ตอนที่ 93 การตระหนักรู้ใต้ต้นไม้เทพผลาญจิต Ink Stone_Fantasy
กลางคีรีมารสกุลฝาน ในนครหลวงรัฐโบราณคิมหันตวายุ
ตงป๋อเสวี่ยอิงและมหาเคารพซือเทียนรู้สึกสุขสบายใจกันทั้งสองฝ่าย มหาเคารพซือเทียนยืดกายขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ฮ่าฮ่า น้องเฟยเสวี่ย เจ้าก็บำเพ็ญที่ต้นไม้เทพผลาญจิตนี้ให้ดีๆ เถิดนะ รับสัมผัสถึงความน่าอัศจรรย์ของต้นไม้เทพผลาญจิตต้นนี้ให้ดีๆ ล่ะ”
“ขอบคุณท่านมหาเคารพแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ฮ่าฮ่า เรื่องเล็กน่า” มหาเคารพซือเทียนจากไปพร้อมรอยยิ้ม แม้กระทั่งเหล่าสาวใช้ก็จากไปพร้อมกันด้วยมหาเคารพซือเทียนกลับไปถึงยังวังของตนแล้วนั่งสูงส่งลงบนบัลลังก์พลางมองลงมายังเบื้องล่าง
“ท่านมหาเคารพขอรับ” จ้าวขุยเฉินเอ่ยอย่างเคารพนบนอบ “ข้าได้จัดการส่งตัวอ๋องส้าหลงกลับไปเรียบร้อยแล้ว ต้องการให้ข้าจัดการส่งเค่อชิงระดับบนเฟยเสวี่ยกลับไปยังรัฐเมฆทักษิณาด้วยหรือไม่ขอรับ”
“เขาบำเพ็ญอยู่ใต้ต้นไม้เทพผลาญจิต น่าจะบำเพ็ญเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม” มหาเคารพซือเทียนแย้มยิ้มอย่างลึกลับ เขาบอกว่าเป็นเวลาปีครึ่ง สำหรับเขาแล้ว เพียงแค่รับสัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของต้นไม้เทพผลาญจิต ก็จะต้องยืดยาวออกไปอีกเป็นเวลาหนึ่งปีอย่างแน่นอน! ไม่แน่ว่ายังอาจจะจงใจนึกอยากผัดเวลาออกไปให้มากขึ้นอีกด้วยซ้ำ แต่ว่าพอถึงเวลาเขาก็จะต้องปรากฏตัวขึ้น แล้วส่งอีกฝ่ายให้จากไปด้วยตนเองอยู่แล้ว
“ต้นไม้เทพผลาญจิตหรือขอรับ” จ้าวขุยเฉินตกตะลึง “นี่ นี่…ให้เขาใช้งาน นี่…”
“ความเป็นมาของเขาไม่ธรรมดา ตอนนั้นท่านอาจารย์รับศิษย์ด้วยตนเองเขาก็ปฏิเสธ ตอนนั้นยังคิดว่าช่างเยาว์วัยไม่รู้ความเหลือเกิน พอมาดูตอนนี้ก็คิดว่าไม่เลวเลยทีเดียว สามารถมีเคล็ดวิชาขั้นอลวนกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดได้ เกรงว่าก็คงมีเคล็ดสืบทอดลับอันแกร่งกล้าเป็นที่สุดอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ถ้าหากสถานะของเขาในชาติก่อนสูงส่งพอ มีเคล็ดวิชาบางอย่างที่น่าจะสามารถเผยแพร่สู่ภายนอกได้!”
