โจวอันขานรับและจากไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ก็ลุกขึ้น เดินออกมาอย่างเชื่องช้า พูดกำชับหวงฝู่อี้เซวียน “ระวังหน่อยนะ หลินฉงเหวินคิดแผนการใหญ่โตแบบนี้ น่าจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แน่นอน คำพูดของเจ้าเขาอาจจะไม่ฟังก็ได้”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า “ข้ารู้ ไม่เป็นไรหรอก ประเดี๋ยวก็กลับมา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาสาวเท้ายาวออกจากเรือนไป จึงหันหลังกลับเข้าไปในห้อง

 

 

 

 

ในจวนหลิน หลินฉงเหวินผู้ซึ่งอดีตเป็นคนกระฉับกระเฉงและฮึกเหิม ตอนนี้จิตใจกลับหม่นหมองเปราะบางกำลังยืนอยู่ในลานบ้าน กวาดตามองจอมยุทธ์จากทุกสารทิศที่เขารวบรวมมาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ด้วยเงินทองมากมาย เขาพูดสีหน้าเคร่งขรึมด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทุกท่าน เมื่อครู่นี้พูดไปชัดเจนหมดแล้ว เรื่องรางวัลตอบแทนเราก็ตกลงกันแล้ว ข้าไม่มีสิ่งปรารถนาอื่น ขอแค่ทุกท่านลงมืออย่างคล่องแคล่ว อย่าเก็บไว้แม้แต่ชีวิตเดียว”

 

 

ชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างกำยำแต่เสียงแหลมเหมือนผู้หญิง ถามด้วยสำเนียงเหนือว่า “นายท่านหลิน ถึงจะตกลงเรื่องรางวัลตอบแทนกันแล้ว แต่เรายังไม่เห็นเงินทองเลย ตามสัญญาแล้ว ท่านต้องจ่ายมัดจำส่วนหนึ่งก่อนมิใช่หรือขอรับ”

 

 

“เรื่องนี้วางใจได้” หลินฉงเหวินนำตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมา ตบบนฝ่ามืออีกข้างของตนสองสามที “นี่คือตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึง ทุกท่านเอาไปก่อน ส่วนที่เหลือ เมื่อทำงานสำเร็จแล้ว ก็ส่งคนมารับไปได้เลย”

 

 

ชายอีกคนเดินขึ้นไปรับตั๋วเงินมา ตรวจดูอย่างละเอียดแล้วพยักหน้า “นายท่านหลินเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้ พวกเราจะไม่อืดอาดยืดยาดแน่นอน ท่านรอฟังข่าวดีจากพวกเราเถอะ อย่างช้าสุดสามวัน เราจะส่งคนมารับตั๋วเงินที่เหลือ”

 

 

หลินฉงเหวินพยักหน้า สายตาเผยความอำมหิต ตลอดชีวิตของเขา จากคนธรรมดาคนหนึ่งปีนไต่จนเป็นราชเลขาได้ ต้องมีความขยันหมั่นเพียรกว่าคนอื่นเป็นร้อยเป็นพันเท่า วันนี้กลับตกหลุมพรางของหัวหน้าตระกูลเล็กๆ คนหนึ่งและเศรษฐีบ้านนอก จนตำแหน่งลดลงไปสามขั้น กลายเป็นที่เย้ยหยันของลูกน้องตน และยังเป็นเรื่องเล่าสนุกปากในจิ่วโหลวของคนในเมืองหลวงด้วย หากแค้นนี้ไม่ได้ชำระ เขาคงอัดอั้นตันใจจนตายแน่ๆ

 

 

งานของคนเหล่านี้คือการฆ่าคนเพื่อหาเงิน ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาในจวนก็ส่งคนสนิทไปเฝ้าประตูไว้แล้ว เพื่อป้องกันสิ่งผิดปกติ จนถึงตอนนี้คนสนิทก็ยังไม่ได้กลับมา แสดงว่าข้างนอกปลอดภัยดี หลินฉงเหวินจึงมองทุกคนเดินออกไปอย่างสบายใจ

 

 

เมื่อเขาหันหลังกลับ กำลังจะเดินเข้าไปในห้อง ก็ได้ยินเสียงของหนักตกลงพื้นจากข้างหลัง เขาจึงหันหลังกลับ เห็นกลุ่มคนที่เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้ถูกโยนลงบนพื้นหมด

 

 

หลิงฉงเหวินตกใจ โวยวายว่า “ใครกัน ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”

 

 

