บทที่ 2022 – ภูเขา 9 เทวา อสูรใต้น้ำแสนทุกข์ทรมาน

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 2022 – ภูเขา 9 เทวา อสูรใต้น้ำแสนทุกข์ทรมาน
  ชิงสุ่ยเพียงแค่พูดสิ่งต่างๆด้วยความตั้งใจ เมื่อทั้งสองคนอยู่ใต้น้ำ ทั้งสองจะไม่สามารถแสดงศักยภาพความแข็งแกร่งสูงสุดในปัจจุบันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความเร็วที่ลดลง
  การเคลื่อนไหวใต้น้ำไม่ใช่เรื่องง่าย
  แต่แล้วชิงสุ่ยก็รู้สึกถึงความนิ่มนวลบริเวณริมฝีปากของเขา
  ชิงสุ่ยตกใจเป็นอย่างมาก มันช่างน่าประหลาดใจที่เป่ยหมิงเสวียโน้มตัวลงมาจูบริมฝีปากของเขาด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเธอจะไม่รู้วิธีการจูบ เธอจึงทำเพียงแค่ประกบริมฝีปากกับเขาเท่านั้น
  ชิงสุ่ยสติหลุดลอยไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะกลับมารู้สึกตัว เขาไม่คิดเลยว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นเช่นนี้ ตามบุคลิกของเป่ยหมิงเสวีย เธอควรจะเป็นคนไม่ยอมใครแม้จะถึงตอนตายก็ตาม หากปราศจากความรัก เธอก็ไม่มีทางที่จะยอมจูบกับชายใด แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว
  เขาต้องการจะหลบหลีก แต่มันอาจทำให้เธอเขินอายและเป็นการขับไล่เธอ เธอคือหญิงสาวที่มีความทะนงตัว และอาจจะคิดทบทวนเป็นเวลานานก่อนจะทำเช่นนั้นออกไป บางทีมันเป็นเพราะเหตุการณ์บีบรัดระหว่างความเป็นความตาย
  ชิงสุ่ยลุกเร้าริมฝีปากของเธอเบาๆ และจูบเธออย่างช้าๆ กลิ่นหอมสดชื่นของเธอกระตุ้นความรู้สึกชิงสุ่ย ลิ้นของเขาสอดสายเข้าไปในปากของเธอ และเริ่มเกี่ยวพันกับลิ้นของเธอเพื่อลิ้มรสหวานแห่งความเพลิดเพลิน
  เป่ยหมิงเสวียหลับตาลง ร่างกายสั่นเครือ จิตใจเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่า หัวใจเต้นระรัว เธอไม่แน่ใจว่าเธอชอบความรู้สึกแบบนี้หรือไม่ แต่บางทีเธอเองก็รู้สึกสับสน เมื่อเธอฟื้นคืนสติ เธอก็รู้สึกได้เลยว่าลิ้นของชิงสุ่ยได้รุกล้ำเข้ามาอยู่ภายในปากของเธอ  เธอพยายามตอบสนองและตระหนักได้ว่าตัวเธอนั้นไม่ได้ต่อต้านน่ะ เธอชอบความรู้สึกนี้จริงๆ ดูเหมือนจะทำให้เธอลองใจและไม่ขลาดกลัวความตาย
  เป่ยหมิงเสวียเกือบจะลืมหายใจ ก่อนที่เธอจะผลักตัวเองออกและไม่กล้าสบตาชิงสุ่ย
  “พวกเรากำลังจะตาย นี่คือรางวัลที่ข้าพอจะมอบให้ท่านได้ ท่านไม่จำเป็นต้องตายไปพร้อมข้า”เป่ยหมิงเสวียหน้าแดงก่ำ
  ชิงสุ่ยยิ้มและจ้องมองหญิงสาวโฉมงามผู้นี้ “ถ้าหากเราไม่ได้เผชิญหน้ากับความตาย ดูเหมือนข้าจะเสียสิ่งสำคัญที่ควรได้รับจากท่าน?”
  “แต่ตัวข้าไม่ได้เสียอะไรให้กับใครเลย และข้าก็ไม่เสียใจด้วย”เป่ยหมิงเสวียยิ้ม
  ปังงง!!
