ตอนที่ 732: ยอมรับอาจารย์โดยไม่มีทางเลือก

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 732: ยอมรับอาจารย์โดยไม่มีทางเลือก

ณ สถานที่ซึ่งการทดสอบระดับ 2 ได้ถูกจัดขึ้น ชายชราคนหนึ่งได้เข้ามาใกล้ที่ทางเข้ารวดเร็วจนเหมือนกับว่าเขากำลังล่องลอยอยู่บนเมฆ เขาคือชายชราผิวสีเลือดฝาดที่มาพร้อมกับดวงตาที่ยากจะหยั่งถึงราวกับท้องฟ้ายามราตรีที่กว้างใหญ่ มันทำให้ผู้คนรู้สึกว่าถ้าเขาไม่สนใจชายชราผู้นี้ พวกเขาจะต้องพลาดอะไรบางอย่างไปแน่ ชายชราอยู่ในชุดยาวสีขาวหรูหราแต่เขาไม่ได้ติดตราสัญลักษณ์ใดใดที่อกของเขา มันจึงยากที่จะบอกว่าชายชรานี้อยู่ในระดับใด

ทันทีที่ชายชราเข้ามาถึงที่ห้องทดสอบระดับ 2 เขาก็พุ่งความสนใจมาที่แสงสว่างจ้าด้านในทันที ในแสงสว่างแสบตานั้น เขาเห็นชายร่างผอมบางราง ๆ กำลังอาบตัวเองอยู่ในแสงนั้น ชายคนนั้นเหมือนเทพลงมาจุติและเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์

ผู้อาวุโสเก้าและสิบสี่ที่อยู่ไม่ไกลจากเขา ทั้งคู่กำลังยิ่งนิ่งอยู่ พวกเขาจ้องมองอย่างพูดไม่ออกไปที่เจี้ยนเฉินที่อยู่ภายในแสงสีขาวและไม่รู้ด้วยซ้ำมาชายชรายืนอยู่ที่ทางเข้า

ตาของเจี้ยนเฉินปิดสนิท แขนทั้งสองข้างของเขากางออกในขณะที่ใบหน้าของเขาเชิดสูงขึ้นไปและจ้องค้างไปที่ท้องฟ้า เขากำลังใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีในการดึงพลังเซียนธาตุแสงจากม่านพลังออกมา ในตอนนี้เอง เขาได้ใช้พลังขีดสุดที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 มีแล้วโดยไม่ได้ออมมือแม้แต่น้อย นี่เป็นเพราะเขารู้ว่าถ้าเขาต้องการที่จะสำเร็จระดับ 7 นี้คือขั้นตอนที่สำคัญ และความสำเร็จที่สุดยอดเท่านั้นที่จะได้รับการพิจารณาจากสมาคม นี่จะเป็นหนทางไปสู่ระดับ 7 ที่ง่ายที่สุดสำหรับเขา

เขารู้มาหลายอย่าง มีคนจำนวนน้อยเท่านั้นในทวีปที่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 เพราะว่าส่วนใหญ่นั้นรวมอยู่ที่เมืองแห่งเทพเจ้านี้ เป็นผลให้เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 หลายคนในเมืองนี้ ได้รับการช่วยเหลือจากองค์กรที่ทรงพลังเพียงสองสามคนเท่านั้น สำหรับเจี้ยนเฉินแล้ว แม้ว่าเขาจะสำเร็จระดับ 6 ด้วยอายุที่ยังน้อยและกลายเป็นจุดสนใจจากทุกคน แต่เขาก็ไม่ได้มีใครช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง มันจึงไม่สามารถช่วยทำให้เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่มีคนช่วยที่ทรงพลังอยู่เบื้องหลังเขี่ยเขาออกจากโอกาสที่จะได้รับในการเป็นระดับ 7 ได้

เจี้ยนเฉินยังกังวลอีกว่าจะมีสองสามคนในสมาคมที่มีความคิดที่จะกำจัดเขาจากโอกาสที่เขาจะได้รับในการที่จะสำเร็จระดับ 7

แม้ว่าเจี้ยนเฉินคิดจะทำสิ่งเหล่านี้อย่างไม่กระโตกกระตากเพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจมาก แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะมีแค่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 เท่านั้นที่จะได้รับโอกาสในการเป็นระดับ 7 ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปิดบังความแข็งแกร่งในฐานะที่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงได้ สุดท้ายการที่มีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่มีอายุเพียง 24 ปีปรากฎตัวขึ้นมาก็เป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์แล้ว

อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินเชื่อว่าแค่นี้ยังไม่พอ เขายังคงสงสัยเกี่ยวกับทักษะธาตุแสง ซึ่งนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงพยายามอย่างมากในการทดสอบระดับ 2 ท้ายที่สุดแล้ว การทดสอบระดับ 2 นั้นคือการทดสอบพรสวรรค์ในการฝึกฝนทักษะธาตุแสง

ที่ด้านบนเพดานของห้อง ประมาณสี่ในสิบส่วนของพลังเซียนธาตุแสงที่ถูกกักไว้ได้ถูกดึงออกมาจากม่านพลังโดยเจี้ยนเฉิน ที่ซึ่งมันรวมอยู่รอบ ๆ เจี้ยนเฉินนั้นทำให้เกิดแสงสว่างจ้าแสบตา ตอนนี้ถึงขีดจำกัดของเจี้ยนเฉินแล้ว ไม่ว่าเขาจะพยายามต่ออีกมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถดึงพลังเซียนธาตุแสงเพิ่มออกมาได้มากกว่านี้อีกจากม่านพลัง

“ดูเหมือนนี้จะถึงขีดจำกัดของข้าแล้ว สงสัยจริง ๆ ว่าผลการทดสอบจะเป็นยังไง” เจี้ยนเฉินลอบถอนใจกับตัวเองก่อนที่จะปล่อยพลังเซียนธาตุแสงที่เขาดึงมันออกมาจากม่านพลัง

พลังเซียนธาตุแสงรอบ ๆ เจี้ยนเฉินไม่ได้สลายไปและมันก็ถูกดูดกลับเข้าไปในม่านพลังยังที่ซึ่งมันเคยอยู่มาก่อน

เจี้ยนเฉินลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ความเหนื่อยล้าปรากฏที่ใบหน้าของเขา แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามในการทดสอบ แต่ช่วงเวลาที่เขาใช้ไปนั้นก็ได้กินพลังจิตของเขาไปมาก เขาไม่เคยรู้สึกเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่ที่เขาสำเร็จระดับ 6

เจี้ยนเฉินหันกลับมาอย่างเหน็ดเหนื่อย เขาพบกับผู้อาวุโสเก้าและสิบสี่กำลังยืนอึ้งอยู่เป็นสายตาเดียวกัน สายตาแห่งความยินดีปรากฏออกมาจากเจี้ยนเฉิน เขาป้องมือของเขา “ท่านผู้อาวุโส ข้าเสร็จสิ้นการทดสอบแล้ว ข้าสงสัยว่าผลเป็นยังไรบ้าง” ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เจี้ยนเฉินคงรู้สึกเป็นกังวล แต่หลังจากที่ได้เห็นท่าทางของผู้อาวุโสทั้งสองแล้ว เขาก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น

“ดี ! ดี ! ยอดเยี่ยม ! สุดยอดไปเลย ! ผลออกมาสุดยอดมาก ! สำหรับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่สามารถดึงพลังเซียนธาตุแสงออกมาได้ถึงสี่ในสิบส่วนจากม่านพลัง นั้นหมายถึงคนผู้นั้นเข้าใกล้ระดับ 7 แล้ว วันนี้ข้าได้เปิดหูเปิดตาเพิ่มขึ้นมากเลยทีเดียว” หลังจากที่เจี้ยนเฉินพูดจบ เสียงชราก็ดังมาจากที่ใกล้ ๆ ประตู ชายชราที่อยู่ใกล้ประตูทางเข้าก็เดินก้าวยาว ๆ เข้ามา สายตาของเขาที่มองเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความยกย่องและชื่นชม

ชายชราที่เข้ามากระตุ้นให้ผู้อาวุโสสิบสี่และเก้าคืนสติ เมื่อพวกเขารู้ว่าใครมา ท่าทีของพวกเขาก็เปลี่ยนไปและพวกเขาก็ป้องมือของพวกเขาทันที “ขอคารวะท่านประธาน ! ” หลังจากนั้นไม่นาน ผู้อาวุโสเก้าก็หันมาอย่างรวดเร็วและดุเจี้ยนเฉินด้วยเสียงเบา ๆ “หยางยู่เทียน นี่คือท่านประธานของสมาคม รีบคารวะเร็วเข้า ! “

เจี้ยนเฉินประหลาดใจเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้ลังเลและป้องมือทันทีไปที่ชายชรา “หยางยู่เทียน ขอคารวะท่านประธาน ! “

ประธานของสมาคมจ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยรอยยิ้มและถามอย่างรักใคร่ “เจ้าหนุ่ม เจ้าชื่อหยางยู่เทียนซินะ บอกข้ามาทีว่าเจ้าอายุเท่าไรกัน ? “

