เฉินโม่หันมามองเขา พูดออกมาอย่างเฉยเมย “หากนายยังพูดจาไร้สาระแบบนี้อยู่อีก ฉันรับประกันได้ว่าจะทำให้นายนอนอยู่บนเตียงไปทั้งชีวิต”

“นาย……” เฉินควางจ้องไปที่เฉินโม่ แต่เมื่อเขาเห็นดวงตาที่ไร้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึกของเฉินโม่ เขารู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ

“ฮึ่ม !” เฉินควางพ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น ถอยกลับไปพร้อมใบหน้าแห่งความโกรธ

กลับมายังตำแหน่งของตนเอง เฉินควางไม่ยอมแพ้ จ้องมองไปยังเฉินโม่ด้วยสีหน้าอันดุร้าย “ไอ้สวะ ฉันไม่มีทางยอมแพ้จนกว่าจะทำลายชื่อเสียงของนายให้พังพินาศ !”

เฉินควางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จากนั้นก็เดินไปรวมกับกลุ่มคนรุ่นหลังของตระกูลเฉิน ได้ยินพวกเขาพูดถึงเย่เฟยเออร์ออกมาพอดี อิจฉาในความโชคดีของเฉินเหล่ย

เฉินควางยิ้มออกมา “ทุกท่าน พวกเราเข้าไปคุยกับพี่เหล่ยกันหน่อยดีไหม ? การทดสอบเมื่อวาน เขาถูกเจ้าสวะเฉินโม่นั้นแย่งตำแหน่งผู้ชนะไป วันนี้เป็นโอกาสดีที่จะใช้อำนาจของคุณหนูเย่ในการสยบเฉินโม่ ทำให้เจ้าสวะนั่นไม่ดีใจจนเกินตัว !”

“ถือเป็นความคิดที่ดี ไปกันเถอะ !”

เหล่าคนรุ่นหลังของตระกูลเฉินเข้าใจผิดในตัวของเฉินโม่อย่างลึกซึ้ง เมื่อได้ยินว่าจะจัดการกับเฉินโม่ พวกเขาก็ตอบตกลงทันทีโดยไม่จำเป็นต้องคิดอะไร

พวกเขาฉวยโอกาสตอนที่เหล่าคนใหญ่คนโตกำลังพูดคุยกัน เดินมาทางที่เฉินเหล่ยอยู่

เฉินเหล่ยมองมาที่ทุกคน ถามออกมาว่า “เหล่าพี่น้องทั้งหลาย พวกนายมาทำอะไร ?”

เฉินควางตอบกลับไปทันทีว่า “พี่เหล่ย เมื่อวานนี้เจ้าสวะเฉินโม่มันใช้วิธีสกปรก แย่งตำแหน่งผู้ชนะที่ควรจะเป็นของพี่ไป วันนี้พี่สะใภ้เฟยเออร์บังเอิญมาที่นี่พอดี พี่สามารถใช้โอกาสนี้ในการแก้เผ็ดเฉินโม่ ทำให้เขาเข้าใจว่าคนที่ไม่มีรากฐาน ไม่สามารถมีตัวตนอยู่ในตระกูลเฉินได้ !”

“ใช่ พี่เหล่ย นี่เป็นโอกาสที่ดีอย่างแท้จริง !” รุ่นน้องอีกคนหนึ่งของตระกูลเฉินพูดออกมา

เฉินเหล่ยมองมาที่เย่เฟยเออร์ เย่เฟยเออร์เองก็มองมาที่เขา

เฉินเหล่ยพูดออกมาว่า “ฉันจะใช้ประโยชน์จากเฟยเออร์ไปทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไง ? ในใจของฉัน เฟยเออร์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด !”

เฉินกั๋วเหลียงรู้สึกหวั่นไหวจากส่วนลึกของหัวใจ น้ำตาของเธอซึมออกมา “พี่เหล่ย ฉันคิดว่าที่พวกเขาพูดมามันก็มีเหตุผล ควรจะให้บทเรียนกับเจ้านั่นสักหน่อย อย่าให้ใครมาดูถูกพี่เหล่ยได้ !”

