืออาเคอ แต่ขนาดเรื่องที่การโจมตีของอาเคอให้ติดคริติคอลต้องใช้การโจมตีจากด้านหลังก็ยังไม่รู้ ส่วนอาธีน่าของม่อเซี่ยนแม้แต่เกาเกอกับโจวม่อยังต้องขอคำชี้แนะ ความแข็งแกร่งไม่ใช่ธรรมดา ถ้าเปลี่ยนเป็นทีมอื่น ๆ มียอดฝีมืออย่างนี้มาเข้าร่วม จ้าวจิ้นหรานที่เป็นตัวป่าระดับแค่นี้น่ากลัวว่าคงจะต้องยอมถอยแล้ว เกาเกอที่มีข้อเรียกร้องอย่างสูงมาโดยตลอดยิ่งน่าจะทำแบบนั้นมากกว่าอีก แต่กลับกลายเป็นว่าเกาเกอไม่มีแผนที่จะทำแบบนั้น และจุดนี้ก็ไม่ได้ทำให้โจวม่อรู้สึกประหลาดใจเลย

ทุกคนเพียงแค่เห็นข้อเรียกร้องอย่างสูงของเกาเกอ เห็นความไร้ปรานีที่เธอมีต่อคนที่ไม่มีคุณสมบัติตามที่เรียกร้อง แต่ว่าเกาเกอมีมาตรฐานและหลักการมากกว่านั้นอีก เพียงแต่ไม่มีสักกี่คนที่มีโอกาสจะได้เห็นเท่านั้น

ทำไมม่อเซี่ยนฟาร์มป่าได้ยอดเยี่ยมกว่าจ้าวจิ้นหรานแต่ก็ยังปล่อยให้จ้าวจิ้นหรานฟาร์มป่าอีก สำหรับเกาเกอแล้ว เหตุผลมีอยู่เพียงสี่คำ : มาก่อนได้ก่อน

คนมากมายเยอะเย้ยเกาเกอว่ามีข้อเรียกร้องต่อเพื่อนร่วมทีมเข้มงวดกว่าทีมอาชีพอีก แต่ว่าในทีมระดับอาชีพในเลยจะมีเรื่องอย่างมาก่อนได้ก่อนอย่างนี้อีก มีความสามารถก็มีชีวิตรอดต่อไป นี่ก็คือเรื่องปกติของวงการการแข่งขันอันโหดร้ายอย่างไม่มีอะไรเทียบได้พวกนี้ ส่วนเรื่องมาก่อนได้ก่อนนั้นเกรงว่าแม้แต่ทีมเกือบทั้งหมดในมหาวิทยาลัยตงเจียงก็ยังไม่สามารถทำได้

ส่วนเกาเกอ ตัวอย่างก็เช่นเพื่อนร่วมทีมจ้าวจิ้นหรานที่เป็นผู้เล่นระดับไม่สูงคนนี้ ในขณะที่ทางหนึ่งก็ดุด่า แต่ที่จริงแล้วก็ให้ความเคารพด้วย : เคารพต่อตำแหน่งที่พวกเขาอยากเล่น เคารพต่อฮีโร่ที่พวกเขาอยากใช้ เพียงแต่เรื่องพวกนี้มันถูกคำด่าที่รุนแรงของเธอกลบเสียหมด คนที่เข้ามาในทีมคลื่น7 แค่แปบ ๆ พวกนั้นใครจะมาสังเกตเห็นว่าตอนที่พวกเขากับเกาเกอเล่นด้วยกัน เกาเกอจะถามพวกเขาก่อนเสมอว่าอยากใช้ฮีโร่ตัวไหน จากนั้นตัวเองค่อยเลือกฮีโร่ที่เข้ากันได้ไปลงโหมดแบทเทิลตามตัวเลือกของทุกคน