“ท่านประธาน หยางยู่เทียนอายุ 24 ปี ปีนี้ขอรับ ! ” เจี้ยนเฉินตอบกลับทันที เขารู้ดีว่าประธานสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงนั้นมีอำนาจเหนือทุก ๆ สิ่ง ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโส พวกเขาจะอยู่ใต้อำนาจของประธาน และมีฐานะที่แตกต่างกันไปเหมือนหัวหน้าตระกูลของตระกูลต่าง ๆ

“เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่อายุ 24 ปี พร้อมกับพรสวรรค์ในการฝึกทักษะธาตุแสงที่เข้าใกล้ระดับ 7 ดี ดี ดี ! ” ท่านประธานยินดีมาก เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้พบกับเรื่องที่มหัศจรรย์มากเช่นนี้ในวันนี้

หลังจากนั้นไม่นาน ท่านประธานก็เหมือนจะจำบางอย่างได้ สายตาของเขาเป็นประกาย “หยางยู่เทียน เจ้าต้องการรับข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าพร้อมกับเข้าร่วมสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง และกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกหลักหรือไม่ ? “

สายตาของเจี้ยนเฉินฉายแววตกใจอออกมา ประธานของสมาคมต้องการที่จะรับเขาเป็นศิษย์ มันเป็นเรื่องที่เหนือกว่าที่เขาคาดหมายเอาไว้มาก

สายตาของเจี้ยนเฉินที่ฉายแววตกใจนั้นถูกพบเห็นจากประธาน เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มในขณะที่เขาคิดว่าเจี้ยนเฉินคงจะตกใจจากข่าวดีที่ได้รับอย่างกะทันหัน เขายิ้ม “หยางยู่เทียน บางทีเจ้าอาจจะไม่ต้องการให้ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าอย่างนั้นหรือ ? ” แม้ว่านั้นจะเป็นสิ่งที่เขาพูด แต่นั่นก็ไม่ได้มีน้ำเสียงแห่งความผิดหวังซ่อนอยู่

เจี้ยนเฉินขบฟันแน่นแล้วคิดในใจ “อะไรก็ได้ ถ้าข้าสามารถมีโอกาสที่จะเข้าใกล้ระดับ 7 ได้เพื่อช่วยชีวิตพ่อและแม่ของข้า ดังนั้นแม้ว่ามันจะต้องเป็นการที่จะต้องก้มหัวให้กับคนอื่นชั่วคราว ถ้าแลกกับชีวิตของพ่อและแม่ของข้าได้ เกียรติเล็กน้อยเพียงนี้จะไปสำคัญอะไร ? ” เมื่อคิดได้ดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงก้มหัวให้ท่านประธานแล้วพูด “ข้าต้องการ ศิษย์หยางยู่เทียนขอคารวะท่านอาจารย์”

“ยินดีด้วยท่านประธานที่ได้ลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ชั้นเยี่ยมเช่นนี้ ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่ายินดีอะไรเช่นนี้” ผู้อาวุโสเก้าและสิบสี่ต่างพากันแสดงความยินดีกับประธานไปพร้อม ๆ กัน

ประธานยิ้มออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ก่อนที่จะเอาตราสัญลักษณ์สีฟ้าที่ทำมาอย่างสวยงามออกมาจากแหวนมิติแล้วส่งมันให้กับเจี้ยนเฉิน “หยางยู่เทียน เจ้าเป็นลูกศิษย์คนที่ 3 ที่ข้ารับมา คนแรกตายไปร้อยกว่าปีแล้วจากโรคชรา ลูกศิษย์คนที่สองอยู่ระดับ 6 และกำลังเก็บตัวเพื่อฝึกทักษะธาตุแสงและเตรียมตัวสำหรับระดับ 7 ในปีนี้ ตราสัญลักษณ์สีฟ้านี้คือสัญลักษณ์ของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 เจ้าควรจะติดมันไว้”

“ขอรับ ท่านอาจารย์ ! ” เจี้ยนเฉินรับตราสัญลักษณ์สีฟ้าจากท่านประธานมาอย่างระมัดระวัง และติดมันไว้ที่หน้าอกข้างซ้ายของเขา

“ผู้อาวุโสเก้า ผู้อาวุโสสิบสี่ พวกเจ้า 2 คนควรจะอธิบายถึงกฎและบริการต่าง ๆ ที่สมาคมมีให้แก่ลูกศิษย์ลำดับที่ 3 ของข้า” ท่านประธานหันไปและบอกกับสองผู้อาวุโส

“พวกเราจะทำตามที่ท่านประธานบอก” ประธานนั้นมีความสำคัญในใจของผู้อาวุโสทั้งสองมาก ในขณะที่เขาแสดงท่าทีที่เคารพยกย่องออกมา

