บทที่ 1509 อายุก็ไม่น้อยแล้ว
ตาชีซิงนี่ก็…ให้ตายเถอะ ให้เครื่องประดับเพรชนิลจินดากับทองเนี่ยนะ!
นาทีนี้ เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกเหมือนหัวใจโดนกรีดเฉือน…
เนี่ยอู๋หมิงปิดกล่องของขวัญเงียบๆ สองมือกอดกล่องของขวัญไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมืออีก
“หวันหวั่น เข้ามานั่งเร็ว”
นายหญิงตระกูลเนี่ยดึงมือเล็กๆ ของเยี่ยหวันหวั่น แล้วพาเข้าไปนั่งในห้องโถงใหญ่
พอสัมผัสได้ถึงความเอ็นดูที่นายหญิงตระกูลเนี่ยมีต่อเธอ เยี่ยหวันหวั่นอดประหลาดใจไม่ได้ ตอนแรกยังนึกว่าอาจจะโดนไล่ตะเพิดออกไป…แล้วทำไม…หรือเธอมีสูตรโกงอะไร?
พอเข้ามาในห้องโถงใหญ่ เยี่ยหวันหวั่นพบว่านายหญิงตระกูลเนี่ยกำลังมองพิจารณาเธอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“หวันหวั่น แม่หนูคลอดหนูออกมาได้ดีจริงๆ” นายหญิงตระกูลเนี่ยมองดูหน้าตาและบุคลิกของเด็กสาว กุมมือเธอแล้วชมด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณค่ะคุณป้า” เยี่ยหวันหวั่นรับคำตามมารยาท
“เรื่องครั้งที่แล้ว คุณป้าอาจจะเข้าใจผิดไปบ้าง หนูอย่าถือสาเลยนะ” นายหญิงตระกูลเนี่ยเอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันพูดอะไร นายหญิงตระกูลเนี่ยก็เอ่ยต่อว่า “หวันหวั่น หนูอยู่จีนไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาอยู่รัฐอิสระได้ล่ะ?”
“แม่ จะไปถามอะไรคนอื่นเขาเยอะแยะ เธอไม่ใช่ลูกสาวแม่ซักหน่อย ยุ่งเรื่องคนอื่นเขามากเกินไปแล้วนะแม่” เนี่ยอู๋หมิงเดินเข้ามาจากข้างนอก แล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ
นายหญิงตระกูลเนี่ยถมึงตาใส่เนี่ยอู๋หมิง “อย่าเสียมารยาท อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว”
“ผมเพิ่งจะยี่สิบเก้าเอง!” เนี่ยอู๋หมิงรีบบอก
สิ้นเสียงเนี่ยอู๋หมิง นายหญิงตระกูลเนี่ยกับเยี่ยหวันหวั่นก็หันไปมองเนี่ยอู๋หมิงพร้อมกัน และสายตาที่มองเนี่ยอู๋หมิงก็เหมือนจะเอือมระอาอยู่หน่อยๆ
“ทำไมเหรอ?” เนี่ยอู๋หมิงถาม
นายหญิงตระกูลเนี่ยมองเขาด้วยหางตา ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่หันไปมองเยี่ยหวันหวั่น
เด็กคนนี้ นายหญิงตระกูลเนี่ยยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกชอบ รู้สึกสนิทสนมอย่างน่าประหลาด
“หวันหวั่น ตอนอยู่จีน ถังถังคงเลี้ยงยากมากใช่ไหม” จู่ๆ นายหญิงตระกูลเนี่ยก็ยิ้มแล้วพูดกับเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นรีบส่ายหน้า “ไม่นะคะ ถังถังเชื่อฟังมากๆ เลยค่ะ”
“อ้อ…”
นายหญิงตระกูลเนี่ยแปลกใจเล็กน้อย ถังถังเชื่อฟัง ถือเป็นเรื่องที่หาได้ยาก…
“แม่ ผมก็บอกแม่แล้วไง ของสิ่งหนึ่งย่อมพิชิตสิ่งหนึ่งได้ จอมมารน้อยอยู่ต่อหน้าหวันหวั่นเชื่องยิ่งกว่าหมาอีก!” เนี่ยอู๋หมิงรีบพูดแทรก