“เฟยเออร์ เธอคิดอย่างนั้นจริงเหรอ ?” เฉินเหล่ยถามออกมาด้วยความตื่นเต้น

“อือ” เย่เฟยเออร์พยักหน้า

แววตาของเฉินเหล่ยเปล่งประกายด้วยแสงอันแหลมคม พยักหน้าและพูดออกมาว่า “ดี งั้นฉันจะมอบบทเรียนให้กับเขา !”

พูดจบเฉินเหล่ยก็จูงมือเล็ก ๆ ของเฉินกั๋วเหลียงเดินออกมา

การเคลื่อนไหวของเฉินเหล่ยดึงดูดสายตาของเหล่าผู้ใหญ่ที่กำลังพูดคุยกัน

เฉินกั๋วเหลียงและคนอื่น ๆ หยุดการสนทนาลง ทุกคนมองมาที่เฉินเหล่ย ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร

เฉินเหล่ยพาเฉินกั๋วเหลียงเดินมาหาเฉินจิงเย่และภรรยาของเขา ประสานมือและพูดกับเฉินจิงเย่ว่า “คุณลุง ก่อนอื่นต้องขอโทษเรื่องที่ลูกน้องของผมไปทำให้คุณลุงขุ่นเคือง หลานต้องขอประทานอภัยไว้ ณ ที่นี้ !”

สีหน้าของเฉินจิงเย่ดูอึดอัดเล็กน้อย แม้เฉินเหล่ยจะแสดงออกให้เห็นว่าเขากำลังขอโทษ แต่หากข่าวเรื่องที่เขาถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขวางไม่ให้เขาออกมาจากบ้านของตัวเองเป็นที่รู้กันในห้องโถงแห่งนี้ แบบนั้นเขาคงถูกเยาะเย้ยอย่างแน่นอน

เห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำที่จงใจของเฉินเหล่ย

หลี่ซู่เฟินพ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น หันหน้าหนี หากไม่ได้อยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสทั้งสาม ด้วยอารมณ์ของเธอในตอนนี้ เกรงว่าคงจะระเบิดออกมาแล้ว

เฉินจิงเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้เฉินเหล่ยจะมีเจตนาไม่ดี แต่เขาก็เป็นผู้อาวุโส ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากผู้น้อยมาขอโทษผู้อาวุโส หากเขาไม่แสดงความเอื้ออาทรสักนิด เขาจะถูกผู้อื่นวิพากษ์วิจารณ์อย่างแน่นอน

“หลานชาย ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป” เฉินจิงเย่ยิ้มและพูดออกมา

ในห้องโถง มีคนเริ่มกระซิบออกมาแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมเฉินเหล่ยต้องไปขอโทษเฉินจิงเย่ด้วย ?”

“นี่ นายไม่รู้หรือไง ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เฉินจิงเย่กลับมา ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยขวางเอาไว้ด้านนอก เฉินเหล่ยเป็นคนดูแลเรื่องพนักงานรักษาความปลอดภัย แน่นอนพนักงานรักษาความปลอดภัยเหล่านั้นเป็นลูกน้องของเฉินเหล่ย แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นมาตั้งหลายวันแล้ว เฉินเหล่ยกลับเลือกที่จะมาขอโทษต่อหน้าทุกคนในวันนี้ นี่มันหมายความว่าอย่างไร ?”

“เธอบอกว่า……เฉินเหล่ยจงใจอย่างนั้นเหรอ ?”

“เรื่องนี้ยังต้องถามอีกเหรอ ?”

เฉินตงหวาค่อย ๆ ขยับเข้าไปหาเฉินตงเยว่เงียบ ๆ พูดออกมาอย่างแผ่วเบา “เฉินเหล่ย เจ้าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ สามารถคิดวิธีรุกโดยการใช้ความอ่อนน้อมถ่อมตน แม้แต่ฉันยังรู้สึกนับถือเขา !”