ทีมคณะวิทยาศาสตร์
พักเที่ยงของม่อเซี่ยนมีเวลาครึ่งชั่วโมง ทั้งสองคนเล่นกันไปสองเกม ม่อเซี่ยนเลือกใช้ฮีโร่ซัพพอร์ตทั้งหมด เริ่มเข้าสู่บทบาทที่เขาได้รับมอบหมายมาจากทีมคลื่น7
เหมือนกับว่าจะเป็นการยืนยันคำพูดอันโด่งดังของตัวซัพพอร์ตอาชีพสูเฮ่อเสียง ม่อเซี่ยนที่ตอนเล่นตัวป่าแข็งแกร่งจนกดทุกคนได้หมดพอมาเล่นตัวซัพพอร์ตถึงแม้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลในเกมแรกจะดูเหมือนไม่เลว แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ยังแพ้เกม เกมที่สองเล่นชนะ แต่ว่าเหออวี้ที่มีความเข้าใจเกมก็ดูออกว่า ในเกมที่สองนี้ถึงแม้ม่อเซี่ยนจะยังเป็นซัพพอร์ตอยู่ แต่ว่าการเล่นเหมือนจะเป็นไฟต์เตอร์เลนข้างคนหนึ่งมากกว่า เหออวี้ที่เดิมทีควรจะเป็นเป้าหมายที่เขาต้องคอยช่วยเหลือปกป้อง ในเกมนี้กลับกลายเป็นน้องชายตัวน้อยของซัพพอร์ตของเขาเอง เดินตามหลังต้อย ๆ คอยเสริมดาเมจ ในหน้าสถิติหลังจบเกม ดาเมจของม่อเซี่ยนยังมากกว่าเหออวี้ที่เป็นแครี่เสียอีก
“ในตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเราเล่นกันอย่างนี้จะเหมาะสมกว่า” หลังจบเกมที่สองม่อเซี่ยนก็พูดกับเหออวี้
“เห็นด้วย” เหออวี้พยักหน้า เขารู้ว่าม่อเซี่ยนพูดว่าในตอนนี้นั้นหมายถึงการที่สกิลเพลย์ของเหออวี้ยังไม่สมบูรณ์พอ ดูเกมที่หนึ่งเอาก็ได้ เรื่องการวิเคราะห์จังหวะการเล่นและสถานการณ์ทั้งสองคนมีความรู้ใจเห็นพ้องต้องกันสุด ๆ เวลาที่ม่อเซี่ยนคิดว่าสามารถบวกได้ เหออวี้ก็มีความรู้สึกอย่างเดียวกัน เวลาที่ม่อเซี่ยนเข้าไปเริ่มโจมตี เหออวี้ก็ตามติดไปอย่างแน่วแน่ แต่ว่าตอนที่ม่อเซี่ยนควบคุมสนามได้ดีมาก จำกัดศัตรูจนหยุดชะงัก ดาเมจของเหออวี้กลับน้อยไปหน่อยหนึ่งทุกครั้ง ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมยากจะทำให้คนพอใจ
“ฉันต้องมีความรับผิดชอบทำดาเมจส่วนหนึ่ง งั้นการเงินนายก็ต้องให้ฉันมาหน่อยด้วย” แล้วม่อเซี่ยนก็พูดต่อ
“จริง” เหออวี้พยักหน้าอีกรอบ เขาที่กระตือรือร้นอย่างยิ่ง เตรียมที่จะปรึกษากันให้ละเอียดลึกซึ้งกว่านี้ แต่พอมองไปที่ม่อเซี่ยนก็เห็นว่าพอเขาได้ยินว่าเหออวี้เห็นด้วยกับตัวเองอีกครั้งก็ผงกศีรษะ จากนั้นก็เปิดหนังสือเข้าสู่สภาวะติวหนังสือของเขาต่อไป
นี่คือจบแล้วเหรอ
เหออวี้อึ้งไปสักพัก แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดการบ้านของเขาออกมา