พูดจบ เนี่ยอู๋หมิงก็โดนเยี่ยหวันหวั่นกับนายหญิงตระกูลเนี่ยถมึงตาใส่อีกครั้ง
“ถ้าแกไม่รู้จะพูดอะไรก็เงียบๆ ไว้เถอะ” นายหญิงตระกูลเนี่ยมองเนี่ยอู๋หมิง ย่นคิ้วเล็กน้อย ลูกชายเธอคนนี้อย่างกับคนไอคิวต่ำ ทำไมเธอถึงได้คลอดเจ้าคนแบบนี้ออกมาได้นะ…
“ผมทำไม” เนี่ยอู๋หมิงไม่เข้าใจ
“แกดูน้องสาวแก อู๋โยวกับหลิงหลง แล้วหันมาดูตัวเองสิ เป็นพี่ชายไม่ได้เรื่อง แล้วยังเป็นลุงที่ไม่ได้เรื่องอีก อายุขนาดนี้แล้วแฟนซักคนก็ยังไม่มี อายเขาไหมล่ะ!” นายหญิงตระกูลเนี่ยกล่าวเสียงเย็นชา
เนี่ยอู๋หมิงปากกระตุก ทำท่าจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็พูดไม่ออกซักคำ
“แม่คะ”
จู่ๆ เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏ เป็นหญิงสาวสวมชุดผาวดูหรูหรากำลังเดินเข้ามาในห้องโถง
“อู๋โยว มาแล้วเหรอลูก”
พอเห็นหญิงสาว นายหญิงตระกูลเนี่ยก็ยิ้มแล้วให้หญิงสาวนั่งลงข้างกายตัวเอง
เยี่ยหวันหวั่นลอบมองพิจารณาหญิงสาวข้างกายนายหญิงตระกูลเนี่ย ผู้หญิงคนนี้ก็คือคุณหนูรองของตระกูลเนี่ย น้องาวของเนี่ยอู๋หมิง แล้วก็เป็นแม่ของถังถัง…
ตอนนั้นที่เธออยู่ในบ้านของอี้สุ่ยหาน อี้สุ่ยหานบอกเธอว่าถังถังเป็นลูกศิษย์น้อยของเขา แล้วก็ไหว้วานให้เธอตรวจสอบว่าเนี่ยอู๋โยวคนนี้เป็นแม่แท้ๆ ของถังถังรึเปล่า
————————————————————————————-
บทที่ 1510 เลือดข้นกว่าน้ำ
แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับรู้สึกลำบากใจ แล้วจะตรวจสอบยังไงดีล่ะ…
“แม่คะ คุณคนนี้คือ…” สายตาของหญิงสาวจับจ้องมาที่เยี่ยหวันหวั่น แล้วก็หันไปถามนายหญิงตระกูลเนี่ย
“อู๋โยว เธอชื่อเยี่ยหวันหวั่น เป็นเพื่อนของพี่ชายลูก ตอนอยู่จีน พี่ชายลูกรบกวนหวันหวั่นให้ช่วยเลี้ยงถังถัง” นายหญิงตระกูลเนี่ยกล่าว
หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปจ้องพิจารณาเยี่ยหวันหวั่นอย่างละเอียด นัยน์ตาปรากฏแววเกลียดชังรางๆ จนแทบไม่สังเกตเห็น
“หึๆ…ที่แท้ก็คุณหนูหวันหวั่นนี่เอง…” หญิงสาวเก็บงำแววตาเกลียดชัง แล้วหันมายิ้มให้เยี่ยหวันหวั่น จากนั้นก็บอกว่า “คุณหนูหวันหวั่นเป็นคนจีนไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้มาอยู่ในที่อย่างรัฐอิสระได้ล่ะ…”
“เกี่ยวอะไรกับแกด้วย ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” เนี่ยอู๋หมิงมองหญิงสาวด้วยหางตา
“พี่ คุณหนูหวันหวั่นเป็นเพื่อนพี่ ฉันเป็นน้องสาวพี่ เพื่อนพี่มาตระกูลเนี่ย ฉันจะถามไถ่หน่อยก็เป็นเรื่องปกติรึเปล่า” หญิงสาวขมวดคิ้วแน่น
เนี่ยอู๋หมิงยังไม่ทันพูดอะไร หญิงสาวก็หันไปมองนายหญิงตระกูลเนี่ยอย่างน้อยใจ “แม่…พี่เค้าอคติอะไรกับหนูรึเปล่า…”
นายหญิงตระกูลเนี่ยถมึงตาใส่เนี่ยอู๋หมิงแรงๆ
