บทที่ 2021 – พัลวัน เธอถูกยั่วโมโห
“ชิงสุ่ย เจ้าสิ่งนั้นมันน่ากลัวมาก ไปกันเถอะ!!”อวี้ซีหยวนกล่าวหลังจากคิดชั่วครู่หนึ่ง
เป่ยหมิงเสวียไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าของเธอก็ไม่สบายใจเช่นกัน มันคงเป็นเรื่องยากถ้าหากเผชิญหน้ากับสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแล้วยังรักษาความสงบได้
“พวกท่านไม่อยากรู้หรือว่าอะไรซ่อนตัวอยู่ด้านล่าง?”ชิงสุ่ยกล่าวถามพร้อมหัวเราะยิ้มเยาะ
ชิงสุ่ยก็อยากจะรู้ว่าสิ่งมีชีวิตใต้น้ำแข็งแกร่งเพียงใด แล้วมันอาจจะเป็นภัยอันตรายมากที่สุดเท่าที่เขาเคยคิดจะลงมือ
เป่ยหมิงเสวียส่ายหน้า “ชิงสุ่ย อย่าได้คิดทำเช่นนั้น บนมหาทวีปหลักเต็มไปด้วยอสูรละกายน่ากลัวและทรงพลังเกินกว่าที่ใจเราจะนึกถึง ถ้าหากเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวพันเร็วเกินไป ท่านอาจจะเสียชีวิตได้” ชิงสุ่ยพยักหน้า เขาพยายามยับยั้งชั่งใจเพราะว่ามันเสี่ยงเกินไป
ในขณะที่ชิงสุ่ยกำลังจะจากไป เขาก็ตรวจจับพลังได้อีกครั้ง ชิงสุ่ยตกใจอย่างมาก และกำลังจะล่าถอย แต่แล้วเป่ยหมิงเสวียก็ถูกหนวดฟาด หนวดขนาดเล็กที่อยู่บนหนวดยักษ์ ซึ่งก็ยังคงมีขนาดใหญ่และหนาพอจะพันร่างมนุษย์ได้
อร๊ากกกก!!
เป่ยหมิงเสวี่ยส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเธอซีดเซียว หญิงสาวกลัววัตถุที่คล้ายหนวดมากที่สุด ชิงสุ่ยคว้าเป่ยหมิงเสวี่ยอย่างรวดเร็วและปล่อยเจ้ากิเลนน้อยออกมา เขาบอกกับอวี้ซีหยวนว่า “ท่านหนีไปกับเจ้ากิเลนน้อยก่อน เดี๋ยวข้าจะรีบตามท่านไป”
เขาออกคำสั่งให้เจ้ากิเลนน้อยหลบหนีและคอยป้องกันอวี้ซีหยวนตลอดเส้นทางจนกว่าจะออกจากสถานที่แห่งนี้ได้ ทุกพื้นที่บริเวณโดยรอบอันตรายเกินไป หากปราศจากเจ้ากิเลนน้อย ต่อให้อวี้ซีหยวนมีอสูรหมีทลายเหมันต์มันก็ยากที่จะบอกว่าเธอจะเอาชีวิตรอดไปได้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าชิงสุ่ยย่อมไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุใดๆทั้งสิ้น
“ชิงสุ่ย ปล่อยข้าไปเถอะ ท่านรีบออกไปซะ!!”เป่ยหมิงเสวี่ยน้ำเสียงดูวิตกกังวล
เธอรู้ดีว่าชะตาชีวิตของเธอกำลังจะถึงฆาต แต่เธอก็รู้สึกอุ่นใจเมื่อเห็นชิงสุ่ยพยายามช่วยเธอ
พวกเขาทั้งสองคนถูกดึงลงไปในทะเลสาบอันเย็นยะเยือก ชิงสุ่ยไม่กล้าที่จะปล่อยมือเป่ยหมิงเสวีย และพูดกับเธอว่า “อย่ากลัว มันจะไม่เป็นไร ข้าอยู่ที่นี่แล้ว”
ชิงสุ่ยคิดทบทวนเพื่อหาทางออกของปัญหา ดูเหมือนว่าเขาจะต้องสู้กับอสูรกายยักษ์ตัวนี้
ซึ่งเขาก็รู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยาก
นวดขนาดใหญ่ของมันมีความหนาประมาณหลายเมตร มันเป็นเรื่องน่าปวดหัวมากหากจะต้องปัดป้องสิ่งที่มีจำนวนมากคล้ายใยแมงมุม ชิงสุ่ยจึงจำเป็นต้องใช้ทุกค่ายกลทุกรูปแบบ รวมถึงกระบวนท่าพุทธองค์สูงสุด แม้กระทั่งปราณจักรพรรดิหรือทักษะไล่ล่าสังหาร