องครักษ์ลับทั้งสิบนายบุกเข้ามา ยืนเรียงทั้งสองฟาก หวงฝู่อี้เซวียนเดินตามหลังเข้ามาอย่างไม่รีบไม่ร้อน

 

 

เมื่อหลินฉงเหวินเห็นรังสีแห่งความดุดันราวกับจะฉีกคนเป็นชิ้นๆ ของเขา หลินฉงเหวินก็ตกใจ ก้าวถอยหลังทันที แล้วถามด้วยความตกใจว่า “หวงฝู่อี้เซวียน เจ้าจะทำอะไร”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกวาดตามองทุกคนที่นอนเกลื่อน และไม่กล้าร้องเสียงดังบนพื้น แล้วหันไปมองหลินฉงเหวินที่กำลังอึ้งอยู่ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หลินฉงเหวิน เจ้าเป็นถึงขุนนางในวัง แต่ร่วมวางแผนการกับคนมากมาย ต้องการกระทำการอันใดกันแน่”

 

 

“ข้า…” หลินฉงเหวินตอบไม่ได้

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเดินขึ้นหน้าไปก้าวหนึ่ง

 

 

หลินฉงเหวินตกใจจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “เจ้า เจ้า เจ้าอย่าเข้ามานะ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนแสยะยิ้ม ถามเสียงเรียบว่า “หลินจ้งล่ะ ให้เข้าไสหัวออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้”

 

 

“จ้งเอ๋อร์ไม่ได้กลับมา”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนถามอย่างหนักแน่นกว่าเดิม “จริงหรือ”

 

 

หลินฉงเหวินหลบสายตาแวบหนึ่ง

 

 

“โจวอัน!”

 

 

“ขอรับนายท่าน!”

 

 

“สั่งคนตรวจค้นจวนหลิน ดูว่าคุณชายหลินอยู่ในจวนหรือเปล่า”

 

 

โจวอันขานรับ โบกมือ กำลังจะสั่งองครักษ์ลับ หลินฉงเหวินพูดห้ามเสียงดัง “หวงฝู่อี้เซวียน เจ้าอย่ามากเกินไปหน่อยเลย ที่นี่จวนหลิน บ้านของข้า ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมากำเริบเสิบสานได้”

 

 

“กำเริบเสิบสาน?” หวงฝู่อี้เซวียนเผยรอยยิ้มชั่วร้าย เมื่อปรากฏบนในหน้าสวยงามไร้ที่ติของเขา หลินฉงเหวินก็รู้สึกหนาววาบขึ้นมาทันที “หลินฉงเหวิน เจ้ารู้หรือเปล่าว่ากำเริบเสิบสานเขียนอย่างไร”

 

 

หลินฉงเหวินตกใจจนถอยหลังไปสองก้าว

 

 

“ให้ตายเถอะ กล้าต่อยพี่น้องข้า เจ้าหาที่…ตาย” ชายร่างสูงใหญ่นายหนึ่งคลานขึ้นมาจากบนพื้น ด่าว่าไปที่หวงฝู่อี้เซวียน แต่เสียดายที่ยังไม่ทันด่าจบ ดวงตาก็แข็งทื่อ มองไปที่หวงฝู่อี้เซวียนอย่าไม่เชื่อสายตา จากนั้นลำตัวที่หนักอึ้งก็ล้มหงายหลังลงไปบนพื้น

 

 

“น้องสาม!”

 

 

“พี่สาม!”

 

 

ชายร่างสูงใหญ่สองสามนายที่อยู่บนพื้นร้องเสียงหลง

 

 

เลือดก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากคอของชายร่างสูงใหญ่ที่ถูกเรียก เขาหมดลมหายใจทันที ไม่มีโอกาสแม้แต่จะตะเกียกตะกายขึ้นมา

 

 

คนที่เหลือตาแดงน้ำตาคลอเบ้า

 

 

โจวอันถือมีดแหลมคมเล่มเล็กที่ไร้รอยเปื้อนเลือดบนมือแตะบนมือสองสามที

 

 

ทุกคนบนพื้นตกใจ มีดเล่มเล็กที่มีลักษณะพิเศษนี้มีเพียงองครักษ์ลับเท่านั้นที่ครอบครองได้ มิน่าล่ะ พวกเขาถึงสู้ไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวและถูกโจมตีกลับเข้ามาในเรือนหมด

 

 