บ่ายนี้ในที่สุดเหออวี้ก็ไม่ได้ทิ้งเวลาโดยเปล่าประโยชน์อีก ไม่เพียงทำการบ้านแคลคูลัสของวันพุธเสร็จเท่านั้น แม้แต่งานของวิชากลศาสตร์วันศุกร์ก็ทำเสร็จหมดแล้ว พอถึงเวลาประมาณหกโมงเย็นทั้งสองคนก็ออกจากห้องสมุดไปด้วยกันแล้วไปรับประทานอาหารเย็นที่โรงอาหาร จากนั้นก็ไปที่ห้องทำงานของสหภาพนักศึกษา พอเดินมาถึงประตูก็พบว่าประตูห้องทำงานเปิดอยู่ มองเข้าไปข้างในก็เห็นว่าเกาเกอกับโจวม่อมาถึงแล้ว แต่ในห้องก็ยังมีนักศึกษาอีกหลายคนที่ไม่รู้จักอยู่ด้วย เกาเกอมีสีหน้าไร้อารมณ์ ส่วนโจวม่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอกลับเหมือนจะมีสีหน้าอิหลักอิเหลื่อ
บรรยากาศค่อนข้างประหลาด เหออวี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองควรจะเดินเข้าไปไหม แต่ในหมู่นักศึกษาหลายคนที่ไม่รู้จักที่อยู่ในห้องพวกนั้นก็มีคนที่จดจำม่อเซี่ยนได้แล้ว
“ม่อเซี่ยนเหรอ มีธุระหรือไง” คนที่จำม่อเซี่ยนได้เป็นนักศึกษาชายรูปร่างผอมสูงและใส่แว่นคนหนึ่ง ตอนนั้นเขาก็ได้ลุกขึ้นยืนเดินมาต้อนรับที่ปากประตู
หลังจากม่อเซี่ยนเหลือบมองเกาเกอที่อยู่ในห้องแวบหนึ่งแล้วก็ตอบไปว่า “มาซ้อม”
“ซ้อม?” นักศึกษาชายคนนั้นมึนงง แต่แล้วก็เข้าใจทันทีจากสายตาที่ม่อเซี่ยนเหลือบมองออกไปเมื่อครู่นี้ พูดอย่างประหลาดใจว่า “นายเป็นสมาชิกทีมของทีมคลื่น7 ด้วยเหรอ”
“ครับ” ม่อเซี่ยนพยักหน้า
“นายก็เล่น The Kings of Glory เป็นด้วยเหรอ” นักศึกษาชายคนนั้นยังคงประหลาดใจต่อไป
“ครับ” ม่อเซี่ยนสีหน้าไม่หวั่นไหว
นักศึกษาชายคนนั้นยังคงมีสีหน้าสับสนไม่สิ้นสุด แต่เกาเกอก็ได้มีคำพูดขึ้นมาแล้ว “ประธานใหญ่ซุน ตอนนี้คุณก็เห็นแล้วนะว่าในทีมของฉันมีสมาชิกภาควิชาฟิสิกส์อยู่เกินครึ่ง จะยืมห้องทำงานของสหภาพนักศึกษามีปัญหาไหม”
เป็นเพราะเรื่องที่ขอยืมห้องทำงานทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาเหรอ เหออวี้เห็นมาแต่แรกแล้วว่าบรรยากาศในห้องไม่ถูกต้อง ตอนนี้พอได้ยินเกาเกอพูดก็คาดเดาเหตุกาณ์ได้แล้วไม่มากก็น้อย แต่ว่าเรื่องการขอยืมใช้ห้องทำงานของสหภาพนักศึกษานี่พวกเขาก็ไม่ได้ขอกันเป็นครั้งแรก ทำไมวันนี้อยู่ดี ๆ ก็มีปัญหาขึ้นมา นี่ทำให้เหออวี้ไม่ค่อยเข้าใจ แต่นักศึกษาชายที่ถูกเกาเกอเรียกว่าประธานใหญ่ซุนก็ให้คำตอบกลับมาโดยทันที
“แล้วไงล่ะ” ประธานใหญ่ซุนกล่าว “ยังไงก็แค่ทีมที่เธอตั้งขึ้นมาเอาเอง ไม่ใช่ทีมคณะ ตอนนี้ทีมคณะอยากใช้ที่นี่เป็นห้องฝึกซ้อม เธอก็ไปหาที่อื่นเถอะ”
ทีมคณะ?