ดังนั้นจ้าวจิ้นหรานอยากเล่นตัวป่า งั้นเขาก็เป็นตัวป่า ม่อเซี่ยนอะไรก็ได้หมด งั้นเขาก็ไปเล่นซัพพอร์ตที่ไม่มีคนเล่นแล้วกัน

“ถ้าม่อเซี่ยนเป็นซัพพอร์ต งั้นก็สามารถให้เขาชี้นำจังหวะการเล่นมาก ๆ ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจ้าวจิ้นหรานจะตามทันรึเปล่า” โจวม่อที่กำลังคาดหวังกับอนาคตตอนนี้ก็หันมาครุ่นคิดเรื่องแผนการเล่นร่วมกันของป่ากับซัพพอร์ต แต่ว่าตัวซัพพอร์ตกับตัวป่าของพวกเขานี่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความตระหนักรู้หรือสกิลเพลย์ก็ห่างกันไกลนัก จะสามารถเข้าขากันได้รึเปล่าเขาค่อนข้างกังวลจริง ๆ

“จ้าวจิ้นหรานยังต้องพัฒนาอีกมาก แต่ว่าเหออวี้ทำได้” เกาเกอพูด

“เหออวี้…” โจวม่อตกอยู่ในห้วงความคิด ตัวที่เหออวี้เล่นก็คือเลนข้าง เพราะว่าต้องกินครีปกันป้อม ก็ย่อมมีความคล่องตัวไม่เท่ากับตัวป่า แล้วก็ไม่เหมือนกับเลนกลางที่เฝ้าอยู่ตรงกลาง จะขึ้นจะลงก็สะดวกสบายทั้งนั้น ดังนั้นตัวที่รว่มมือกับซัพพอร์ตเป็นส่วนมากก็คือตัวป่ากับเลนกลาง เลนข้างก็ไม่ใช่ไม่สามารถจะไปร่วมมือกันแบบนี้ได้ แต่ว่าเนื่องจากข้อจำกัดที่ตำแหน่งของเลนข้างทำให้ไม่มีความคล่องตัวแบบนั้น

“ถ้าเป็นแบบนี้ก็คืออนาคตจะให้พวกเราเน้นบุกที่เลนล่างงั้นสิ” โจวม่อคิดแล้วพูดขึ้นมา

“แม่นแล้ว นายก็ชอบอยู่คนเดียวที่เลนบนโซโล่กันป้อมไม่ใช่หรือไง” เกาเกอพูด

“ฉันก็มีความก้าวหน้านะ!” โจวม่อเถียงอย่างไม่ยอมรับ “โดยเฉพาะคราวที่แล้วหลังจากมหาเทพเหอเหลียงมาชี้แนะ เธอไม่รู้สึกเหรอว่าฉันตอนนี้บุกได้ดีกว่าแต่ก่อนตั้งเยอะแล้วนะ”

“กะอีแค่ขโมยปลาเล็กริมแม่น้ำมาสองตัวก็เรียกว่าบุกแล้วเหรอ” เกาเกอก็ไม่ได้มีความเกรงใจโจวม่อบ้างเลย เยาะเย้ยไปอย่างไร้ความปรานี

“ค่อยเป็นค่อยไปสิ แต่วันหนึ่งฉันจะบุกเข้าไปเวดป่าแดงของศัตรู!” โจวม่อพูด

“อย่าเข้าไปแจกก็ดีแล้ว” เกาเกอว่า

“ฉัน…” ที่จริงแล้วโจวม่อก็แค่พูดกับเกาเกอไปอย่างนั้นเอง รู้สึกว่ามีร้อยปากก็ยากจะเถียง

เขาที่มีท่าทางเป็นแบบนี้หลี่ชิวเหวินเห็นมามากแล้ว ทางหนึ่งก็กินไปยิ้มไป อีกทางหนึ่งก็ยังไปช่วยคนร้ายทำชั่ว* “ฉัน ๆ อะไรกัน เกาเกอพูดอะไรนายแค่ฟังก็พอ เข้าใจแล้วรึยัง”

ปากของหลี่ชิวเหวินจิกโจวม่อขนาดนี้ แต่มือก็ยังยื่นตะเกียบไปคีบขนมจีบใส่ชามของโจวม่อ โจวม่อแค่มองโดยไม่ได้มีอาการขัดขืน ก็ให้ขนมจีบพวกนี้มารักษาบาดแผลในจิตใจของตัวเองไปแล้วกัน!

