มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 681
คนผู้นี้หลัวซิวรู้จัก เป็นซางหลันจากแดนศักดิ์สิทธิ์ตระกูลยุทธ์นั่นเอง

“สามารถทะลวงชั้นที่สองของหอคอยร่างทองมาได้ ดูท่าแดนร่างเนื้อของซางหลัน อย่างน้อยก็เป็นมหายุทธ์ขั้นสาม” หลัวซิวแอบคิดอยู่ในใจ

และในตอนที่ประลองยุทธ์นั้น ซางหลันผู้นี้นอกจากแสดงพลังเกิงจินและธาตุไฟพลัง Attr ทั้งสองออกมาแล้ว ก็ไม่ได้แสดงร่างยุทธ์ร่างเนื้อที่แข็งแกร่งแบบนี้ออกมา

เห็นได้ว่าไม่ใช่แค่พวกกุ่ยโยวเท่านั้นที่ปิดบังความสามารถที่แท้จริง อัจฉริยะจากแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ต่างก็ได้ปกปิดความสามารถที่แท้จริงของตัวเองเช่นเดียวกัน

“เหตุใดคนพวกนี้ต้องปกปิดด้วยเล่า?” หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เจ้าหนุ่ม เจ้าคิดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ใสสะอาดอย่างนั้นหรือ? ในฐานะที่เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแสงดาว แต่ละแดนศักดิ์สิทธิ์จะเปิดรับอัจฉริยะเข้ามาเป็นจำนวนมากในทุกสองสามปี และระหว่างอัจฉริยะพวกนี้ ก็มีการแข่งขันเช่นเดียวกัน”

เมื่อได้ยินที่มหาจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำกล่าวมา หลัวซิวเข้าใจอย่างคลับคล้ายคลับคลาว่า คงเป็นเพราะอัจฉริยะจากแดนศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ไม่อยากเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของตนเอง หลีกเลี่ยงการหาเหาใส่หัว

เพราะอัจฉริยะคนหนึ่งหากแสดงตนโดดเด่นจนเกินไป ก็จะตกเป็นเป้าหมายของผู้คนได้ง่าย หากไม่ระวังอาจจะโดนสังหาร และไม่เหลือสิ่งใดเลย

เส้นทางการเติบโตของอัจฉริยะเอง ก็เต็มไปด้วยอุปสรรค เพียงแต่คนภายนอกมิอาจรับรู้ได้

หลังจากที่ซางหลันถูกส่งตัวออกมาเขาก็ทานยารักษาอาการบาดเจ็บลงไปทันที ยาวาตะทองน้ำค้างหยกระดับเจ็ดที่มีราคาแต่ไม่มีตลาดในประเทศเทียนหวู เมื่ออยู่ในมือของผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์ กลับเป็นเพียงของธรรมดาที่ไม่มีราคาอะไรเท่านั้น

ซางหลันเองก็ได้มองเห็นหลัวซิวเช่นกัน เขามองมาที่หลัวซิวแล้วพยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรมาก เหมือนว่าไม่ได้รู้สึกอันใดจากการต่อสู้ในเมื่อสักครู่เลย และรีบกลับไปปิดขังตัวเองเพื่อตระหนักรู้

ส่วนคนที่อยู่ด้านหน้าหอคอยร่างทองเมื่อก่อนหน้านี้นั้นก็ไม่ได้เข้าไปทะลวงด่าน แต่ได้จากไปพร้อมกับซางหลัน สองคนนี้น่าจะมาด้วยกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้ หลัวซิวก็ไม่จำเป็นต้องรอต่อไปอีก และเข้าไปในหอคอยร่างทองทันที

พื้นที่ในหอคอยร่างทองนั้นคือสีทองเหลืองอร่าม ยืนอยู่ในพื้นที่สีทองแห่งนี้ ก็สัมผัสได้ว่ามีกระแสพลังอันดุเดือดอย่างไร้ที่เปรียบสายหนึ่งกำลังกรีดร่างของตนเองอยู่ เหมือนกับจะกรีดร่างของคนออกเป็นชิ้น ๆ

บริเวณตรงกลางของพื้นที่สีทองอร่าม วางไว้ด้วยโต๊ะตัวหนึ่ง ด้านบนมีธูปจุดเอาไว้ สำหรับเนื้อหาการทดสอบในหอคอยร่างทองนั้น ก็ได้ปรากฏขึ้นในตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว

เหมือนกันกับหอคอยเทพจิต การทะลวงหอคอยร่างทองก็แบ่งออกเป็นสองวิธีเช่นเดียวกัน วิธีแรกก็คืออยู่ในหอคอยร่างทองเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป สามารถฝึกตนในตำหนักเต๋าเป็นเวลาสามวัน

วิธีที่สองก็คืออาศัยร่างเนื้ออสุราทะลวงปริภูมิสีทองแห่งนี้ สามารถฝึกตนในตำหนักเต๋าเป็นเวลาหกวัน

กระแสพลังอันดุร้ายแผ่ซ่านไปทั่วพื้นที่สีทอง พลังที่โจมตีนั้นเทียบได้กับร่างยุทธ์แดนมหายุทธ์ขั้นสาม หากผู้ที่มีร่างยุทธ์แดนมหายุทธ์ขั้นหนึ่งเข้ามา ก็ไม่ยากอะไรที่จะทนอยู่ในนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม

ที่ยากก็คือจะใช้ร่างเนื้ออสุราทะลวงพื้นที่สีทองแห่งนี้ออกไปได้อย่างไร

“พัง!”

หลัวซิวตวาดเบา ๆ กระบี่ที่เกิดจากตัวสำนึกกลายรูปอันทรงพลัง กลับเป็นเหมือนดั่งวัวโคลนลุยทะเล ไม่สามารถทำอันใด ๆ พื้นที่สีทองแห่งนี้ได้เลย

“การโจมตีทางวิญญาณไม่ได้ผล”

จากการทดสอบ หลัวซิวพบว่าพื้นที่สีทองแห่งนี้ค่อนข้างพิเศษ เป็นไปไม่ได้ที่จะให้คนใช้วิธีฉวยโอกาสผ่านด่านไปได้

“พลัวะ!”

ดอกไม้เลือดดอกหนึ่งเบ่งบานออกมาจากร่างของหลัวซิว ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด

อย่างไรเสียแดนร่างเนื้อของเขายังอยู่ในแดนมกุฎช่วงปลาย แม้ว่าจะทัดเทียมได้กับแดนมหายุทธ์ขั้นหนึ่ง แต่ภายใต้การโจมตีของกระแสพลังอันดุร้ายที่เทียบได้กับแดนมหายุทธ์ขั้นสาม ก็ไม่อาจทนได้นานนัก