“เชี่ย!”
ฮานเฟิงเองก็เห็นเสี่ยวเฟิงได้จากระยะไกลและชุดที่ไม่เคยเปลี่ยนของเขา
เขารีบหาทางหนีจากที่นี่ทันที เพราะรู้ตัวดีว่าเขาไม่สามารถสู้กับเสี่ยวเฟิงได้แน่ ซ้ำร้ายชื่อของเขายังขึ้นเป็นสีแดงอีก นั่นหมายความว่าหากเขาถูกฆ่าไอเทมมากมายจะต้องตกลงมาแน่ๆ
ทว่า ฮานเฟิงก็ไม่สามารถหนีความเร็วของเสี่ยสุยได้และถูกจับตัวไว้ภายในเวลาไม่เกิน 1 นาที ยิ่งอยู่ใกล้กับหมอกนี่แล้วเขาหมดทางหนีโดยสิ้นเชิง
“อย่าเข้ามานะโว้ย กูไม่ใช่คนที่ใครจะหาเรื่องได้ง่ายๆนะ”
ฮานเฟิงถอยหลังไปหนึ่งก้าวจนเกือบจะเข้าไปในเขตหมอกแล้ว
“อย่ากลัวไปเลย ฉันเป็นพระนะ ฉันไม่นิยมความรุนแรงหรอก” เสี่ยวเฟิงยิ้มอย่างสดใสออกมา
“แล้วจะขวางทางกูทำไมวะ? กูไม่ได้ยุ่งกับสมาพันธ์ของมึงแล้วนี่ ต่างคนต่างไปสิวะ”
“ฉันมาขอร้องนาย” เสี่ยวเฟิงไม่ได้คิดจะทำอะไรเขาอยู่แล้ว และเขาสนใจในชื่อสีแดงบนหัวของหมอนี่ด้วย
การมีชื่อสีแดงนั้นไม่ใช่เรื่องตลก เพราะนั่นหมายความว่าหากเขาตายจะต้องได้รับโทษสองเท่าและต้องสูญเสียไอเทมสวมใส่บางอย่างไป ซึ่งตัวฮานเฟิงเองก็ไม่ชอบแน่ๆ
“ขออะไรวะ?”
“นายวิ่งได้เร็วดี เพราะฉะนั้นไปวิ่งดูเงื่อนไขของหมอกนี่ให้หน่อย” เสี่ยวเฟิงบอก
“อะไรนะ! มึงจะให้กูไปตายเหรอ? ไม่เอาเว้ย!” ฮานเฟิงตะโกนออกมา เขารู้ตัวว่าต้องตายแน่ๆหากเข้าไปในหมอกนี่
“นายทำให้ฉันไม่มีทางเลือกเองนะ” ชายหนุ่มส่ายหัวแล้วชักโทเทมออกมาพร้อมกับบัฟตัวเองเต็มที่
“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน!”
ฮานเฟิงโบกไม้โบกมือเป็นเชิงขอร้อง เขากลอกตาไปมาแล้วรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเลือกมากแล้ว บางทีถ้าเขาลองเสี่ยงโชคดูก็อาจจะรอดอยู่บ้าง
เพราะถ้าเขาสู้กับเสี่ยวเฟิงรับรองตายแน่ๆ
“แม่งเอ้ย! เอาตามนั้นก็ได้วะ!”
ฮานเฟิงกัดฟันและหมุนตัวกลับไปด้วยความหงุดหงิด เมื่อเขาเข้าไปข้างในก็พบกับตัวเลขความเสียหายที่ลอยขึ้นมาแถมยังโดนปิดด้วยหมอกสีดำอีก
“อะไรน่ะ?”