มหาเคารพซือเทียนพูดยิ้มๆ “เคยสัมผัสรสชาติของต้นไม้เทพผลาญจิตมาก่อน แล้วเขายังเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้าน ‘เขตลวงโลกเทียม’ จะต้องนึกอยากบำเพ็ญอยู่ที่นี่ในระยะยาวอย่างแน่นอน หึๆ เค่อชิงแลกเปลี่ยนแต้มความดีความชอบได้ แต่ก็ไม่มีสิทธิ์แลกเปลี่ยนกับการบำเพ็ญภายใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตได้! หากเขาอยากจะครอบครอง ก็จำเป็นต้องหยิบเอาสิ่งที่ทำให้สกุลฝานของข้าจิตใจหวั่นไหวออกมา! ต่อให้เอาออกมามิได้ก็ไม่เป็นไร ก็แค่เสียเวลาไปเป็นเวลาปีครึ่งเท่านั้นเอง”
จ้าวขุยเฉินกระจ่างแจ้ง
มหาเคารพซือเทียนกลับมั่นใจในตนเองเป็นอย่างยิ่ง เขาแน่ใจแล้วว่าอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้จะต้องริษยาต้นไม้เทพผลาญจิตอย่างแน่นอน!
“การเข้าสู่ตำหนักเทพโลกาดั้งเดิมในครั้งนี้ ข้าคิดจะเข้าไป เตรียมตัวเอาไว้ให้ดีๆ ให้ศิษย์พี่ลู่เทียนสัมผัสได้ถึงความปรารถนาดีของข้า” มหาเคารพซือเทียนพูด
“ขอรับ” จ้าวขุยเฉินพยักหน้าอย่างเคารพ
……
ต้นไม้เทพผลาญจิตต้นเตี้ยแข็งแกร่ง ตลอดลำต้นราวกับสลักเสลาขึ้นจากหินหยกสีม่วงเข้ม ยอดไม้อันใหญ่โตมหึมาปกคลุมเบื้องล่าง
ใต้ต้นไม้
หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวนั่งขัดสมาธิอยู่
แน่นอนว่าตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจความคิดของมหาเคารพซือเทียน ‘ต้นไม้เทพผลาญจิต’ ก็คือวัตถุเทพที่มีส่วนช่วยเหลือในการบำเพ็ญของบรรพชนฝานในตอนนั้นเป็นอย่างมาก ตามปกติแล้วล้วนเป็นมหาเคารพหกท่านของสกุลฝานผลัดเปลี่ยนกันมาใช้งาน! ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยแม้แต่จะได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ้ำ คาดว่าท่านอาจารย์ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็คงจะไม่รู้จักสิ่งนี้เช่นกัน แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ว่าเพราะท่านอาจารย์มิได้บำเพ็ญวิถีวิญญาณ ดังนั้นจึงมิได้ ‘หลงใหล’ ในต้นไม้เทพผลาญจิตนี้
อีกฝ่ายให้ตนบำเพ็ญอยู่ที่นี่ ‘เป็นเวลาปีครึ่ง’ คาดว่าคงจะมีความมั่นใจในต้นไม้เทพผลาญจิตนี้เป็นอย่างมาก
“ข้าก็อยากจะดูสักหน่อยว่าที่แท้แล้วต้นไม้เทพผลาญจิตนี้มีความมหัศจรรย์มากสักเพียงใดกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงสงบจิตใจบำเพ็ญ ดูดซับกลิ่นอายที่ต้นไม้เทพผลาญจิตแผ่ออกมาหล่อเลี้ยงวิญญาณไปพลาง บำเพ็ญหยั่งรู้ ‘เขตลวงโลกเทียม’ ไปพลาง แม้กระทั่งร่างแยกอาภรณ์ทองที่อยู่ไกลถึงนครหลวงรัฐเมฆทักษิณาก็เป็นเช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่าเขาจะสำเร็จเป็นเทพจักรวาล
แต่ก็ไม่รีบร้อนในเวลาปีครึ่งนี้! ระยะเวลาเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ สำหรับผู้บำเพ็ญที่กล้าแกร่งแล้วช่างแสนสั้นนักจะต้องคว้าโอกาสเอาไว้ บำเพ็ญอย่างสุดกำลัง รับสัมผัสอย่างต่อเนื่อง
“สบายเหลือเกิน”
วิญญาณผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังทวีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยความเร็วที่สามารถรู้สึกได้ ถึงแม้ว่าจะเนิ่นช้า แต่ถ้าหากการยกระดับเช่นนี้สามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาปีครึ่ง เช่นนั้นอัตราการยกระดับก็สามารถชวนให้คนตื่นตะลึงได้เป็นอย่างยิ่งแล้ว!