เหออวี้ได้ยินแล้วก็รีบหันไปมองคนหลายคนนั้นในห้องทันทีอ ลองนับดูก็เห็นว่ามีห้าคนพอดีเป๊ะ
เรื่องของตงหลินคิงส์คัพตอนนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งสถาบันแล้ว สรุปได้ว่าเป็นเรื่องที่จริงแท้แน่นอน เพียงแต่ตารางการแข่งขันอย่างแน่ชัดยังไม่ได้ประกาศออกมา แต่ว่าบางภาควิชาก็ได้เริ่มจัดการเรื่องการฟอร์มทีมตัวแทนประจำภาควิชากันแล้ว ตัวอย่างเช่นคณะการจัดการที่มีประธานชมรม The Kings อย่างซูเก๋อนั่งอยู่ ภายในไม่กี่นาทีก็ได้ซูเก๋อเป็นหัวเรือใหญ่ตั้งทีมออกมาแล้ว แล้วก็กลายเป็นทีมที่ทุกคนคิดว่ามีหวังลุ้นแชมป์ที่สุด
ส่วนคณะวิทยาศาสตร์จนถึงตอนนี้เหออวี้ก็ยังไม่เคยได้ยินอะไรมาก่อนเลย ผลก็คืออยู่ดี ๆ ก็มีทีมคณะทีมหนึ่งร่วงลงมาตรงหน้าแล้ว แต่ว่าถ้าจะพูดเรื่องทีมคณะวิทยาศาสตร์ เกาเกอจะไม่มีคุณสมบัติได้มาตำแหน่งหนึ่งรึไง ระดับของเกาเกอนั้นไม่ว่าเหออวี้จะวัดจากมุมมองของตัวเองหรือว่าสังเกตเอาจากเงามืดที่อยู่ในใจของศัตรูพวกนั้นต่างก็อยู่ในชั้นท็อปของสถาบันอย่างไม่มีข้อกังขา แต่มาอยู่ภายในภาควิชายังไม่มีชื่ออีกเหรอ เหออวี้ค่อนข้างไม่เชื่อ
“ทีมคณะ?” เหออวี้เพียงแค่กังขา แต่ด้านเกาเกอนั้นหัวเราะเยาะออกมาแล้ว “ขอถามได้ไหมว่าทีมคณะของนายนี่มันเลือกมาได้ยังไงกัน แล้วกับทีมต้าลี่จินกังของนายเนี่ยมันมีอะไรแตกต่างกันตรงไหนเหรอ”
ทีมต้าลี่จินกัง?
เพียงแค่ชื่อทีมนี้ก็ทำให้เหออวี่สนใจใคร่รู้ขึ้นมาแล้ว ส่วนมากแล้วในเกมชื่อไอดีที่ยาวที่สุดก็คือหกตัวอักษร ถ้าเป็นทีมปกติทั่วไปก็ยังต้องใช้ชื่อทีมมาตั้งไว้หน้าชื่อ ตรงกลางก็ต้องมีจุดมาเป็นสัญลักษณ์คั่นกลางก็เหลือตัวอักษรที่เป็นชื่อตัวเองจริง ๆ แค่ตัวครึ่ง สมาชิกทีมทีมต้าลี่จินกังนี่ อย่าบอกนะว่าใช้ชื่อแค่ตัวอักษรจีนตัวเดียวกันหมดเลย หรือว่าอาจจะใช้ชื่อสามตัวอักษรอังกฤษกันนะ
เหออวี้ถูกชื่อทีมชื่อนี้เบี่ยงเบนความสนใจไปหน่อย ท้ายที่สุดถึงได้รับรู้จากคำพูดของเกาเกอที่ประกาศที่มาของทีมอีกฝ่าย — ดูไปแล้วก็แค่ทีมที่มีนักศึกษาห้าคนจากคณะวิทยาศาสตร์เอง — พอตงหลินคิงส์คัพกำลังจะมาก็แปะป้ายประกาศว่าทีมของตัวเองเป็นทีมคณะไปซะงั้นเลย
นี่มันหน้าด้านไปหน่อยไหม เหออวี้คิดแบบนี้ แต่ประธานใหญ่ซุนก็ยังพูดอย่างไม่มีท่าทีละอายใด ๆ เลยว่า “ทีมทีมหนึ่งไม่ใช่ว่าจะแค่ดูจากความแข็งแกร่งของคนเพียงคนเดียว แต่ว่าต้องดูความร่วมมือในทีมและเข้าใจกันระหว่างสมาชิกทีมด้วย แสดงความแข็งแกร่งที่หนึ่งบวกหนึ่งมากกว่าสองออกมา ด้านความแข็งแกร่งส่วนตัวแล้ว เกาเกอเธออาจจะแกร่งกว่าพวกเราที่นี่ทุกคน แต่เรื่องของทีม … ขอถามหน่อยเถอะว่าคลื่น7 ตอนนี้เป็นทีมที่อยู่ตัวรึยัง”