รังสีแห่งความอาฆาตที่คิดจะแก้แค้นของชายร่างสูงใหญ่สองสามคนเมื่อครู่นี้พลันหายไป บัดนี้พวกเขาอยากจะหดตนเองให้เล็กที่สุด ราวกับว่าตนไม่ได้อยู่ที่นี่เสีย

 

 

โจวอันโบกมือ องครักษ์ลับทั้งสี่ถอยกลับไป ส่วนเขาและองครักษ์ลับที่เหลือก็คอยจ้องมองพวกเขา หากใครตุกติก ก็จะเอาชีวิตทันที

 

 

หลินฉงเหวินหวาดผวา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหรี่ตา ระหว่างที่องครักษ์ลับมารายงานเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนหลินให้ฟังแล้ว บอกว่าหลินจ้งไม่ได้ออกจากจวนหลินมายี่สิบกว่าวันแล้ว มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือหลินฉงเหวินสั่งเสียและตระเตรียมงานศพของตนไว้แล้ว และได้ส่งตัวหลินจ้งและฮูหยินหลินกลับไปแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือ หลินจ้งไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขา จึงถูกเขาขังไว้ ตามนิสัยของหลินจ้งแล้ว น่าจะเป็นอย่างที่สอง เขาจึงสั่งองครักษ์ลับไปตรวจค้นจวนหลิน

 

 

ก่อนหน้านี้จวนหลินคือจวนราชเลขา ในจวนมีองครักษ์อยู่ แต่หลังจากที่หลินฉงเหวินถูกลดตำแหน่งลงสามขั้น คุณสมบัตินี้ก็หายไป ตอนนี้ในจวนจึงเหลือเพียงคนที่พอรู้วิชาการต่อสู้พื้นฐานเล็กน้อย ไม่เช่นนั้น หลินฉงเหวินคงสั่งคนมาห้ามไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

 

 

เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป องครักษ์ลับก็ทยอยกลับมา ต่างรายงานว่าไม่เห็นหลินจ้งในจวน

 

 

หลินฉงเหวินแอบถอนหายใจ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนลอบสังเกตอาการของเขา เมื่อเห็นเขาถอนหายใจ ก็รู้ว่าหลินจ้งอยู่ในจวนแน่นอน ถามองครักษ์ลับว่า “ฮูหยินหลินอยู่ในจวนหรือไม่”

 

 

องครักษ์ลับนายหนึ่งเดินออกมา “รายงานนายท่านขอรับ ฮูหยินหลินอยู่ในห้องของนาง บอกว่าไม่สบาย กำลังพักผ่อน ไม่อนุญาติให้เราเข้าไปรบกวนขอรับ”

 

 

“ไปเชิญฮูหยินหลินมา ลองไปค้นห้องของนางด้วย”

 

 

หลินฉงเหวินสะดุ้งตกใจเหมือนถูกเหยียบหาง “หวงฝู่อี้เซวียน เจ้าอย่ารังแกคนไปหน่อยเลย นั่นเป็นห้องของสตรี ไม่ใช่ที่ที่คนอย่างพวกเจ้าคิดจะเข้าก็เข้าไปได้”

 

 

ไม่มีใครสนใจเขา องครักษ์ลับสองสามนายเหาะเหินไป

 

 

หลินฉงเหวินร้อนรน เดินขึ้นหน้าไปขวางทางไว้ “อยากเข้าไปห้องของฮูหยินข้า ก็ข้ามศพข้าไปให้ได้ก่อน”

 

 

โจวอันเหินตัวไปข้างหน้า ขวางหลินฉงเหวินไว้

 

 

องครักษ์ลับสองสามนายที่เหลือกระโดดผ่านเขาไป

 

 

หลินฉงเหวินยกมือตั้งท่า บุกไปที่โจวอัน

 

 

โจวอันไม่ได้ตั้งรับเขา ถอยกลังไปสองสามก้าว แล้วกลับไปประจำข้างกายหวงฝู่อี้เซวียน

 

 

หลินฉงเหวินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ร้องโวยวายว่า “หวงฝู่อี้เซวียน ข้าจะไปตำหนักจินหลวนฟ้องเจ้า ข้อหารุกล้ำพื้นที่ส่วนบุคคลโดยพลการ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนตอบอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “รอเจ้ามีสิทธิ์นั้นแล้วค่อยว่ากันเถอะ”

 

 

หลินฉงเหวินเจ็บแปลบในใจ เหมือนสาดน้ำมันลงกองเพลิง

 

 