อย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยจิตใจสงบนิ่ง
ความเร้นลับของเขตลวงโลกเทียมต่างๆ นานาเอ่อท้นหัวใจ เริ่มต้นครุ่นคิดหยั่งรู้อย่างต่อเนื่อง
“หืม”
เพียงแค่หยั่งรู้ไปเป็นเวลาไม่กี่อึดใจเท่านั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกได้ถึงความพิเศษแล้ว ภายใต้การหยั่งรู้อย่างสุดกำลัง อีกทั้งวิญญาณยังอยู่ภายใต้การหล่อเลี้ยงของกลิ่นอายของต้นไม้เทพผลาญจิต ถึงขนาดที่มีความรู้สึก ‘วิญญาณถูกแผดเผา’ ชนิดหนึ่งขึ้นมา และเมื่อยิ่งวิวัฒน์หยั่งรู้อย่างสุดกำลัง ความรู้สึกวิญญาณถูกแผดเผาก็ยิ่งแกร่งขึ้นอีก! และยิ่งแผดเผา ดวงวิญญาณก็ยิ่งผ่อนคลาย การตระหนักรู้ของเขตลวงโลกเทียมก็ยิ่งมีแสงทิพย์วิญญาณ์พรั่งพรู
“การยกระดับของดวงวิญญาณหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าตนเองในขณะนี้ราวกับมีอำนาจบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามปรารถนา มีความรับรู้นานาชนิดต่อดวงวิญญาณ
เป็นเพราะว่าจิตวิญญาณของตนสมบูรณ์แบบเหลือเกิน
มีความเข้าใจต่อด้านต่างๆ ของจิตวิญญาณอย่างบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นอย่างสอดคล้องกัน เดิมที ‘เขตลวงโลกเทียม’ ก็มุ่งหมายไปที่ดวงวิญญาณ มุ่งหมายไปที่จิตวิญญาณอยู่แล้ว! ถ้าหากมีความรู้กระจ่างเกี่ยวกับจิตวิญญาณมากยิ่งขึ้น ‘เขตลวงโลกเทียม’ ก็ย่อมสามารถทวีความสมบูรณ์แบบขึ้นอย่างสอดคล้องกันอยู่แล้ว
“ช่างน่าอัศจรรย์โดยแท้”
“เหนือจินตนาการ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพรั่นพรึงเสียแล้ว
ความรู้สึกชนิดนี้ทำให้คนหลงใหลยิ่งนัก
เดิมทีเขารู้สึกว่าระดับจิตใจไปถึงระดับที่สาม ‘จิตข้าคือจิตฟ้า’ ก็เป็นระดับขั้นที่สูงที่สุดแล้ว นี่เป็นระดับขั้นที่สูงที่สุดของระดับจิตใจในการบำเพ็ญปกติ รวมถึงในดินแดนจิตโลกาแล้ว แต่ภายใต้ความช่วยเหลือของ ‘ต้นไม้เทพผลาญจิต’ ดูคล้ายว่าระดับจิตใจจะไปถึงอีกระดับขั้นที่สูงขึ้นอีกเสียแล้ว วิชชาและความไร้สุขไร้เศร้า เมื่อมองลงมาจากระดับขั้นที่สูงขึ้นอีก ชำแหละจิตวิญญาณ มาวิวัฒน์บำเพ็ญวิถีเขตลวงโลกเทียม
แน่นอนว่าการบำเพ็ญชนิดนี้ก็จำเป็นต้องใช้การสั่งสมในอดีต
นอกจากนี้ก็เป็นทางด้านวิญญาณที่มีส่วนช่วยเหลือมากที่สุด! สถานะจิตวิญญาณชนิดนี้ ถึงแม้ว่าการหยั่งรู้ทางด้านอื่นๆ จะมีส่วนช่วย แต่ก็มิได้ช่วยเหลือมากมายสักเท่าใดนัก มีเพียงแค่ ‘ทางด้านวิญญาณ’ เท่านั้นจึงจะมีส่วนช่วยเหลือมากที่สุด