“นี่ไม่ใช่หรือไง” เกาเกอยังไม่ทันตอบ ด้านเหออวี้ก็ตอบมาก่อนแล้ว
“น้องชาย เข้าคลื่น7 ได้ไม่กี่วันเองปะ” ประธานใหญ่ซุนแสดงท่าทีเหมือนผู้ทรงภูมิ ถามเหออวี้ด้วยท่าทางจริงใจ จากนั้นก็หันไปมองม่อเซี่ยน “ม่อเซี่ยน นายเข้าร่วมกับคลื่น7 ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อวาน” ม่อเซี่ยนพูด
“เมื่อวาน? มิน่าล่ะ ถ้านายคิดจะเข้าร่วมทีมก็ต้องทำความเข้าใจให้มาก ๆ ด้วยนะ ก่อนหน้านี้พี่ก็ไม่รู้ว่านายเล่น The Kings of Glory เป็น อยากจะมาร่วมทีมพวกเราไหม หลังจากนี้ยังสามารถเล่นเป็นตัวแทนภาควิชาด้วย จริงสิ นายแรงค์อะไร” ประธานใหญ่ซุนทำแบบนี้ไม่เห็นเกาเกอในสายตาเลย ดึงตัวม่อเซี่ยนไปต่อหน้าต่อตา แถมยังทำอย่างกับว่ามั่นใจเต็มที่ ถึงขนาดถามเรื่องความแข็งแกร่งของม่อเซี่ยนไปด้วยเลย
“ไม่จำเป็น ขอบคุณ” ผลก็คือม่อเซี่ยนกลับปฏิเสธอย่างไม่สนใจ
ประธานใหญ่ซุนไม่คิดเลยว่าม่อเซี่ยนจะปฏิเสธอย่างขวานผ่าซากขนาดนี้ เขารู้จักม่อเซี่ยน เพราะว่านี่เป็นตัวแทนนักศึกษาใหม่ เพิ่งเข้าสถาบันมาก็เป็นนักเรียนชั้นท็อปที่โดดเด่นที่สุดของคณะวิทยาศาสตร์ และเขาที่ทำหน้าที่เป็นรองประธานของสหภาพนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวกันในคณะก่อนหน้านี้ก็ต้องให้ความสนใจกับนักศึกษาใหม่ที่พิเศษแบบนี้อยู่แล้ว ตอนนี้โดนคำปฏิเสธอย่างเด็ดขาดของม่อเซี่ยนเข้าไป ในใจก็ไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้โมโหมากเหมือนกัน เซ็งไปพักหนึ่งก็พูดว่า “งั้นก็ลืมมันไปก่อน กลับไปแล้วค่อยว่ากันอีกที”
พูดจบแล้วเขาก็กลับไปที่ตำแหน่งเดิม โบกมือไล่พวกคลื่น7 ว่า “โอเค ทีมคณะของเราอยากจะเริ่มซ้อมแล้ว พวกคนไม่เกี่ยวข้องก็ไปซะที”
“เดี๋ยวดิ ยังพูดกันไม่จบเลยนะ ทีมคณะเหรอ นายว่าไงก็เป็นงั้นหรือไง” เกาเกอว่า
“เกาเกอเธอจะต้องดื้อด้านไม่รู้จักจบจักสิ้นด้วยเหรอ คณะวิทยาศาสตร์ของเราต้องนับว่าทีมต้าลี่จินกังของพวกฉันที่แข็งแกร่งที่สุด นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรให้เถียงเลย ถึงจะมีคนที่มีความแข็งแกร่งส่วนบุคคลเหนือกว่า แต่ก็อย่างที่ฉันเคยพูดมาก่อนหน้านี้ ทีมหนึ่งทีมท้ายที่สุดแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับพลังต่อสู้โดยรวม ความแข็งแกร่งส่วนบุคคลแกร่งกว่า แต่ทีมเข้ากันไม่ได้ คนแบบนั้นสำหรับทีมถึงแกร่งก็เรียกได้ว่าเป็นมะเร็ง!” ประธานใหญ่ซุนร้องออกมา