ผ่านไปไม่นาน เสียงตกใจลนลานของฮูหยินหลินก็ดังมาจากในเรือน “พวกเจ้าทำอะไรน่ะ นี่ลูกของข้า ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้”

 

 

หลินฉงเหวินปิดตาลง รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาวางแผนมาอย่างลำบากตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้ถูกหวงฝู่อี้เซวียนทำลายจนเละไม่เป็นท่า ในใจพลันรู้สึกแค้นเคือง พูดกัดฟันกรอด “หวงฝู่อี้เซวียน เจ้าทำลายแผนการของข้า จากวันนี้เป็นต้นไป ข้าและเจ้าคือเสือสองตัวที่อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเหลือบมองเขาทีหนึ่ง แสยะยิ้มอย่างประชดประชัน “หลินฉงเหวิน จากการกระทำวันนี้ของเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้ายังมีโอกาสพลิกตัวได้อีกหรือ”

 

 

องครักษ์ลับแบกหลินจ้งที่ไม่ได้สติมา ข้างหลังตามมาด้วยฮูหยินหลินที่หวาดกลัวลนลาน และคอยทุบตีองครักษ์ลับ “พวกเจ้าปล่อยลูกข้า ปล่อยลูกข้าเดี๋ยวนี้นะ”

 

 

ฮูหยินหลินเป็นผู้หญิง แรงที่ทุบตีไม่หนักไม่เบา องครักษ์ลับสองสามนายไม่ได้สนใจนาง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกลับขมวดคิ้วขึ้น เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงไร้ซึ่งอารมณ์ว่า “ฮูหยินหลิน หากท่านยังใช้กำลังอีก ข้าจะไม่เกรงใจตัดมือท่านไปเลี้ยงสุนัขเสีย”

 

 

ฮูหยินหลินชะงัก อ้าปากเหวอมองไปที่หวงฝู่อี้เซวียน ไม่กล้าขยับตัวอีก

 

 

องครักษ์ลับวางหลินจ้งต่อหน้าหวงฝู่อี้เซวียน

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือออกไป เงยหน้าหลินจ้งขึ้น เมื่อเห็นเขาหลับตาอยู่และไร้ความรู้สึกใดๆ ก็ถามเสียงเย็นชาว่า “หลินฉงเหวิน ยาถอนพิษ”

 

 

หลินฉงเหวินนิ่ง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเหลือบมองเขา

 

 

หลินฉงเหวินร้อง ฮึ อย่างไม่พอใจ ก้มหน้าไม่สนใจเขา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนมองกลับมา สั่งว่า “โจวอัน สาดน้ำจนกว่าเขาจะตื่น”

 

 

โจวอันขานรับ เดินสาวเท้าไปข้างบ่อน้ำ

 

 

ฮูหยินหลินใจอ่อน เมื่อตั้งสติได้ก็รีบห้ามปราม “อย่านะ ข้าจะให้ยาแก้พิษพวกเจ้า”

 

 

โจวอันหยุดฝีเท้าลง

 

 

ฮูหยินหลินรีบเดินไปข้างหน้าหลินฉงเหวิน ขอร้องว่า “ท่านพี่ เรื่องถึงตรงนี้แล้ว เอายาแก้พิษออกมาเถอะเจ้าค่ะ”

 

 

หลินฉงเหวินจ้องนางทีหนึ่ง “ข้าโยนทิ้งไปนานแล้ว ไม่มีหรอก”

 

 

“ท่านพี่!” ฮูหยินหลินตกใจเบิกตาโต “ท่านตกลงกับข้าแล้วมิใช่หรือหลังจากส่งจ้งเอ๋อร์และครอบครัวทั้งบ้านไปแล้ว ท่านก็จะเอายาแก้พิษให้พวกเขา”

 

 

หลินฉงเหวินร้อง ฮึ ด่าอย่างโมโหว่า “เจ้าคนอกตัญญู คิดจะห้ามข้า ข้าไม่มีทางให้เขาตื่นหรอก”

 

 

“ท่านพี่! เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเองนะเจ้าคะ จ้งเอ๋อร์เป็นลูกของท่าน ท่านจะลงมือทำเช่นนี้ได้อย่างไร”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนขี้เกียจฟังพวกเขาพล่ามไร้สาระอีก จึงโบกมือเรียกโจวอันตักน้ำเย็นถังหนึ่งมา ส่งสัญญาณให้องครักษ์ลับวางคนไว้บนพื้น และสาดน้ำไปที่เขาที่ก้มหน้าก้มตาไม่ได้สติ

 

 

ฮูหยินหลินปวดใจยิ่งนัก “จ้งเอ๋อร์!”