“ที่แท้แล้วเขตลวงโลกเทียมของข้ามีส่วนที่ขาดแคลนมากมายถึงเพียงนี้เชียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมกระดิ่งจิตมาร ทั้งที่รู้ว่าโลกเขตลวงไปถึงระดับขั้นที่สิบแล้ว รู้ทิศทางของตัวเอง ทว่าก็ยังคงรู้สึกว่าการบรรลุนั้นยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง แต่ในขณะนี้แสงทิพย์วิญญาณ์สายแล้วสายเล่าก็พรั่งพรูออกมา เขาค้นพบทิศทางที่สามารถยกระดับอย่างฉับพลันได้มากมาย
……
“ศิษย์น้องผู้นี้ของข้า เป็นผู้ที่ชวนให้คนตื่นตะลึงในชั่วข้ามคืนโดยแท้! ร้ายกาจๆ” จ้าวทานเผิงเดินเคียงบ่ากับจ้าวฉุนอวี้ แต่เพียงแค่เคลื่อนที่ในพริบตาไม่กี่ครั้งเท่านั้น ก็มายืนอยู่นอกประตูของลานหิมะเหินแล้ว
เมื่อผู้ดูแลประตูลานได้เห็นผู้มาก็รีบทักทายอย่างเคารพและตื่นเต้นในทันที “คารวะจ้าวทั้งสองท่านขอรับ”
ลานหิมะเหินแห่งนี้ก็มีแขกมาเยือนเป็นครั้งคราว พวกจ้าวทานเผิงก็เคยมาเยือนแล้วในอดีต ผู้อารักขาเหล่านี้ต่างก็รู้จัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาแต่ละคนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบรรดาผู้แกร่งกล้าจำนวนหนึ่ง จึงรู้จักผู้แกร่งกล้ามากมาย
“ศิษย์น้องของข้าเล่า” จ้าวทานเผิงเอ่ยถาม
“ท่านอ๋องกำลังปลีกวิเวกอยู่ขอรับ มีคำสั่งเอาไว้ว่าหากไม่มีเรื่องสำคัญก็จะไม่รับแขกเป็นอันขาดขอรับ” ทหารผู้ดูแลคนหนึ่งเอ่ยอย่างเคารพนบนอบ “จ้าวทั้งสองท่านต้องการให้ข้าไปถ่ายทอดคำพูดหรือไม่ขอรับ”
สำหรับผู้ดูแลแล้ว
ถึงแม้ว่าอ๋องหิมะเหิน ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ จะมีสถานะสูงส่ง ทว่าผู้ที่มาคารวะคือเทพจักรวาลสองท่าน ถึงจะปลีกวิเวกอยู่ก็ควรจะออกมากระมัง
“ไม่ต้องรบกวนหรอก” จ้าวทานเผิงพูดขึ้นทันควัน
“ขอรับ” ทหารผู้ดูแลผู้นี้ตกใจจนสะดุ้ง
“ไปกันเถิด” จ้าวทานเผิงมองจ้าวฉุนอวี้ที่อยู่ข้างๆ อย่างยิ้มๆ แล้วพูดว่า “ดูท่าทาง รอให้ศิษย์น้องของข้าออกจากการปลีกวิเวก ก็คงมิใช่ท่านอ๋องอีกแล้ว หากแต่คงเป็นจ้าวแล้วล่ะ”
จ้าวฉุนอวี้ก็อมยิ้มพยักหน้า บทสนทนาระหว่างพวกเขาสองคนย่อมตัดขาดจากการได้ยินของคนนอกโดยสิ้นเชิงอยู่แล้ว
……
คีรีมารสกุลฝาน ภายใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตสีม่วงเข้มต้นหนาเตี้ย
หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวนั่งขัดสมาธิอยู่เช่นเดิม เพียงพริบตาเขาก็บำเพ็ญอยู่ที่นี่มาเก้าเดือนแล้ว! การยกระดับการหล่อเลี้ยงวิญญาณหยุดลงไปนานแล้ว การยกระดับดำเนินไปทั้งสิ้นราวๆ เจ็ดเดือน ก็ทำให้วิญญาณยกระดับขึ้นราวๆ สองส่วน ถ้าหากใช้แก่นแท้อลวน เกรงว่าก็ต้องใช้หลายพันล้านแก้วผลึกจักรวาลเลยทีเดียว
ฟิ้ว ฟิ้ว…
มีสายลมพัดเป็นระยะๆ ใบไม้สีม่วงเข้มปลิวหล่น
ทันใดนั้นเอง…
“ปัง”
หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวลืมตาขึ้น นัยน์ตาทั้งสองมีการวิวัฒน์ของสรรพสิ่งในโลกปรากฏรางๆ ทั้งยังมีสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนถือกำเนิด นัยน์ตาราวกับเป็นจักรวาลที่กำลังวิวัฒน์
อีกชั่วพริบตาก็กลับเป็นปกติ
“เดิมทีข้าวางแผนให้วิถีอากาศบรรลุไปถึงเทพจักรวาล โอกาสในการบำเพ็ญภายใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตนั้นยากที่จะได้มา จึงทุ่มเทให้กับการบำเพ็ญเขตลวงโลกเทียมอย่างสุดกำลังเป็นการชั่วคราว ใครจะไปคิดว่าเขตลวงโลกเทียมจะถึงกับบรรลุเช่นนี้เสียแล้ว” ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งประหลาดใจทั้งยินดี แน่นอนว่าถึงแม้ว่าในที่สุดเขตลวงโลกเทียมจะเหยียบย่างไปถึงระดับนั้น การตระหนักรู้เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ก็ไปถึงระดับนั้นแล้วเช่นกัน แต่เขาก็มิได้บรรลุในทันที
การบรรลุเป็นเทพจักรวาลนั้นจำเป็นต้องใช้พลังฟ้าดินอย่างมหาศาล ความเคลื่อนไหวก็ใหญ่โต การบรรลุภายใต้ต้นไม้เทพผลาญจิตนั้นย่อมไม่เหมาะสม
“พรึ่บ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงลุกขึ้นแล้วเดินมุ่งออกไปด้านนอก
“เค่อชิงระดับบนเฟยเสวี่ย นี่จะไปแล้วหรือขอรรับ” ณ บริเวณไม่ไกลจากต้นไม้เทพผลาญจิต มีผู้ดูแลลุกขึ้นแล้วเอ่ยถามอย่างเคารพ ตอนที่มหาเคารพซือเทียนสั่งนั้นมิได้บอกว่าต้องเป็นเวลาหนึ่งปีหรือ นี่เพิ่งจะเก้าเดือนเท่านั้นเอง!
“ข้าจะกลับที่พัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม เป็นถึงเค่อชิงระดับบน ก็ย่อมมีที่พักในคีรีมารสกุลฝาน กลับไปถึงที่พักก่อนแล้วค่อยบรรลุเป็นเทพจักรวาล!
ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดจบแล้วก็เคลื่อนที่ผ่านเวหาแล้วเหินจากไปไกลในทันที
เขารอคอยวันที่จะสำเร็จเป็นเทพจักรวาลนี้มาเนิ่นนานเหลือเกินแล้ว!
………………………………………..
(ตอนสุดท้ายของบท)