อาหารเช้ามื้อนี้ถือได้ว่าเป็นการที่คนเก่าคนแก่ทั้งสองคนของคลื่น7 มาวางแผนการอย่างคร่าว ๆ ของทีมคลื่น7 ในอนาคตกัน พอถึงเวลาอาหารกลางวัน สมาชิกในปัจจุบันของทีมคลื่น7 ท้งห้าคนก็มาร่วมตัวกันที่โรงอาหารสอง โดยที่กัปตันเกาเกอใช้บัตรอาหารแสดงการต้อนรับสมาชิกใหม่ม่อเซี่ยนอย่างง่าย ๆ ที่โรงอาหารเกาเกอก็ได้ปรึกษาความเห็นของม่อเซี่ยนเรื่องตำแหน่ง พอได้รับคำตอบว่าได้หมดของม่อเซี่ยนไปจึงได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าม่อเซี่ยนเป็นตัวซัพพอร์ตของคลื่น7 ในขณะเดียวกันก็เสนอให้ตัวป่าจ้าวจิ้นหรานให้ตามจังหวะการเล่นของซัพพอร์ตให้มากขึ้น แต่ช่วยไม่ได้ที่ระดับของจ้าวจิ้นหรานในปัจจุบันยังไม่สามารถเข้าใจอย่างชัดเจนว่า “จังหวะ” มันคืออะไร ได้แต่ค่อย ๆ คลำทางกันไปจากการต่อสู้จริง ๆ

“ฉันดูตารางเวลาของนายแล้ว” หลังจากมองทุกคนกินกันไปพอประมาณแล้วเกาเกอก็พูดกับม่อเซี่ยนขึ้นมา “วันอาทิตย์ดูเหมือนจะเป็นวันที่นายมีเวลาว่างมากกว่า ดูเหมือนว่าจะไม่มีแผนติวหนังสือตอนเย็น”

“เอ๊ะ ไม่มีเหรอ” เหออวี้มองม่อเซี่ยน เขาไม่ได้ตั้งใจสังเกตตารางเวลาของม่อเซี่ยน แต่ว่าวันอาทิตย์ไม่มีติวเย็นเหรอ ในความทรงจำของเขาเหมือนจะไม่มีเรื่องแบบนี้เลยนะ! การทำงานพักผ่อนของม่อเซี่ยนในวันอาทิตย์กับวันปกติก็เหมือนกันเป๊ะเลยนี่นา

“ใช่ครับ” ผลก็คือม่อเซี่ยนกลับพยักหน้ากล่าวขึ้นมา

“งั้นทุกเย็นวันอาทิตย์นายไปไหนตลอดเลย” เหออวี้ถามอย่างแปลกใจ

“ไม่มีเรื่องอะไรทำ ก็เลยไปติวหนังสือ” ม่อเซี่ยนตอบ

ในพริบตาเดียวบนโต๊ะรับประทานอาหารก็เงียบกริบ คนที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยตงเจียงมาได้ต่างก็ถือว่าเป็นนักเรียนชั้นท็อปกันทั้งนั้น แต่ว่าโลกของม่อเซี่ยนแม้แต่นักเรียนชั้นท็อปพวกนี้ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ ไม่มีเรื่องจะทำ ก็เลยไปติวหนังสือ ในโลกใบนี้มีหลักเหตุและผลที่สัมพันธ์กันแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ

ความเงียบงันคงอยู่ไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังคงเป็นเกาเกอที่ได้สติกลับคืนมาก่อนเป็นคนแรก “งั้นเย็นนี้ก็มาซ้อมด้วยกันนะ มีปัญหาไหม”

“ไม่มี” ม่อเซี่ยนตอบอย่างรวดเร็ว

“ดี เย็นนี้หนึ่งทุ่ม ที่ห้องทำงานสหภาพนักศึกษา” เกาเกอพูดแล้วก็ลุกขึ้นยืน

“เจอกันเย็นนี้ครับ” ม่อเซี่ยนพยักหน้าแล้วก็ลุกตามขึ้นมา

“งั้นบ่ายนี้ทำไร” เหออวี้ลุกตามแล้วถามไถ่พลางมองดูคนทั้งหลาย

“การบ้านนายทำเสร็จแล้วเหรอ” ม่อเซี่ยนเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วถามอย่างไม่ต้องคิด

โต๊ะรับประทานอาหารเงียบลงไปอีกครั้ง สายตาของทุกผู้คนรอบนี้ต่างหันมาจ้องเหออวี้ ทำเอาเหออวี้ต้องก้มศีรษะลงอย่างละอาย

“ตอนบ่ายก็ทำเรื่องของตัวเองไป พวกเรามาเจอกันตอนเย็น” เกาเกอประกาศออกมาในที่สุด

“เจอกันเย็นนี้”

ทั้งห้าคนแยกย้ายตัวใครตัวมัน เหออวี้กับม่อเซี่ยนไปทางเดียวกัน พอกลับไปที่ห้องติวหนังสือในห้องสมุดแล้วก็เปิดการบ้านออกมาทันที ผลก็คือม่อเซี่ยนที่ตลอดทั้งเช้าแหวกว่ายอยู่ในทะเลหนังสือตอนนี้กลับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

“นายทำไร” พอเห็นม่อเซี่ยนเปิด The Kings of Glory ขึ้นมาเหออวี้ก็ถามทันที

“พัก” ม่อเซี่ยนกล่าว

ตอนนี้เหออวี้ถึงได้รู้ว่าเดิมทีม่อเซี่ยนยังมีตารางการพักเที่ยงอีกด้วย รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเหมือนกัน “พาฉันไปด้วย ๆ”

“การบ้าน…”

“บ่ายค่อยทำ ฉันก็ต้องพักเหมือนกัน” เหออวี้ขัดคำพูดม่อเซี่ยนตรง ๆ

“งั้นเมื่อเช้านายทำอะไร” คำพูดของม่อเซี่ยนมีความหมายลึกซึ้งมาก ในสายตาของเขา สิ่งที่เหออวี้ทำในห้องติวหนังสือตั้งแต่เช้ามาเรียกว่าการพักผ่อน

“ชวนฉันยัง” เหออวี้ไม่ตอบซะงั้น แต่เปิดเกมรอให้ม่อเซี่ยนส่งคำเชิญมา

ม่อเซี่ยนเห็นแบบนี้ก็ไม่พูดอะไรมาก เปิดเกมไปที่โหมดแบทเทิลเชิญเหออวี้ เหออวี้รับในเสี้ยววินาที แล้วทั้งสองคนก็เริ่มพักเที่ยงของพวกเขาโดยทันที

…………………………………………….

*สำนวนจีน ทำตัวเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเสือ (为虎作伥) เป็นสำนวนจีนแปลว่าช่วยคนร้ายทำชั่ว ที่มามาจากความเชื่อโบราณของจีน ที่ว่าเวลาเสือร้ายฆ่าคนแล้ว วิญญาณของคนผู้นั้นจะสิงสู่อยู่กับเสือแล้วก็ช่วยเสือให้ไปทำร้ายคนอื่นอีก

 

น้องม่อทำเรารู้สึกตัวเองขี้เกียจไปเลย ไม่มีอะไรทำเลยติวหนังสือ….สงสารเพื่อนร่วมห้องอย่างน้องเหอมาก