ติงติงถามเสี่ยวเฟิงทันทีที่มาถึง
“ไม่มีอะไรหรอก”
ชายหนุ่มส่ายหัวและมองไปรอบๆหมอกนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าฮานเฟิงไม่ได้หาทางออกมาจากหมอกด้วยทางใดทางนึง
“มีไอเดียอะไรดีๆบ้างไหม?” หญิงสาวถามต่อโดยเมินเรื่องเมื่อกี้ไป
“ดูเหมือนว่าต้องเข้าไปข้างในนั้น”
เสี่ยวเฟิงส่ายหัวและจ้องเข้าไปในนั้น ซึ่งยังไม่มีแสงขาวขึ้นมานั่นหมายความว่าฮานเฟิงยังไม่ตาย
เขาสามารถร่ายสกิลเพื่อปกป้องตัวเองแล้วเข้าไปข้างในนั้นก็ได้ แต่ถ้าเกิดว่ามันยากแบบนั้นก็คงไม่มีใครคนอื่นทำได้นอกจากเขาแล้วล่ะ
“ถ้านี่เป็นทางเลือกเดียว ให้ฉันลองดูไหมล่ะ ฮันเตอร์น่ะมีความเร็วกว่านายแน่ ถึงจะฝ่าเข้าไปไม่ได้ด้วยสัตว์เลี้ยงก็เถอะ” ติงติงเตรียมโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตมาพร้อม
สัตว์ขี่ระดับสูงใช้ได้ในการต่อสู้ก็จริง แต่ไม่ใช่กับหมอกแห่งสงครามที่บังคับห้ามใช้สัตว์ขี่ ไม่งั้นเสี่ยวเฟิงน่าจะเข้าไปถึงใจกลางได้ด้วยเสี่ยวสุยแล้ว
“ไม่ล่ะ ฉันไปเองดีกว่า ฉันน่าจะเอาตัวรอดได้ดีกว่าด้วยสกิลฮีลลิ่ง”
แน่นอนว่าเขาไม่ให้เธอเข้าไปแน่ๆ เพราะเขาอาจจะมีความเร็วที่มากกว่าแถมยังฟื้นฟูตัวเองได้ด้วยสกิลฮีลอีก
“โอเค งั้นฉันจะรอนายอยู่ตรงนี้” ติงติงครุ่นคิดก่อนที่จะเห็นด้วยกับเขา
“งั้นระวังตัวด้วย” เสี่ยวเฟิงพยักหน้าและย้ำเตือนเธอให้ระวังถึงพวกผู้เล่นน่ากลัวที่อาจจะเจอแบบเมื่อกี้ เขากลัวว่าติงติงน่าจะโดนเล็งฆ่าตอนอยู่คนเดียวแน่ๆ
“อย่าห่วงน่า ฉันไม่โดนกินง่ายแบบนั้นหรอก”
ติงติงทุบอกตัวเองเบาๆและวางกับดักไว้รอบๆตัวเธอ แถมยังมีสัตว์ขี่ขั้นสูงอีก ถ้ามีปัญหาเธอก็น่าจะขี่มันหนีไปแล้ว
เสี่ยวเฟิงเดินเข้าไปข้างในหมอกสีดำนี้ เขามองไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแล้วก็ปรากฎตัวเลขความเสียหายขึ้นมาเรื่อยๆ
“เฮ้ คุณได้รับสถานะผิดปกติจากหมอกแห่งสงคราม พลังชีวิตจะลดลง 1% ต่อวินาที”
“เฮ้ พลังชีวิตของคุณลดลงสองเท่าเพราะค่าความศักดิ์สิทธิ์ในตัวคุณ”
“-8”
“-8”
“-8”
…
ดูเหมือนว่าพลังชีวิตของเขาจะลดลงไปทีละน้อยก็จริง แต่หมอกก็กว้างมากจนแทบต้องใช้เวลาเป้นนาทีเพื่อที่จะผ่านมันไป ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งเจ็บ
และที่สำคัญที่สุด ครั้งสุดท้ายที่เขาทดสอบมา เสี่ยวเฟิงพบข้อด้อยสองข้อ หนึ่งก็คือมันมีมอนสเตอร์ระดับสูงมากมายซ่อนตัวอยู่แถมยังมีเลเวล 30 อีก และที่ซวยยิ่งกว่านั้นก็คือสถานะศักดิ์สิทธิ์ที่เขามีดันช่วยเพิ่มความเสียหายในตัวเขาอีก
นั่นหมายความว่าเขาโดนความเสียหายมากกว่าผู้เล่นทั่วไปนั่นเอง
ชายหนุ่มวิ่งอย่างรวดเร็วในหมอกนี่ และระมัดระวังทุกฝีก้าว
ทว่า เพียงไม่ถึง 30 วินาที พลังชีวิตของเสี่ยวเฟิงก็ลดลงไปกว่าครึ่งแล้ว
เสี่ยวเฟิงใช้โฮลี่ไลท์เพื่อฟื้นฟูชีวิตของเขากลับไปเต็มอีกครั้งพร้อมกับใช้โพชั่นมานาไปด้วย แล้วจึงเดินทางต่อ
ทุกๆ 30 วินาที เสี่ยวเฟิงเสียพลังชีวิตไป 240 หน่วย และในขณะเดียวกันเขาก็เพิ่มมันกลับไปด้วยสกิล 160 หน่วย ด้วยโพชั่นฟื้นฟูอีก 50 หน่วย พร้อมด้วยสร้อยคอที่เขาสวมอยู่ทำให้รวมๆแล้วเขาเสียพลังชีวิต 40 หน่วยต่อนาทีเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นเสี่ยวเฟิงใช้คทารักษาเพื่อลดคูลดาวน์สกิลโฮลี่ไลท์ลงไป 3 วินาที นั่นหมายความว่าเขาสามารถใช้สกิลนี้ซ้ำได้อีกครั้ง ถ้าให้พูดก็คือ ทุกๆ 5 นาที ก็จะมีพลังชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีก 160 หน่วย
