กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 1205
หลังจากซีคเสนอราคาประมูลที่ 1.1 พันล้าน เกรแฮมก็รู้สึกว่าเขาต้องยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นเขาจะสูญเสียโอกาสอันล้ำค่าในการได้เป็นเจ้าของยาอายุวัฒนะเม็ดนี้ ดังนั้นเขาจึงกัดฟันพูดออกไป “ในเมื่อคุณไวท์เสนอราคาที่ 1.1 พันล้าน ผมจึงขอเสนอราคาที่ 1.2 ล้าน”

ทราวิสไม่ได้เกี่ยงงอนเรื่องการแข่งขัน เขารวยกว่าเกรแฮมกับซีครวมกันเสียอีก ดังนั้นจึงไม่มีความแตกต่างสำหรับเขามากนักถึงแม้ว่าจะเป็น 1.2 หรือ 1.5 ล้าน เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องได้ยาอายุวัฒนะนี่มาครอบครอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ถ้าอย่างนั้นผมขอขยับขึ้นไปที่ 2 พันล้านเลยก็แล้วกัน”

ผู้ชมการประมูลต่างส่งเสียงอื้ออึงด้วยความประหลาดใจไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง

ราคาประมูลเพิ่มขึ้นจาก 1.2 พันล้าน เป็น 2 พันล้าน! นี่เป็นการประมูลที่เหลือเชื่อที่สุด และมีราคาแพงที่สุดเท่าที่ใครเคยเห็นมา

การมีเงิน 2 พันล้านดอลลาร์นั้นเป็นอย่างไรกันนะ? ถ้าคุณได้เงินเบี้ยเลี้ยง 10 ล้านต่อเดือน แล้วได้เงินจำนวนเท่ากันนั้นทุกเดือนเป็นเวลา 17 ปี

ถ้าคุณฝากเงิน 2 พันล้านในธนาคารด้วยอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี แค่เงินดอกเบี้ยต่อปีอย่างเดียวก็มากถึง 100 ล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งหมายความว่าเงินดอกเบี้ยต่อเดือนจะได้มากกว่า 8 ล้าน

นี่เป็นเพียงตัวเลขที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคนธรรมดาอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ แต่สำหรับมหาเศรษฐีอย่างทราวิส ที่มีมูลค่าสุทธิหลายหมื่นล้านดอลลาร์นั้น เงินจำนวน 2 พันล้านจึงมีสัดส่วนแค่หนึ่งในสามสิบส่วนของสินทรัพย์ทั้งหมดเท่านั้นเอง

ทราวิสทำงานหนักมาตลอดชีวิตเพื่อหาเงินให้มากขึ้น เพื่ออะไรกัน? เขาสร้างทรัพย์สมบัติจำนวนมากขึ้นมา เพื่อที่เขาจะได้มีความสุขกับชีวิต ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น และมีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย ฉะนั้นสำหรับเขาแล้ว การใช้จ่ายเงิน 2 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อยาอายุวัฒนะ จึงนับว่าคุ้มค่ากับเงินทุกเพนนี

ดังนั้นเมื่อเขาเสนอราคาในการประมูล เขาจึงไม่รู้สึกเสียใจหรือทุกข์แต่อย่างใด

ในทางกลับกัน ซีคกับเกรแฮมต่างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกในทางตรงข้ามกับที่ทราวิสกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้

เบื้องหลังชายทั้งสองคนนี้คือครอบครัวใหญ่ มีญาติทั้งทางตรงและทางอ้อมนับรวมกันได้เป็นสิบ ๆ คน ซึ่งก็หมายความว่าพวกเขามีอยู่หลายสิบปากท้องที่ต้องให้การเลี้ยงดู

ลองดูครอบครัวของเกรแฮมเป็นตัวอย่าง ทรัพย์สินของตระกูลควินตันนั้นมีอยู่ไม่กี่หมื่นล้านดอลลาร์ และไม่ได้เป็นของเขาเพียงคนเดียว เขาสามารถเสนอราคา 2 พันล้านสำหรับการประมูลยาอายุวัฒนะได้ถ้าเขาต้องการ แต่เขาคงมีเงินของตัวเองไม่เพียงพอ จึงต้องนำเงินของครอบครัวบางส่วนมาใช้ด้วย

การเคลื่อนไหวครั้งนี้จะสร้างความไม่พอใจให้กับครอบครัว เนื่องจากมียาอายุวัฒนะเพียงเม็ดเดียว และเขาก็ไม่สามารถแบ่งปันให้กับทุกคนได้

ดังนั้นเขาจึงยอมแพ้แล้วพูดว่า “คุณเลนครับ คุณช่างเป็นคนพิเศษจริง ๆ ผมรู้สึกประทับใจมาก”

ซีคก็ไม่ได้ดีไปกว่าเกรแฮม อันที่จริงสถานะทางการเงินของตระกูลไวท์นั้นแย่ยิ่งกว่าตระกูลควินตันเสียอีก

นอกจากนี้ตระกูลไวท์ยังประสบความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อเจอรัลด์และเควินสร้างความขุ่นเคืองให้กับชาร์ลี แล้วผลที่ตามมาคือสูญเสียโอกาสที่จะได้ร่วมมือกับเอ็มแกรนด์ กรุ๊ป

ดังนั้นตระกูลไวท์จึงไม่สามารถเสนอราคาที่สูงกว่า 2 พันล้านได้ และต้องยอมแพ้เช่นกัน

ทราวิสรู้สึกโล่งใจเมื่อคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดในการประมูลครั้งนี้ยอมถอยทั้งสองคน แต่เขาไม่ได้คุยโตโอ้อวดหรือแสดงความดีใจจนออกนอกหน้า เขาจับมือกับซีคและเกรแฮมก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “พี่น้องครับ ขอบคุณที่หลีกทางให้ผม ผมจะตามไปขอบคุณด้วยตัวเองถึงที่บ้านในภายหลังเลยครับ!”

ซีคและเกรแฮมตอบอย่างถ่อมตนว่า “ด้วยความยินดีครับทราวิส คุณมีความพิเศษมากจนเราไม่สามารถทัดเทียมคุณได้”

ทุกคนมองดูการโอภาปราศรัยอย่างสามัคคีกลมเกลียวที่ดูน่ายำเกรงและน่าชื่นชม

ยาอายุวัฒนะมีราคาเริ่มต้นที่ 150 ล้านดอลลาร์ แล้วถูกประมูลไปในราคา 2 พันล้านดอลลาร์ ต้องยกความดีให้กับการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของทั้งสามคน แต่ถึงแม้ทราวิสจะชนะประมูลแล้ว พวกเขาก็ยังพูดคุยกันอย่างสงบและเยือกเย็น พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความเอื้ออาทร และความอ่อนน้อมถ่อมตนของตระกูลที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมสำหรับทุก ๆ คน

หลังจากพูดคุยกันแล้ว ทราวิสก็หันไปหาชาร์ลี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเคารพว่า “ปรมาจารย์เวด เนื่องจากไม่มีใครเสนอราคาที่สูงกว่านี้ ผมจึงคิดว่าผมเป็นผู้ชนะการประมูลยาอายุวัฒนะของคุณแล้ว”

ชาร์ลีพยักหน้าเบา ๆ ยื่นยาให้เขา แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ยาอายุวัฒนะก็เป็นของคุณแล้ว!”