“นั่นก็ไม่แน่ว่าที่จริงแล้วเป็นปัญหาของคนคนนั้นสักหน่อย เป็นทีมที่ไม่คู่ควรกับเขาต่างหาก พูดแบบนี้แล้วใครกันแน่ที่เป็นมะเร็ง” คำพูดของประธานใหญ่ซุนเรียกได้ว่าทิ่มแทงใส่หนามที่อยู่ในใจเหออวี้ไปเต็ม ๆ คำพูดที่ไม่น่าฟังแบบนี้ก็เลยถูกกล่าวออกมาทันที
“ฮะฮะ ไม่ว่ายังไงคนผิดก็ไม่ใช่นาย แต่เป็นโลกทั้งใบงั้นใช่ไหม” ประธานใหญ่ซุนยิ้มอย่างเย็นชา
“มีผู้อาวุโสคนหนึ่งบอกผมว่า บนสนามแข่ง ถูกผิดตัดสินกันง่ายมา เล่นเกมหนึ่งก็รู้แล้ว” เหออวี้พูด
“ผู้อาวุโสนั่นไม่ใช่ฉันด้วย” เกาเกอเสริม
“ฟังแบบนี้แล้ว พวกนายคลื่น7 อยากจะมาดวลกับต้าลี่จินกังเราสักเกมเหรอ” ประธานใหญ่ซุนกล่าว
“ฉันไม่มายด์หรอกนะ” เกาเกอไม่ถอยสักนิด
ประธานใหญ่ซุนยิ้มขึ้นมาทันที “เชิดนักเหรอเกาเกอ ฉันได้ยินว่าคลื่น7 ของพวกเธอชนะในลีกมาสองรอบติดเลยนิ แถมยังกำจัดหวงเฉาไปได้ด้วย ทั้งชัยชนะและความพ่ายแพ้ต่างก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง ตัวเองที่จริงแล้วแกร่งแค่ไหนคำนวณไม่ออกหรือไง”
“คำนวณได้ไม่ได้ มาสักรอบไม่ใช่ว่าก็รู้แล้วเหรอ” เกาเกอพูด
“แพ้ชนะแล้วว่ายังไง” ประธานใหญ่ซุนว่า
“จะทีมคณะไม่ทีมคณะฉันไม่แคร์ ถ้าเกิดพวกเราชนะ งั้นเวลาที่เราบอกไว้แล้วว่าจะใช้ห้องทำงานนี่ ก็ต้องขอให้ทีมที่พวกนายเรียกว่าทีมคณะนี่หลีกไปให้พ้นด้วย” เกาเกอระบุ
“ดี ถ้าพวกเราชนะ เรื่องทีมคณะนี่เธอก็ไม่ต้องมายุ่งเลยนะ รวมทั้งห้องทำงานนี่ด้วย ทีมคณะของเราจะเอาไว้ใช้ซ้อม”
“คำไหนคำนั้น” เกาเกอพูดแล้วก็หันหน้ากลับไป ตอนนั้นเองจ้าวจิ้นหรานก็มาถึงแล้ว ยืนอยู่ข้างนอกห้องข้าง ๆ เหออวี้กับม่อเซี่ยน เขาที่มาสายไปหน่อยไม่เข้าใจสถานการณ์ พอเห็นคนเต็มห้องก็มึนงงไปหมด เลยกำลังถามความจากเหออวี้กับม่อเซี่ยนอยู่
“มาเล่นสักเกมเถอะ” เกาเกอร้องทักคนทั้งสามให้เข้ามาในห้อง “ไม่ต้องไปแคร์มาก ถ้าแพ้ก็แค่เปลี่ยนที่เอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่มาก”
“พูดซะเสียกำลังใจหมดแล้วรุ่นพี่ มีอย่างที่ไหนยังไม่ทันเล่นก็พูดเรื่องแพ้ก่อนแล้ว” เหออวี้ก้าวเท้ายาว ๆ เข้ามา
……………………………………………………..
น้องม่อไปที่ไหนก็มีแต่คนตามจีบจริง ๆ
ส่วนน้องเหอก็โดนจิ้มใส่แผลพี่ชายเต็ม ๆ ของขึ้นเลย