 

 

นัยน์ตาหลินฉงเหวินวูบไหวอยู่แวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร

 

 

หลินจ้งไม่ตื่น

 

 

โจวอันยกน้ำมาอีกถัง สาดลงไปอีกครั้ง

 

 

หลินจ้งถูกสาดเช่นนี้อยู่สามครั้ง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย ฮูหยินหลินเจ็บปวดใจจนน้ำตารินไหล “ขอร้องล่ะ อย่าสาดอีกเลย สาดแบบนี้ต่อไปจะเอาชีวิตจ้งเอ๋อร์ไปนะ”

 

 

หลินฉงเหวินกำหมัดแน่น ปล่อยออก แล้วกำอีก แล้วปล่อยอีก จนเมื่อโจวอันยกน้ำถังแล้วถังเล่ามา สุดท้ายก็ทนไม่ไหว พูดห้ามอย่างเสียงดัง “หยุดสาดได้แล้ว ข้าให้ยาแก้พิษก็ได้”

 

 

ฮูหยินหลินเบิกตาโพลง มองเขาอย่างไม่น่าเชื่อ

 

 

หลินฉงเหวินนำยาห่อหนึ่งจากแขนเสื้อ โยนไปให้โจวอัน “ป้อนให้เขากิน เดี๋ยวก็ฟื้นแล้ว”

 

 

โจวอันรับยาไว้สาวเท้าเดินไปหน้าหลินจ้ง คุกเข่าลง อ้าปากเขาออกแล้วเทยาห่อนั้นลงไปในปากของเขา จากนั้นก็มองไปรอบทิศ

 

 

องครักษ์ลับนายหนึ่งยกน้ำถังหนึ่งมา ค่อยๆ รินน้ำลงไปในปากของหลินจ้ง

 

 

โจวอันปิดปากเขา เมื่อเห็นเขากลืนลงไป ก็ลุกขึ้นเดินกลับไปข้างกายหวงฝู่อี้เซวียน

 

 

หลินจ้งค่อยๆ ตื่น เมื่อรู้สึกว่าตัวเปียกชุ่มไปทั้งตัว ก็กะพริบตาถี่อย่างไม่เข้าใจ ยังไม่ทันตั้งสติได้ เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนก็ดังขึ้นเหนือศีรษะเขา “คุณชายหลิน บนพื้นสบายไหม”

 

 

หลิงจ้งตกใจจนเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่ยังไม่หมดไป สมองจึงยังมึนงงอยู่ เขารีบกุมขมับพยายามตั้งสติ เมื่อตั้งหลักได้แล้ว ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน คารวะหวงฝู่อี้เซวียนด้วยตัวที่เปียกชุ่มจนน้ำหยดลงพื้น “ซื่อจื่อ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ตอบ

 

 

หลินจ้งไม่กล้าเงยหน้าขึ้น

 

 

ผ่านไปครู่ใหญ่ หวงฝู่อี้เซวียนจึงปริปาก “คุณชายหลิน รู้หรือเปล่าว่าเหตุใดเจ้าจึงกระเซอะกระเซิงเช่นนี้”

 

 

หลินจ้งพูดไม่ออก ก้มหน้าแอบกวาดมองไปรอบด้าน เห็นชายร่างสูงใหญ่หลายนายนอนอยู่บนพื้น และยังเห็นฮูหยินหลินที่ร้อนรนและหลินฉงเหวินที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความแค้นเคือง จึงพอเดาได้ในใจ ศีรษะก็ก้มต่ำลงไปอีก

 

 

“คุณชายหลิน ไม่มีอะไรจะพูดหรือ” หวงฝู่อี้เซวียนถามเสียงเย็นชา

 

 

หลินจ้งกัดฟัน ไม่พูดอะไร

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพูดอย่างเชื่องช้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “คุณหนูหลินตั้งท้องแล้ว หมอหลวงเจียงบอกว่านางป่วยทางใจ ลูกในท้องอาจจะไม่รอด ไม่รู้เหมือนกันว่าหากไทเฮาได้ยินข่าวนี้แล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร”

 

 

หลินจ้งตกใจจนยกศีรษะขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของหวงฝู่อี้เซวียน ก็โค้งตัวลงอีกครั้งอย่างไม่ลังเล “ซื่อจื่อ หลินจ้งมีเรื่องจะเรียนท่านขอรับ”