  ทั้งสองคนทะยานลงสู่ก้นบึ้งทะเลสาบ ที่นี่มีน้ำอยู่ไม่มากจึงทำให้มองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้อย่างชัดเจน เสียงดังก่อนหน้านี้ก็คือเสียงหนวดแตะพื้น หนวดจำนวนมากกระจายตัวอยู่ทั่ว ชิงสุ่ยไล่ตามพวกมันไป จนกระทั่งถึงก้นบึ้ง และจับจ้องไปที่ตำแหน่งใจกลาง
  สถานที่แห่งนี้กว้างขวาง และน่าจะเป็นรังใหญ่ของมัน พื้นดินเต็มไปด้วยซากโครงกระดูกมากมาย ซึ่งในชั้นบรรยากาศก็ได้กลิ่นอบอวลที่เกิดจากเลือดและสิ่งเน่าเหม็น
  “หืมมม มีการตั้งค่ายกลผนึกที่นี่ ค่ายกลกับดัก?”
  ชิงสุ่ยสังเกตบริเวณโดยรอบ ทำไมถึงมีสัตว์ประหลาดหนวดยักษ์ติดกับดักอยู่ที่นี่? มันอยู่มานานเพียงใด? มันเป็นสิ่งมีชีวิตใต้น้ำหรือไม่? หรือมันจะเป็นสัตว์บก? หรือมันจะเป็นสัตว์ปีก? สิ่งต่างๆยิ่งทําให้ชิงสุ่ยอยากรู้อยากเห็น
  หนวดทยอยถอยกลับไป ชิงสุ่ยคืออาวุธครบมือ เมื่อหนวดเข้าใกล้ ชิงสุ่ยก็พร้อมที่จะโจมตี
  ชิงสุ่ยมองเห็นสิ่งมีชีวิตร่างยักษ์ มันดูเหมือนสัตว์ประหลาดประเภทหอย แต่ถึงกระนั้นชิงสุ่ยก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ตัวของมันไม่ใหญ่มากมีขนาดประมาณ 50 เมตร ไม่มีขา ดวงตาสีเข้มคู่ใหญ่ พร้อมกับหนวดมหาศาลและมีร่างกายเป็นลักษณะวงรี
  นอกจากดวงตาแล้ว ปากยักษ์ก็ได้จะเป็นจุดเด่นที่ใหญ่ที่สุด มันกินพื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของร่างกาย ปากของมันเหมือนทางเข้าถ้ำแต่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด มันช่างดูคล้ายกับนรกอย่างแท้จริง
  ชิงสุ่ยไม่อาจหาวิธีที่มีประสิทธิภาพมาจัดการหนวดปริมาณมหาศาลที่แสนวุ่นวายเหล่านั้นได้ บางทีเปลวเพลิงแรกเริ่มของเขาอาจจะได้ผล แต่มันก็ยากที่จะบอกผลลัพธ์ ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่มีความแน่นอน นั่นก็คือ อสุรกายร่างยักษ์ตัวนั้นจะต้องแข็งแกร่งกว่าชิงสุ่ยมาก
  ขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าไปในปากยักษ์ ชิงสุ่ยก็ตื่นตัวกว่าเดิมและเรียกภูเขา 9เทวาออกมา
  ทะเลแห่งปัญญาถูกเปิดใช้งาน ทันทีที่เข้าไปในปากยักษ์ ภูเขา 9 เทวาก็ขยายร่าง มันสามารถขยายร่างได้ถึง 100 เมตร ในขณะที่สัตว์อสูรตัวนี้มีความสูงเพียงแค่ 50 เมตร
  นี่คือวิธีทำลายที่ชิงสุ่ยคิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นปากขนาดใหญ่ เขามั่นใจว่าเขาจะสามารถระเบิดตัวอสูรร่างยักษ์นี้ได้จากภายใน โดยการอาศัยการขยายของภูเขา 9 เทวา
  โฮกกกกกก…………..
  เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีเข้มอันแสนเย็นชาที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเหน็บหนาว หนวดพยายามจู่โจมอย่างบ้าคลั่ง บีบครั้นชิงสุ่ยและเป่ยหมิงเสวียให้ชลมุนวุ่นวาย อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็ได้สะบัดมือสร้างเพลิงบรรพกาลแรกเริ่มเผาผลาญบริเวณโดยรอบ และใช้อสูรสยบมังกรทำลายหนวดที่หลงเหลือให้ขาดออกจากกัน
  ในขณะที่อสูรสยบมังกรทำลายหนวดเปลวเพลิงเผาผลาญวงกว้าง ชิงสุ่ยก็เริ่มเหวี่ยงง้าวทองทะลวงศัตรู
  ทางฝั่งของภูเขา 9 เทวาก็เริ่มขยายตัวกระแทกร่างอสูรยักษ์ เลือดมหาศาลพุ่งออกมาจากร่างกายของมัน จนทำให้มันไม่อ่านให้ความสำคัญกับชิงสุ่ยได้อีก
  ถึงตอนนั้น ชิงสุ่ยก็ไม่คิดจะปล่อยอสูรร่างยักษ์ตัวนี้ไป เมื่อมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเกินไป มันก็สมควรตาย
  ปังงง!!
  พรวดดดดดด….
  ชิงสุ่ยตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แม้ว่าการสังหารครั้งนี้จะดูง่าย แต่ชิงสุ่ยก็รู้ดีว่ามันมีความอันตราย เขาคงไม่อาจหลบหนีได้ถ้าหากภูเขา 9 เทวาไม่ถูกส่งเข้าไปอยู่ในปากของมัน
  มันคงจะไม่เป็นผลเช่นกันถ้าหากอสูรร่างยักษ์ตัวนี้ไม่ตะกะตะกาม
  เป่ยหมิงเสวียใช้เวลาพอสมควรกว่าจะตระหนักได้ถึงความจริง เธอจ้องมองชิงสุ่ย “พวกเราไม่ต้องตายแล้ว”
  “อืม”ชิงสุ่ยยิ้มกว้าง
  เป่ยหมิงเสวียรู้สึกสับสน มันผสมปนเประหว่างความแปลกใจและความเศร้าโศก เธอจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาว่างเปล่า เธอจูบชายหนุ่มคนนี้และเขาก็จูบเธอกลับมา แต่ตอนนี้มันไม่มีใครต้องตายแล้ว ต่อไปเธอควรจะทำอย่างไรดี?
  “มาดูกันว่าที่นี่มีอะไร แล้วเราค่อยรีบออกไปหาซีหยวน อย่าปล่อยให้นางเป็นห่วงพวกเรานานนัก”ชิงสุ่ยรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาคงปลอบใจเธอไม่ได้ การกระทำของเป่ยหมิงเสวียมันทำให้ชิงสุ่ยงุนงงเช่นกัน
  เป่ยหมิงเสวียพยักหน้า ชิงสุ่ย รวบรวมแก่นแท้อสูร แกนกลางหัวใจ และส่วนประกอบอื่นๆที่สำคัญ อสูรตัวนี้รวบรวมสิ่งล้ำค่าเอาไว้มากมาย ชิงสุ่ยจึงเก็บพวกมันทั้งหมดเอาไว้ในดินแดนหยกยุพราชอมตะ
  จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆและเห็นห้องหินขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งของมากมาย แต่ทว่ามันไม่ได้ดีเหมือนที่เขาคิด ชิงสุ่ยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็คุ้มค่ากับการมาถึง
  ชิงสุ่ยทำลายค่ายกลกับดัก ทันทีที่ค่ายกลถูกทำลาย น้ำปริมาณมหาศาลก็ถล่มเข้าสู่พื้นที่ ชะล้างทุกอย่างให้กลับมาเป็นพื้นที่ของทะเลสาบ
  ในขณะที่ชิงสุ่ยและ เป่ยหมิงเสวียมาถึงผิวน้ำ อวี้ซีหยวนและเจ้ากิเลนน้อยที่รอคอยอยู่บนพื้นดินที่อยู่ห่างไกลก็รีบวิ่งตรงเข้ามาหาทั้งสองคน
  ความวิตกกังวลที่เคยมีบนใบหน้าอวี้ซีหยวนพลันสลายหายไปอย่างรวดเร็ว เธอถามอย่างห่วงใยว่า “พวกกท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
  “พวกเราไม่เป็นไร เจ้าสัตว์อสูรยักษ์ตัวนั้นตายแล้ว ไปกันเถอะ!!”ชิงสุ่ยยังไม่อยากจะเดินทางไปไหน เพียงแต่เขาต้องการจะออกห่างจากที่นี่
  เป่ยหมิงเสวียกลับมาเป็นปกติและพูดคุยกับอวี้ซีหยวนระหว่างเดินทางกลับ