“เด็กน้อย เจ้าควรจะไปกับผู้อาวุโสทั้งสอง และกลับมาในอีกสามวัน เราจะจัดพิธีในการรับเจ้าเป็นสมาชิกหลักของสมาคม หลังจากเสร็จพิธี เจ้าสามารถที่จะเข้าไปที่หอคอยพลังเซียนธาตุแสงเพื่อเรียนรู้ทักษะธาตุแสงได้” ท่านประธานหันมาแล้วบอกกับเจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาพูดถึงพิธีในการกลายเป็นสมาชิกหลัก สายตาของเขาก็ฉายแววแปลก ๆ อยู่ลึก ๆ

เมื่อได้ยินคำว่าทักษะธาตุแสงได้ถูกพูดถึงอีกครั้ง ความอยากรู้ของเจี้ยนเฉินก็เพิ่มขึ้นอย่างมากอีกครั้ง เขาอดไม่ได้ที่จะถาม “ท่านอาจารย์ อะไรคือทักษะธาตุแสงอย่างนั้นหรือ ? “

ท่านประธานหัวเราะคิกคัก “ทักษะธาตุแสงเป็นวิธีเดียวที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงใช้เพื่อทำการโจมตี มันมีหลากหลายแบบ โดยพื้นฐานแล้วมันมีไม่จำกัด เด็กน้อย เมื่อเจ้าได้เป็นสมาชิกหลักและเข้าไปที่หอคอยพลังเซียนธาตุแสงแล้ว เจ้าจะเข้าใจแจ่มแจ้งด้วยตัวของเจ้าเอง”

“อ้อจริงซิ ข้ามีบางอย่างที่จะต้องเตือนเจ้าไว้ ในช่วงเวลานี้ มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าไม่ไปติดต่อกับคนของตระกูลคาซดา ตระกูลคารา และตระกูลซาร์ ในตอนนี้ จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์นั้นดูเหมือนจะสงบสุข แต่จริง ๆ แล้วมีปัญหาอยู่ จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่สงบสุขนั้นกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสมาคมเลยว่าตระกูลไหนในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์จะล่มสลาย เจ้าก็ไม่ใช่สมาชิกของตระกูลใหญ่ 3 ตระกูลอีกด้วย ดังนั้นมันจะดีที่สุดถ้าเจ้าไม่ไปยุ่งกับมัน”

“ศิษย์รับทราบ ! ” เจี้ยนเฉินตอบกลับอย่างจงใจด้วยน้ำเสียงเคารพ

เมื่อได้เห็นเจี้ยนเฉินปฏิบัติเช่นนี้ ท่านประธานก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้นไม่นาน เมฆสีขาวก็มารวมตัวกันอย่างรวดเร็วใต้เท้าของเขา มันถูกสร้างมากจากพลังเซียนธาตุแสง ภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของเจี้ยนเฉิน เขาก็จากไปบนเมฆนั้น

“หยางยู่เทียน เจ้าเห็นนั้นหรือไม่ ? ตอนที่ท่านประธานจากไป เขาใช้ทักษะธาตุแสง เขาสามารถบินได้โดยใช้มันและความเร็วมันก็สูงมาก ถ้าฝึกมันจนสำเร็จระดับสูงละก็ มันจะเร็วไม่แพ้การใช้พลังมิติของเซียนผู้คุมกฏเลยล่ะ” ผู้อาวุโสเก้าจ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยรอยยิ้ม พรสวรรค์ที่เจี้ยนเฉินได้แสดงประกอบกับการที่เขาได้เป็นลูกศิษย์ของประธานทำให้ผู้อาวุโสที่เป็นระดับเจ็ด 2 คนปฏิบัติตัวกับเขาต่างออกไป ถ้าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 คนอื่น เขาทั้งสองคนจะไม่สนใจในฐานะที่เขาเป็นถึงผู้อาวุโส

“ทักษะธาตุแสง เป็นสิ่งเดียวที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงใช้โจมตี ข้าอยากจะเรียนรู้มันจริง ๆ ข้าสงสัยว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นที่รู้กันว่าไม่มีพิษภัยอะไร จะเป็นอย่างไรหลังจากที่ฝึกใช้ทักษะธาตุแสงแล้ว” เจี้ยนเฉินคิดในใจ

“หยางยู่เทียน พวกเราไปนั่งกันตรงนู้นซักพักเถอะ พวกเราจะอธิบายกฎพร้อมกับบริการที่สมาคมมีให้กับสมาชิกหลัก” ผู้อาวุโสสิบสี่พูดอย่างใจดี อย่างไรก็ตาม ในน้ำเสียงที่แหบแห้งของเขานั้น มันไม่ได้แค่ไม่รู้สึกถึงความอ่อนโยนเท่านั้น แต่น้ำเสียงนั้นยังฟังดูค่อนข้างน่ากลัว