เสี่ยวเฟิงถอดสร้อยเขี้ยวหมาป่าแล้วใส่สร้อยจักรวาลนั่น พลังชีวิตและมานาของเขาเพิ่มขึ้นมา 50 รวมแล้วตอนนี้เป็น 350 เขามีพลังชีวิตมากกว่านักรบโล่ที่เก่งที่สุดในตอนนี้เสียอีก

ติงติงเองก็ยังไม่มีสร้อยคอ เธอจึงสวมสร้อยเขี้ยวหมาป่านั่นไป

สร้อยคอนั้นเป็นอุปกรณ์ที่มีค่ามาก ดังนั้นเธอจึงไม่ลังเลที่จะสวมมัน

“กับดักเถาวัลย์!”

ติงติงใช้สกิลใหม่ของเธอทำให้ต้นหญ้ามากมายผุดขึ้นมาจากพื้นเพื่อรัดศัตรูที่ผ่านไปมา

นี่เป็นสกิลระยะไกลที่จะเพิ่มระยะเวลาการรัดศัตรูมากขึ้นตามเลเวล ซึ่งนับเป็นสกิลที่ดีแม้ว่าจะไม่ได้ทำความเสียหายก็ตาม

เพราะทั้งสองยังอยู่ในทีมเดียวกันกับคนอื่น ระบบแจ้งเตือนจึงเด้งขึ้นมาบอกให้ทุกคนที่ยังอยู่ว่าบอสชอมป์เปอร์ตัวนี้ตายไปแล้ว หลายๆคนจึงทักพวกเขาไปถึงตำแหน่งรวมไปถึงพยายามจะเอาของดรอปด้วย

ติงติงปิดหน้าจอแชทไปหลังจากที่สบถคำด่าทอลงไปในนั้น

ที่นี่ไม่มีพิกัดให้ ดังนั้นพวกที่เหลือจึงต้องหาทางมากันเอง

“ท่านเสี่ยว! ฉันมีเพื่อนอยากจะแนะนำให้รู้จัก!”

ติงติงตื่นเต้นหลังจากที่จัดการบอสตัวนี้ลงไปได้แล้วจึงคุยกับเพื่อนของเธอ เสี่ยวเฟิงไม่ได้สนใจเธอมากนักแต่ก็ได้ยินคำพูดว่า ‘จริงอ่ะ’ ‘น่ากลัว’ หรือแม้แต่ ‘สุดยอดไปเลย’

หลังจากคุยกันจบติงติงก็พูดกับเสี่ยวเฟิงถึงเรื่องที่อยากทำต่อจากนี้

“ไปกันเถอะ รีบทำเควสนี้ให้จบก่อนที่จะได้ไปเก็บเวล”

เสี่ยวเฟิงส่ายหัว เพราะว่าตอนนี้มีคนที่มีเลเวล 15 มากแล้ว เขาอาจจะถูกพวกนั้นล้มตำแหน่งได้ ซิเหมินเองก็ตามมาทันแล้วซึ่งนั่นทำให้เขาค่อนข้างโมโหอยู่

“โอเค! ตั้งทีมแล้วไปเก็บเลเวลกันเถอะ!” ติงติงตอบรับด้วยความมั่นใจ ทว่าเธอก็ตะลึงกับพื้นดินตรงหน้าเธอ

“มีศพมอนสเตอร์เต็มไปหมดเลย! มีผู้เล่นคนออื่นด้วยเหรอ?”

เสี่ยวเฟิงสังเกตเห็นร่างทหารกระดูกมากมายบนพื้น มันน่าแปลกมาก แถมยังเก็บเงินไปจนหมดเหลือแค่ไวท์บอร์ดไว้เท่านั้น

ตามปกติแล้วระบบจะต้องจัดการร่างและอุปกรณ์เหล่านี้เมื่อผ่านไประยะนึง นั่นหมายความว่ามีผู้เล่นอื่นเมื่อ 10 นาทีที่แล้วนี้

“พวกเราหลงทางงั้นเหรอ? หรือว่าพวกนั้นตามเรามาได้”

ติงติงสงสัยสุดๆ

ที่นี่เป็นแผนที่พิเศษไม่มีพิกัดบอกและผู้เล่นทุกคนไม่สามารถตามหาตำแหน่งของกันและกันได้

“ฉันไม่คิดงั้น พวกเราเดินกันเป็นเส้นตรงและไม่น่าจะเจอกับพวกนั้นได้หรอก น่าจะเป็นผู้เล่นคนอื่นที่รับเควสนี้แหละ” เสี่ยวเฟิงส่ายหัว

“นายพูดถูก อาจจะมีทีมอื่นที่ทำเควสนี้เหมือนกันก็ได้”

“ไปกันเถอะ พวกเราจะได้ตามพวกเขาได้ทัน ถ้ามีผู้เล่นเก่งๆก็จะได้ขอร่วมทีมได้ด้วย”

ติงติงใส่หน้ากากกลับไปเหมือนเดิม เสี่ยวเฟิงเองก็เช่นกัน แม้ว่าจะมีปัญหานิดหน่อยแต่เขาก็ไม่ใส่มันตอนไลฟ์สดเกมนี้ แต่ก็จำเป็นต้องใส่มันในเกม

พวกซากมอนสเตอร์ทั้งหลายเรียงรายไปตามถนน ยิ่งพวกเขาเดินลึกไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเจอมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังมีมอนสเตอร์กระจอกๆโผล่มาให้พวกเขาจัดการเล่นๆด้วย

มีคนถางทางให้พวกเขาแล้ว ทั้งสองจึงเดินไปอย่างไม่ยากลำบากนัก

“ชิ! เควสนี้มันยากจังโว้ย!”

จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงๆนึงดังขึ้น แล้วก็พบกับทีมผู้เล่น 5 คนหลังจากที่ออกมาจากป่า

“ดูนั่น มีคนข้างหลังนาย!”

เมื่อเสี่ยวเฟิงและติงติงเดินออกมา ทั้ง 5 คนต่างก็ตะลึงและหวาดกลัวพร้อมๆกันจนเกือบจะเข้าสู่โหมดเข้าปะทะกันแล้ว แต่ก็ต้องโล่งใจเมื่อรู้ว่าทั้งสองคนนี้คือผู้เล่นด้วยกันเอง

“เฮ้ พวกนายมาทำเควสเหมือนกันเหรอ?”

หัวหน้ากลุ่มที่เป้นนักเวทย์ถาม

“ใช่”

เสี่ยวเฟิงตอบพวกเขาแต่ก็ยังทิ้งระยะห่างอยู่ เพราะทั้งห้าคนยังไม่ปลดโหมดปะทะออก พวกเขาจึงมีสิทธิ์ถูกรุมฆ่าแล้วชิงของไปได้ทุกเมื่อ

“ยอมแพ้ไปเถอะ เควสนี้แม่งยากเกินไป”

นักเวทย์ส่ายหัวพร้อมพูด้วยความเศร้าหมอง

“เกิดอะไรขึ้น? ฉันว่าระบบไม่น่าจะให้เควสยากเกินตัวแบบนี้หรอก”

ติงติงรู้สึกสับสน

“ตรงกลางป่านั่นมีหมอกสีดำอยู่ พวกนายไปไม่ได้หรอก” นักรบคนนึงพูด

“หมอกดำ? แล้วทำไมถึงผ่านยไปไม่ได้ล่ะ? มันมืดเกินไปเหรอทำไมถึงไม่ใช่ไฟฉายล่ะ?” ติงติงถามอีกครั้ง

“ไม่ใช่ พวกเราหาทางไปต่อได้ แต่หมอกพวกนั้นมันทำความเสียหายและลดพลังชีวิตพวกนายไปเรื่อยๆ ไม่มีเวลาใช้โพชั่นหรอก” นักรบพูด

“อ้อมไปได้ไหม?”

ติงติงถามจนเริ่มรู้สึกแล้วว่าเธอน่าจะไม่ใช่ผู้เล่นมากประสบการณ์แน่ๆ

“พวกเราลองหลายทางแล้ว แต่ทุกที่ในดินแดนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกดำทั้งนั้น”

จากนั้นนักเวทย์ก็พูด “พวกเราพยายามแล้ว เพื่อนของเราที่เป็นพระเองก็ตายไปเพราะเรื่องนี้แหละ ถูกส่งไปเกิดใหม่ที่เมืองหลักห่างออกไป 200 ไมล์ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารัศมีของหมอกนี้มันกว้างแค่ไหน”

“อย่าเสียเวลาเลย เควสนี้มันทำไม่สำเร็จหรอก ยอมแพ้แล้วไปทำเควสอื่นดีกว่า” นักรบพูดพร้อมส่ายหัว

“ไปกันเถอะ”

จากนั้นนักเวทย์ก็บอกให้เพื่อนร่วมทีมของพวกเขาหนีออกจากที่นี่กัน พวกเขาทิ้งเสี่ยวเฟิงและติงติงเอาไว้

หญิงสาวขมวดคิ้วและจมดิ่งอยู่ในความคิด ทันทีที่พวก 5 คนนั้นหายเข้าไปในพงหญ้า ก็มีใครบางคนพุ่งเข้ามาหาเสี่ยวเฟิงจากด้านหลังแล้วก็ใช้มีดแทงใส่หัวของเขา มันคือสกิลหนึ่งของสายอาชีพนักฆ่า เป้าหมายที่โดนจะติดสถานะมึนงงนานพอสมควร!

มีนักฆ่าซ่อนตัวรอเสี่ยวเฟิงอยู่!

