ตอนที่ 1262 ปัญหาในเมืองใหม่

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1262 ปัญหาในเมืองใหม่ โดย Ink Stone_Fantasy

“ต่อแถวลงจากเรือ อย่าเบียดกัน!” ชาวเกรย์คาสเซิลที่สวมชุดเครื่องแบบสีดำเดินไปเดินมาพร้อมส่งเสียงตะโกน “ดูหมายเลขตัวเองให้ดีๆ ลงจากเรือแล้วไปต่อแถวในช่องตรวจที่ตรงกับหมายเลขของตัวเอง อย่าเดินไปผิดช่องล่ะ!”

แมนเฟลที่ยังคงตกตะลึงถูกคนเบียดขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ

ภาพท่าเรือที่วุ่นวายปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

นั่นคือภาพท่าเรือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา ท่าเรือเหยียดยาวไปตามชายฝั่งจนมองไม่เห็นปลายอีกด้านหนึ่ง มันไม่เหมือนกับท่าเรือแฉะๆ ผุๆ ที่เขาเคยเห็นมา พื้นของที่นี่ปูด้วยก้อนอิฐสีขาว ดูแล้วสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ เรือเล็กๆ ใหญ่ๆ แล่นไปแล่นมาไม่หยุด แม้แต่ท่าเรือที่เจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรดอว์นก็ยังเทียบไม่ติด

เดิมนี่ควรจะเป็นภาพที่น่าตกตะลึงอย่างมาก เสียงอุทานของผู้คนที่อยู่รอบๆ ช่วยยืนยันในจุดนี้ได้ แต่สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นแค่เรื่องเล็กๆ ที่ไม่สำคัญที่เติมเข้ามาในหัวสมองที่กำลังวุ่นวายของเขาในตอนนี้เท่านั้น

แมนเฟลเดินไปได้สามสี่ก้าวก็ต้องหันกลับมามองทิศทางที่เรือแล่นผ่านมาเมื่อครู่นี้ ในใจเขาหวังว่าจะได้เห็นภาพนกเหล็กอีกครั้งหนึ่ง นี่เหมือนจะเป็นปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณอย่างหนึ่งของร่างกาย เหมือนกับว่าเขากำลังหาหลักฐานมายืนยันว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้ตาฝาดไป

แต่เสียดายที่สุดท้ายเจ้าสิ่งที่น่าเหลือเชื่อนั้นก็ไม่ปรากฏออกมาให้เห็นอีก

ภายในใจเขาแอบรู้สึกผิดหวัง

“เอาแผ่นหมายเลขของพวกเจ้าออกมา แล้วเดินเข้าไปในช่องตรวจตามหมายเลขสามตัวหน้า!” ที่ท่าเรือมีคนหลายคนส่งเสียงตะโกนผ่านท่อเหล็กรูปทรงประหลาดที่ืถืออยู่ในมือ เจ้าสิ่งนั้นเหมือนจะมีความสามารถในการขยายเสียง ถึงแม้เสียงผู้คนจะฟังดูวุ่นวาย แต่เสียงตะโกนของพวกเขาก็ยังฟังดูชัดเจน “หลังจากนั้นให้ฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่และทำการตรวจสอบให้เรียบร้อย ยินดีต้อนรับสู่เมืองหลวงของเกรย์คาสเซิล และขอแสดงความยินดีที่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา!”

แมนเฟลส่ายหัวสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป ก่อนจะเพ่งสมาธิไปยังภาพที่อยู่ตรงหน้า

เป็นวิธีต้อนรับที่แปลกจริงๆ เขาแอบคิดขึ้นมาในใจ คนที่นี่ต่างรู้ดีว่าพวกเขาไม่ได้เป็นฝ่ายขออพยพมาที่เกรย์คาสเซิล หากแต่เป็นทางเกรย์คาสเซิลกับวูล์ฟฮาร์ทต่างหากที่เป็นคนจัดการพาพวกเขามา อันที่จริงแล้วเหมือนจะออกแนวบังคับเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนี้ เขากลับรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย

ผู้อพยพจำนวนมากต่อแถวเป็นแถวยาว ก่อนจะทยอยแยกย้ายไปเข้าช่องตรวจต่างๆ ตามหมายเลขของตัวเอง เพียงแค่กลุ่มคนที่อยู่บนท่าเรือก็มีมากกว่าหมื่นคนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นผู้อพยพเหมือนจะไม่ได้มาจากวูล์ฟฮาร์ทที่เดียวด้วย….การที่สามารถเคลื่อนย้ายคนจำนวนมากขนาดนี้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ แถมยังแสดงเจตจำนงของผู้ปกครองเข้าไปในสามอาณาจักรใหญ่ที่เหลือ เกรงว่านี่คงจะเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นอำนาจของเกรย์คาสเซิลได้ดีที่สุด

ทันใดนั้นเอง กลุ่มชาวบ้านพลันหยุดเดินไปข้างหน้า แมนเฟลได้ยินเสียงวุ่นวายดังมาจากด้านหลัง

ไม่ใช่แค่ผู้อพยพเท่านั้น แม้แต่คนที่ใส่เครื่องแบบสีดำที่คอยดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยก็ยังทำสีหน้าแปลกใจออกมา

เขาหันหน้ากลับไป ก่อนจะเห็นเรือเดินทะเลขนาดมหึมาที่ไม่มีใบเรือลำหนึ่งค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาในท่าเรือ มันมีตัวเรือที่ยาวใหญ่ ตัวเรือทั้งลำเหมือนจะทำขึ้นมาจากเหล็ก ทั้งสองด้านของตัวเรือไม่มีกังหันเรือ เรือแบบนี้ไม่ว่าไปอยู่ที่ไหนก็ย่อมต้องกลายเป็นที่สนใจของคนจำนวนมากแน่นอน แต่เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ทำให้คนเกรย์คาสเซิลรู้สึกตกใจจริงๆ นั้นไม่ใช่ตัวเรือ หากแต่เป็นสภาพของมัน…

“คนพวกนี้บ้าไปแล้วเหรอ เอาเหล็กมาสร้างเรือเนี่ยนะ!” คนที่อยู่ข้างๆ พูดเสียงเบาๆ ขึ้นมา “พวกเขาไม่รู้เหรอว่าเหล็กเจอน้ำมันจะกลายเป็นสนิม?”

“บางทีราชาแห่งเกรย์คาสเซิลอาจจะสร้างมันขึ้นมาเพื่ออวดความร่ำรวยของตัวเองล่ะมั้ง…แต่ว่าเรือเหล็กนี่มันดูแล้วยิ่งใหญ่จริงๆ ถ้าไม่เคยเห็นเรือหินมาก่อน ข้ายังนึกภาพไม่ออกเลยนะเนี่ยว่าของหนักๆ ขนาดนี้มันลอยอยู่บนน้ำได้ยังไง”

“ยิ่งใหญ่ได้แค่ครึ่งเดือนจะมีประโยชน์อะไร? เมื่อก่อนข้าเคยล่องอยู่ในทะเลมานาน เห็นอะไรมาตั้งเยอะตั้งแยะ การกัดกร่อนของน้ำทะเลมันร้ายกว่าที่พวกเจ้าคิดไว้มาก สีปกติกันเอาไว้ไม่ได้นานหรอก เจ้าดูนั่น สุดท้ายมันก็จะเป็นแบบนั้นนั่นแหละ”

จริงอย่างที่ชายคนนั้นว่า บนตัวเรือเหล็กนั้นมีเรือสนิมสีน้ำตาลดำขึ้นอยู่เต็มไปหมด ผิวเรือที่เคยเรียบรื่นกลายเป็นรอยขรุขระ ร่องรอยความเสียหายดูชัดเจนอย่างมาก เสากระโดงเรือก็หักเป็นท่อนๆ กระจัดกระจายอยู่บนดาดฟ้าเรือ บวกการกับเคลื่อนที่เข้ามายังท่าเรืออย่างช้าๆ ของมัน ดูแล้วเหมือนกับอสูรทะเลแก่ๆ ตัวหนึ่งเลย