หลังจากพลังป้องกันเพิ่มขึ้นจำนวนมหาศาล เป่ยหมิงเสวียก็รู้สึกเจ็บปวดน้อยลง ก่อนหน้านี้เธอเหมือนถูกบีบคอจนสำลักเกือบตาย
อสูรสยบมังกร
ชิงสุ่ยเลือดอสูรสยบมังกรออกมาและสั่งให้มันทำลายหนวดยักษ์
ด้วยพลังและการช่วยเหลือจากชิงสุ่ย มันทำให้อสูรสยบมังกรแข็งแกร่งจนน่ากลัว ภายในชั่วพริบตาหนวดใหญ่ก็ถูกแทะเล็มจนเริ่มขาดออกจากกัน
ชิงสุ่ยและเป่ยหมิงเสวียหลุดรอดออกมาจากหนวดได้ชั่วคราว แต่แล้วหนวดที่ขาดออกจากกันก็งอกขึ้นมาใหม่และเริ่มโจมตีพวกเขาอีกครั้ง “มันช่างเป็นพลังแห่งการฟื้นฟูที่น่ากลัวจริงๆ”ชิงสุ่ยประหลาดใจท่ามกลางความวิตกกังวล
ตอนนี้เขามองเห็นเพียงแค่หนวดเท่านั้น แต่กลับไม่อาจมองเห็นร่างที่แท้จริงของมันได้ ฉะนั้นเขาจึงยังไม่ให้ความสนใจมาก
เรื่องนี้จะจบลงเช่นไร
ชิงสุ่ยและอสูรสยบมังกรพยายามตัดหนวดจำนวนมหาศาลไร้สิ้นสุด แต่มันก็เหมือนจะไร้ผล ขายกับหางจิ้งจกที่งอกใหม่ในพริบตา
ในระหว่างที่ชิงสุ่ยตกตะลึง ระลอกคลื่นลูกใหม่ก็มาถึง และในครั้งนี้จำนวนหนวดมีมากกว่าเก่าหลายสิบเส้น
จำนวนหนวดพัวพันพัลวันกันอย่างไร้ที่สิ้นสุด
แม้ชิงสุ่ยจะมองไม่เห็นร่างที่แท้จริงของอสูรกายยักษ์ แต่พลังในการลดพลังสร้างศัตรูของเขาได้ผลอย่างแน่นอน ตอนนี้หนวดจำนวนมากมายไม่เร็วและทรงพลังเหมือนแต่ก่อน
เรื่องที่เกิดขึ้นยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับชิงสุ่ย
“ชิงสุ่ย ไป!! ข้ารู้ว่าท่านสามารถหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวได้”เป่ยหมิงเสวียจ้องมองชิงสุ่ยอย่างซาบซึ้ง
“เชื่อใจข้า แล้วทุกอย่างจะดีเอง”ชิงสุ่ยกุมมือเป่ยหมิงเสวียแน่น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะให้ความอบอุ่นได้
ชิงสุ่ยกำลังชุลมุนวุ่นวายติดพันอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเธอ ทางด้านเจ้าอสูรสยบมังกรเองก็ถูกหนวดมหาศาลพันเกี่ยวกับร่างกายจนคล้ายกับเกี๊ยวก้อน
ทักษะค่ายกลตาข่ายแมงมุมเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดหากใช้ต่อกรกับอสูรสยบมังกร มันสามารถดักจับอสูรเพื่อสังหารได้ แต่ยังคงต้องจำไว้ว่าคู่ต่อสู้ของมันคืออสูรสยบมังกร สัตว์ตัวนั้นจะต้องแข็งแกร่งจริงๆถึงจะสามารถเอาชนะสัตว์อสูรสยบมังกรได้
เป่ยหมิงเสวียรู้สึกผิดอย่างมากที่มีคนต้องมาเสียชีวิตเพื่อเธอ ฝ่ามือที่กุมมือเธออยู่นั้นให้ความรู้สึกหลายสิ่งหลายอย่าง เธอจ้องมองใบหน้าชายหนุ่มที่ดูอ่อนเยาว์ไปยังคงไว้ซึ่งความเป็นผู้ใหญ่
ชิงสุ่ยหันกลับมาแล้วเห็นว่าเป่ยหมิงเสวียกำลังจ้องมองเขา เขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านชอบมองข้าหรือ?”