ไม่เปิดโอกาสให้เนี่ยอู๋หมิงพูดอะไร หญิงสาวหันไปพูดกับเยี่ยหวันหวั่นว่า “คุณหนูหวันหวั่น…คุณเป็นเพื่อนพี่ชายฉัน ก็เหมือนเป็นเพื่อนของตระกูลเนี่ยเรา…ช่วงก่อนตอนอยู่จีนต้องขอบคุณคุณหนูหวันหวั่นมากที่ช่วยเลี้ยงถังถัง เด็กคนนั้นเอาใจยากมาก แล้วก็เลี้ยงยากด้วย…
ฉันที่เป็นแม่ของถังถังไม่ได้ทำหน้าที่แม่ให้ดี แล้วยังต้องรบกวนคุณหนูหวันหวั่นอีก ฉันรู้สึกผิดจริงๆ ค่ะ”
เยี่ยหวันหวั่นกล่าวเสียงเบา “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกับถังถังอยู่ร่วมกันได้ดี”
“ใช่ค่ะ…” หญิงสาวพยักหน้า “พอกลับมาอยู่บ้าน ถังถังก็คิดถึงคุณหนูหวันหวั่นมาก เพียงแต่…ยังไงฉันก็เป็นแม่ของถังถัง เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ต่อมาถังถังก็เข้าใจเรื่องนี้ เขารู้ว่าอะไรที่เรียกว่าสายเลือดเดียวกัน คนนอกยังไงก็เป็นคนนอก ไม่มีวันเทียบกับแม่ตัวเองได้ ตอนนี้ถังถังกับฉันอยู่ร่วมกันได้ดีมากเลยค่ะ…”
เยี่ยหวันหวั่นลอบขมวดคิ้วเมื่อได้ยินหญิงสาวกล่าวอย่างนั้น
คำพูดของเนี่ยอู๋โยวถึงจะอ้อมไปอ้อมมา แต่เยี่ยหวันหวั่นก็พอฟังออก
“หึๆ…ถ้าคุณหนูหวันหวั่นชอบเด็กก็คลอดสักสองสามคนสิคะ ลูกคนอื่น ถึงจะรักและเอ็นดูแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ว่าไหมคะ” หญิงสาวกล่าวอย่างมีความหมายแฝง
แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่ตอบอะไร
ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของถังถังจริง เธอไม่มีทางไปรบกวนเธอกับถังถังแน่นอน
แต่อี้สุ่ยหานกลับบอกว่าสงสัยตัวตนผู้หญิงคนนี้ บางที เธออาจไม่ใช่แม่แท้ๆ ของถังถัง แต่เป็นตัวปลอม…
เยี่ยหวันหวั่นเองก็สงสัย มีแม่ที่ไหนจำลูกสาวตัวเองไม่ได้บ้าง นายหญิงตระกูลเนี่ยจะดูไม่ออกเชียวเหรอว่าเนี่ยอู่โยวเป็นตัวปลอม ถ้าบอกว่าเนี่ยอู๋หมิงจำน้องสาวตัวเองไม่ได้ เธอก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกมาก
เพียงแต่เยี่ยหวันหวั่นกลับรู้สึกเชื่อใจอี้สุ่ยหานอย่างบอกไม่ถูก
เรื่องเกี่ยวพันกับทั้งชีวิตของถังถัง บวกกับเธอและเนี่ยอู๋หมิงร่วมเป็นร่วมตายกันมาเยอะ ถ้าเธอไม่ตรวจสอบให้รู้เรื่อง…
แน่นอนว่าถ้าพิสูจน์ได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือเนี่ยอู๋โยวจริงๆ ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดี
“คุณหนูอู๋โยวพูดถูกค่ะ เพียงแต่…ฉันเคยรับปากถังถังว่าจะมาเยี่ยมเขาที่รัฐอิสระให้ได้” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
หญิงสาวไม่ทันพูดอะไร เนี่ยอู๋หมิงกลับบอกว่า “ฉันพาเพื่อนฉันมาเที่ยวบ้าน เธอมีปัญหาอะไรรึไง?”
หญิงสาวมองเนี่ยอู๋หมิง “มาในฐานะแขกก็ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ แต่พี่ใหญ่ก็ต้องรู้จักแยกแยะเรื่องราวแล้วก็เวลาบ้าง ถ้าเป็นคนอื่น ฉันก็ยินดีต้อนรับอยู่แล้ว แต่ความสัมพันธ์ของคุณหนูหวันหวั่นกับถังถังค่อนข้างพิเศษ อีกอย่าง ถังถังไม่ได้อยากเจอคุณหนูหวันหวั่นคนนี้ซักนิด”