แต่ว่าฝ่าบาทโรแลนด์ วิมเบิลดันทรงสร้างเรือลำนี้ขึ้นมาเพื่ออวดความร่ำรวยจริงๆ เหรอ

เมื่อเห็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ชุดดำกลุ่มนั้นรีบเปิดทางให้เหล่าลูกเรือที่อยู่บนเรืองมา แมนเฟลพลันรู้สึกว่าบางทีเรื่องราวมันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่เห็นเสียแล้ว

ความวุ่นว่ายหยุดลงทันที เหล่าผู้อพยพเองก็เริ่มเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง

เมื่อมาถึงตาเขา เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบเพียงแค่เทียบชื่อกับหมายเลขของเขา ก่อนจะปล่อยตัวเขาผ่านด่านไป

จนกระทั่งคนผ่านด่านมาได้ 30 กว่าคน ผู้ชายคนหนึ่งจึงเดินเข้ามา “ข้าคือแม็ต เป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักบริหาร หลังจากนี้ข้าจะดูแลเรื่องการทำงานของพวกเจ้า ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทุกคนจะต้องมีคำถามที่อยากรู้อยู่มากแน่ ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดในระหว่างที่เดินทางไปยังเขตที่อยู่อาศัย แต่ว่าตอนนี้ ข้าขอให้ทุกคนดื่มน้ำวิเศษที่อยู่บนโต๊ะทางด้านนี้ก่อน มันสามารถรักษาโรคระบาดในตัวพวกเจ้าได้ แต่ถ้าหากไม่มี มันก็จะเป็นแค่เครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานเท่านั้น”

“พวกเราจำเป็นต้องเดินตามเจ้าไปด้วยเหรอ?” มีคนถามอย่างสงสัย “ตอนนี้พวกเราถือเป็นคนของเกรย์คาสเซิลแล้ว พวกเราก็น่าจะไปไหนก็ได้ตามใจเราไม่ใช่เหรอ?”

“พวกเจ้าต้องได้รับบัตรประชาชนเสียก่อน ถึงจะถือเป็นประชาชนที่แท้จริงของฝ่าบาท” แม็ตส่ายหัว “สำหรับคนทั่วไปแล้ว ขั้นตอนนี้ต้องทำงานไปก่อน 1 – 2 ปี แถมยังห้ามทำผิดกฎหมายในระหว่างนี้ด้วย แต่ว่าพวกเจ้าต่างเป็นคนที่มีความสามารถเฉพาะด้าน ดังนั้นขอเพียงพวกเจ้าผ่านการทดสอบทางจิตใจ พวกเจ้าก็จะกลายเป็นพลเมืองของเมืองนี้อย่างเป็นทางการ แต่ท่านที่รับผิดชอบเรื่องการตรวจสอบนั้นไม่ได้มีเวลาว่างอยู่ตลอด อีกทั้งคนที่รอตรวจสอบก็มีจำนวนเยอะมาก ดังนั้นพวกเจ้าต้องรออีก 2 – 3 วัน”

“ทดสอบทางจิตใจ? ไม่ใช่ตรวจสอบสถานะเหรอ?”

“เดี๋ยวเอาไว้พวกเจ้าไปลองดูก็จะรู้เอง” แม็ตยิ้มๆ “เทียบกับอดีตของพวกเจ้าแล้ว การทดสอบนี้จะให้ความสำคัญสิ่งที่อยู่ ณ ปัจจุบันกับอนาคตของพวกเจ้ามากกว่า ข้าเองก็ผ่านการทดสอบแบบนี้มาเหมือนกัน ข้าถึงได้กลายเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักบริหาร เอาล่ะ คนที่ดื่มน้ำวิเศษหมดแล้วเชิญตามข้ามา….”