และด้วยพลังชีวิตที่สูงกว่า 390 หน่วยของเขา เสี่ยวเฟิงสามารถทนทานหมอกสีดำนี้ได้ 50 นาทีก่อนที่จะตาย
ถ้าหากพูดถึงสกิลอวยพรชีวิตล่ะก็ เสี่ยวเฟิงไม่อยากใช้มันเพราะมันจะทพให้เขาเสียพลังชีวิตมากกว่าเดิม
ยังไงก็ดี กลายเป็นว่าเสี่ยวเฟิงเองก็มองโลกในแง่ดีเหลือเกิน เขาคิดว่าแค่ 50 นาทีก็พอจะให้เขาเดินฝ่าหมอกนี่ได้แล้ว แต่ในความจริงนั้นเขาต้องฝ่าฝันดงมอนสเตอร์เก่งกาจมากมายที่กำลังไล่ตามเขาอยู่ด้วย
จนถึงตอนนี้แล้ว ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เขาสูญเสียพลังชีวิตไปเพียงแค่ 50 หน่วยเท่านั้น
“-8”
“-8”
“-8”
…
พลังชีวิตของเขากำลังจะหมดลงในอีก 7 วินาที และคูลดาวน์ของสกิลและไอเทมฟื้นฟูทุกอย่างยังไม่เสร็จดีด้วย
“-8”
“-8”
“-8”
…
แต่แล้วเลือดของเสี่ยวเฟิงก็หยุดลดลงที่ 1 หน่วย ในขณะที่ตัวเลขความเสียหายก็กลายเป็นสีน้ำเงินไปแล้ว
สกิลวัฎจักรชีวิตของต่างหูที่เขามีช่วยชีวิตเขาไว้ และเปลี่ยนค่ามานาให้แทนพลังชีวิตไปได้ ซึ่งถ้าเกิดว่าทั้งสองค่านี้หมดลงเขาจะต้องตายแน่ๆ
นี่ทำให้เสี่ยวเฟิงโล่งใจได้มากขึ้นกว่าเดิม ไอเทมระดับเทพเจ้าอันนี้ช่วยเขาไว้ได้มาก ตอนนี้เขาต้องใช้โพชั่นเพื่อฟื้นฟูเท่านั้น ทว่า สกิลนี้ก็ไม่ค่อยดีมากเท่าไหร่เพราะมันไม่สามารถฟื้นฟูพลังชีวิตของเขาให้เต็มได้
ยังไงก็ยังดี ด้วยสกิลของต่างหูนี่เขาสามารถใช้มานาและพลังชีวิตได้ทั้งหมด 300 หน่วยเพื่อยื้อชีวิตต่อไปได้
ทว่า ก็มีระบบแจ้งเตือนดังมาอีกครั้งที่ทำให้เขากังวลยิ่งกว่าเดิม
“เฮ้ คุณกำลังเข้าสู่ใจกลางของหมอกแห่งสงคราม พลังชีวิตของคุณลดลง 2% ต่อวินาที”
“เฮ้ พลังชีวิตของคุณลดลงสองเท่าเพราะค่าความศักดิ์สิทธิ์ในตัวคุณ”
“-16”
“-16”
“-16”
…
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่าค่าสถานะศักดิ์สิทธิ์เป็นผลเสียมากกว่าผลดี พลังชีวิตของเขาลดลงเร็วกว่าเดิมมาก
เสี่ยวเฟิงยังคงเงียบอยู่เช่นเดิมในตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวิ่งไปข้างหน้าเหมือนเดิมและได้แต่หวังว่าเขาจะออกจากหมอกนี้ได้ก่อนที่พลังชีวิตจะหมดลง
เขาวิ่งมาเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วและด้วยระบบที่แจ้งมานั้นบอกได้เลยว่าเขากำลังจะออกจากหมอกนี้ได้แล้ว
ทว่า ก่อนที่เขาจะออกจากหมอกนี้ได้ความมืดมิดก็เข้าปกคลุมเขาทั้งหมดก่อน พลังชีวิตและมานาของเขากลายเป็น 0 ไปแล้ว
“เฮ้ คุณไม่มีพลังชีวิตเหลืออยู่แล้ว คุณถูกฆ่า”
“เฮ้ สกิลร่างกายศักดิ์สิทธิ์ทำงาน คุณได้รับการชุบชีวิตกลับมาอีกครั้งและไม่ได้รับการลงโทษใดๆ คุณสามารถใช้สกิลนี้ได้ 1 ครั้งต่อวันและจะรีเซ็ทในอีก 24 ชั่วโมงต่อมา”
ในจังหวะที่พลังชีวิตและมานาของเขาหมดลง วินาทีต่อมามันก็ฟื้นกลับมาเต็มอีกครั้ง
เสี่ยวเฟิงวิ่งต่อไป เขาไม่คิดว่าจะต้องถูกฆ่าที่นี่แล้วใช้สกิลชุบชีวิตนี้ ถ้าเกิดว่าเขาออกไปจากที่นี่ได้และถูกฆ่า นั่นหมายความว่าเขาต้องถูกส่งกลับไปที่เมืองหลักแน่ๆ
ก่อนที่เขาจะไปไกลกว่านั้น ก็มีแสงส่องออกมาสว่างไสวไปทั่วทั้งหมอกนี้
“เฮ้ คุณพบเมืองแห่งความเศร้า! ค่าชื่อเสียง +100”