พวกนักรบที่เดินจากไปแล้วก็พุ่งกลับมาใช้สกิลของนักรบโล่ใส่เสี่ยวเฟิงอีกคน

ชัดเจนเลยว่านี่เป็นการซุ่มโจมตี! เสี่ยวเฟิงคือเป้าหมายของพวกมัน เป็นที่รู้กันดีว่าอาชีพพระนั้นคือเป้าหมายหลักๆในการ PVP

อีกสี่คนที่เหลือเองก็เช่นกัน นักธนูสองคนเล็งยิงใส่เสี่ยวเฟิงและนักเวทย์ก็เริ่มร่ายมนต์ นักรบเองก็พุ่งเข้าไปหาติงติงด้วยดาบของเขา

เขาต้องการตัดกำลังติงติงเพื่อไม่ให้เธอหนี และเมื่อพวกเขาจัดการเสี่ยวเฟิงเสร็จเมื่อไหร่ก็จะได้ฆ่าเธอทันที

พวกเขาคิดว่าการซุ่มครั้งนี้จะเป็นผลสำเร็จ พวกพระและนักธนูเป็นเป้าหมายง่ายๆและคิดว่าทั้งสองคนนี้จะถูกจัดการได้อย่างรวดเร็ว

“พวกแกกล้าที่จะทำเควสนี้โดยที่ไม่มีทีมด้วย แสดงว่าไอเทมต้องดีมากๆเลยสินะ! ไหนเอาของพวกแกมาดูหน่อยซิ!”

นักเวทย์หัวเราะใส่เสี่ยวเฟิงและติงติง เขามั่นใจมาก

ทว่า วินาทีต่อมาเขาก็ต้องตะลึง

“เฮ้ คุณกำลังถูกเพ่งเล็งด้วยสกิลของผู้เล่น อบิสเอมเพอเรอร์ และด้วยโหมดปะทะเปิดอยู่ สกิลไอเทมและคัมภีร์วาร์ปจะถูกปิด…”

“เฮ้ ผู้เล่น พาสไทม์ โจมตีคุณ คุณสามารถโจมตีเขากลับได้แล้ว”

“เฮ้ ผู้เล่น ฟิลโลวซัฟเฟอเรอร์ โจมตีใส่คุณ คุณสามารถโจมตีเขากลับได้แล้ว”

เสี่ยวเฟิงได้ยินระบบดังขึ้นมากมาย แม้ว่ามันจะยังไม่ถึงตัวเขาก็ตาม

ทว่า ชายหนุ่มก็ยังคงสงบสติได้ดี เพราะเขาคิดไว้อยู่แล้ว ชายหนุ่มเอียงหัวไปเล็กน้อยเพื่อหลบการโจมตีของนักฆ่าที่มาจากด้านหลัง

“พลาด!”

นักฆ่าตะลึงเมื่อเห็นแสงทั้งสองปรากฎอยู่บนหัวของเสี่ยวเฟิง เขาร่าย อวยพรชีวิต ให้ติงติงเพื่อเพิ่มพลังชีวิต 165 กับเธอ

“-1”

ในจังหวะเดียวกัน นักรบโล่ที่เข้าโจมตีเสี่ยวเฟิงเองก็ตะลึงเพราะว่าความเสียหายที่เขาทำนั้นน้อยนิดแถมยังไม่ติดสตั๊นเลยด้วย

ดูเหมือนว่าเสี่ยวเฟิงเอียงตัวหลบการโจมตีทั้งหมดไปได้ พวกนักธนูที่ยิงศรน้ำแข็งมาหาเขาก็พลาดด้วยเช่นกัน

แต่ชู้ตเตอร์คนที่เหลือยังยิงโดนหน้าอกของเสี่ยวเฟิง พร้อมกับตัวเลขความเสียหายที่ปรากฎขึ้น

“-21”

นั่นคือศรติดตาม เป็นสกิลของชู้ตเตอร์เลเวล 15 และมีความแม่นยำเกือบ 100% นั่นหมายความว่าเขาจะต้องมีเลเวล 15 แน่ๆ และเป็นคนที่เก่งที่สุดในทีม เขาไม่ได้พูดอะไรในตอนนั้นและมันทำให้เสี่ยวเฟิงไม่คิดถึงจุดๆนี้

เสี่ยวเฟิงที่เชี่ยวชาญด้านป้องกันอยู่แล้ว เขาเสียพลังชีวิตไปนิดเดียวเท่านั้น

ชู้ตเตอร์เองก็ตะลึงไม่ต่างกัน เขารู้ว่าตัวเองมีพลังโจมตีที่สูงพอสมควร แต่การทที่ความเสียหายมันขึ้นน้อยแบบนี้มันไม่ต่างอะไรกับการยิงบอสเลย เขามองไปที่พลังชีวิตของเสี่ยวเฟิงหลังจากที่ถูกโจมตีไปแล้ว

เขามีพลังชีวิตมากกว่า 390!

ชู้ตเตอร์จ้องชายหนุ่มด้วยความตะลึง ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม นี่มันนักรบโล่ถือคทารึไงวะ? ทำไมถึงได้มีพลังชีวิตเยอะแบบนี้? แล้วทำไมถึงมีพลังป้องกันเยอะโคตรๆเลยล่ะ?

จากนั้นเสี่ยวเฟิงก็ซัดพวกเขากลับไป

ค้อนยักษ์สีทองปรากฎบนมือของเสี่ยวเฟิง และเขาก็หวดมันใส่นักรบโล่กับนักฆ่า