นี่คงจะเป็น ‘การทดสอบที่ไม่มีทางโกหกได้’ ที่คนขับรถม้าบอกล่ะมั้ง แมนเฟลคิดในใจ

ระหว่างทาง แม็ตตอบคำถามที่ผู้อพยพหลายๆ คนสนใจ อย่างเช่นหลังจากนี้พวกเขาจะทำงานยังไง แล้วจะได้รับการดูแลยังไง…อย่างนั้นเมื่อดูจากนโยบายที่ราชาแห่งเกรย์คาสเซิลประกาศออกมา ผู้อพยพที่ได้รับสถานะอย่างเป็นทางการนั้นจะได้รับการดูแลที่ไม่ต่างจากชาวบ้านในพื้นที่

อีกฝ่ายยกตัวเองเป็นตัวอย่าง เขาเล่าถึงประสบการณ์ของตัวเองตั้งแต่แรกจนกระทั่งเริ่มปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้ นี่ทำให้ผู้อพยพรู้สึกสบายใจขึ้น

ในตอนที่ทุกคนเดินเข้าไปในเขตที่อยู่อาศัยชั่วคราวตรงชานเมือง เสียงหัวเราะที่ดังเสียดหูพลันดึงความสนใจของทุกคนไว้

แมนเฟลหันมองไปตามเสียง ก่อนจะเห็นผู้ชายที่แต่งตัวเหมือนผู้อพยพกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ แล้วก็ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เธอ บริเวณรอบๆ มีหลายคนที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ แต่กลับไม่มีใครที่จะเข้าไปห้ามเลย แถมบางคนยังส่งเสียงเชียร์ออกมาอย่างสนุกสนาน

บ้าเอ้ย ทำไมไปที่ไหนก็เจอแต่เรื่องแบบนี้นะเนี่ย…

เดิมเข้าคิดว่าเมืองเนเวอร์วินเทอร์จะไม่เหมือนที่อื่น

แมนเฟลขมวดคิ้วขึ้นมา “มีใครไปแจ้งยามชุดดำหรือยัง?”

จากที่แม็ตเล่าให้ฟัง ชายชุดดำที่ถูกเรียกว่าตำรวจนั้นเข้ามาแทนที่หน่วยลาดตระเวน ถึงแม้จะไม่รู้ว่าพวกเขาพึ่งพาได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ก็เหมือนจะไม่มีวิธีไหนดีกว่าวิธีนี้แล้ว

แต่กลับไม่มีใครสนใจเลยแม้แต่คนเดียว “ข้าว่าเจ้าอย่าไปยุ่งดีกว่าน่ะพ่อหนุ่ม ก่อนที่จะย้ายเข้าไปในอยู่ในเมือง พวกเรายังต้องอยู่ตรงนี้อีกหลายวันนะ”

“ใช่ ถ้าถูกดึงไปพัวพันด้วย เดี๋ยวจะพลอยลำบากเอาได้”

“พวกเจ้า…” เขาเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ไม่ได้พูด สุดท้ายเขาจึงมองไปทางแม็ต “ข้าจะไปถ่วงเวลาเอาไว้ เจ้ารีบไปเรียกคนที่รับผิดชอบเรื่องรักษาความสงบมา!”

แต่แม็ตกลับจับมือของเขาไว้พร้อมกับส่ายหัว

ในใจแมนเฟลเกิดความรู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที

เขาสะบัดมืออีกฝ่ายทิ้ง ก่อนจะพูดชัดๆ ว่า “ข้านึกว่าพวกเจ้าจะไม่เหมือนกับอาณาจักรอื่นๆ ข้าคิดผิดไปเอง” จากนั้นเขาจึงเลิกแขนเสื้อขึ้น ก่อนจะวิ่งเข้าไปหากลุ่มผู้ชายโดยไม่หันหน้ากลับมามอง

……………………………………………………………….