เป่ยหมิงเสวียหน้าแดงทันที ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีความสัมพันธ์พิเศษกับชายใดมาก่อน เธอรู้ดีว่าเธอเองเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา แต่เธอก็ไม่เคยเจอใครที่พอจะให้เธอชื่นชม ถ้าหากเธอไม่เจอคนที่เธอชอบพอ เธอก็คงจะเลือกอยู่คนเดียวจนแก่เฒ่ามากกว่าอยู่กับใครสักคน
เธอไม่ได้ชอบหรือรังเกียจชิงสุ่ย แม้ว่าเขาจะเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอจนเกือบตาย เธอรู้สึกทั้งสะเทือนใจและรู้สึกขอบคุณแต่มันก็ไม่ใช่ความรักอยู่ดี ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ความคิดของเธอคลุมเครือ ทัศนคติของเธอก็เปลี่ยนไป
“พวกเรากำลังจะตายเร็วๆนี้หรือ?”เป่ยหมิงเสวียกล่าวด้วยน้ำเสียงบางเบา
“อาจจะ!!”ชิงสุ่ยกล่าวย้ำหลายครั้งว่าพวกเขาจะต้องรอด แต่เขาไม่แน่ใจเลย ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่พูดแบบนั้นอีก เพราะต่อให้พูดไปเป่ยหมิงเสวียก็ไม่เชื่ออยู่ดี
“ท่านมีภรรยาแล้วหรือยัง?”
“ข้ามีภรรยาแล้ว”
“แล้วท่านมีลูกแล้วหรือยัง?”
“ข้ามีลูกแล้ว!!”
เป่ยหมิงเสวียอารมณ์เสียมากขึ้น ถ้าหากเขาตาย แล้วลูกๆกับภรรยาของเขาล่ะ? คนเหล่านั้นจะรู้สึกโศกเศร้ากว่าเพียงใด? เธอจึงไม่โศกเศร้าอีกต่อไป
“แล้วท่านล่ะ มีชายใดครองใจแล้วหรือยัง?”ชิงสุ่ยหัวเราะลั่น
“ไม่!!”เป่ยหมิงเสวียตอบกลับอย่างเขินอาย
“แล้วท่านคิดถึงชายคนใดบ้าง?”
“………..”เป่ยหมิงเสวียจ้องมองชิงสุ่ยอย่างบ้าคลั่ง
“ถ้าหากพวกเราตาย บางทีท่านอาจจะเสียใจที่ไม่ได้สัมผัสกับชายใดเลย? อืม งั้น ท่านเคยจูบกับผู้ชายคนใดบ้างหรือไม่?”ชิงสุ่ยพบว่าการได้กลั่นแกล้งหญิงสาวที่มีอารมณ์เหมือนผู้สูงศักดิ์ช่างเป็นอะไรที่น่าสนใจที่สุด
“ไม่…..ท่านกำลังจะพูดอะไร?”เป่ยหมิงเสวียหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น เธอไม่แน่ใจกับความรู้สึกในปัจจุบัน เธอพยายามลุกลี้ลุกลนและไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ เธอลืมไปเลยด้วยซ้ำว่าพวกเขากำลังจะตาย
“พวกเรากำลังจะตาย ท่านอยากลองมันหรือไม่? การจูบหน่ะ?”ชิงสุ่ยไม่ได้อยากจะจูบเธอจริงๆ แต่การที่ได้เห็นเธอเขินอายเขาก็ยิ่งชอบและมีความมุ่งมั่นที่จะอยู่รอด เขาไม่มีทางยอมตายที่นี่ ดังนั้นเขาจึงพยายามแกล้งและทำให้เธอผ่อนคลาย