ตอนที่ 733: ทักษะธาตุแสง (1)
เมื่อออกจากที่ซึ่งผู้อาวุโสเก้าและสิบสี่อยู่ เจี้ยนเฉินก็เดินตรงมายังทางออกของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง
มันมีคนจำนวนมากที่สำนักงานใหญ่ของสมาคม ไม่ได้มีแค่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงชุดขาวหลายคนที่ติดตราสัญลักษณ์หลากหลายสีเท่านั้น แต่ยังมีสองสามคนที่แต่งตัวแบบนักสู้ แม้ว่านักสู้จะไม่ใช่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง แต่กระนั้นพวกเขาก็เป็นสมาชิกของสมาคม
อย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าตราสัญลักษณ์สีน้ำเงินของเจี้ยนเฉินนั้นจะเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ ทุกคนที่เดินผ่านเจี้ยนเฉินนั้นอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความประหลาดใจและตกใจ อย่างไรก็ตาม ยิ่งคนจำนวนมากที่มองไปที่ตราสัญลักษณ์สีน้ำเงินที่ถูกทำขึ้นมาอย่างสวยงามบนหน้าอกของเจี้ยนเฉินมากเท่าไร มันก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความอิจฉาที่ยากที่จะปิดบังไว้ได้ของคนพวกนั้น
“ใครกันที่ติดตราสัญลักษณ์สีน้ำเงิน ? ตราสัญลักษณ์สีน้ำเงินเป็นสัญลักษณ์ของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 เด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่ากว่านี้บางทีอาจจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 เช่นนั้นหรือ ? “
“เจ้าหนุ่มนี้ดูเหมือนจะอายุแค่ยี่สิบกว่ากว่า แต่เขาก็ได้ติดตราสัญลักษณ์สีน้ำเงินแล้ว ไม่น่าเชื่อเลย”
“ข้าว่าตราสัญลักษณ์นี้มันเป็นของปลอม ข้าจะติดต่อผู้อาวุโสเก้าเดี๋ยวนี้ หืม มันคิดอะไรของมันที่กล้ามาติดตราสัญลักษณ์ปลอมในสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง มันต้องโดนดีแน่”
“ตระกูลอะไรกันนะที่เจ้าหนุ่มนี้อยู่ ช่างเป็นระดับ 6 ที่อายุน้อยอะไรเช่นนี้ ข้าอยู่ในเมืองแห่งเทพเจ้านี้มาก็นานมากแล้ว ข้ารู้จำนวนเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงขั้นสูงดี แต่ทำไมข้าไม่รู้จักคนผู้นี้มาก่อนเลย ? “
“เขาอาจจะแค่ดูหนุ่มก็ได้ แต่จริง ๆ แล้วเขาอาจจะเป็นสัตว์ประหลาดอายุเยอะที่อยู่มาสองสามร้อยปีแล้ว เขาแค่ใช้บางวิธีที่จะคงความหนุ่มเอาไว้และอยู่ในร่างนี้”
บทสนทนาดังจ้อกแจ้กดังออกมาจากรอบ ๆ การปรากฏตัวของเจี้ยนเฉินเป็นที่สนใจของทุกคนเพราะว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่มีตราสัญลักษณ์สีน้ำเงินนั้นเป็นคนสำคัญ พวกเขาไม่ค่อยปรากฏตัวบ่อยนักในสมาคม แต่ทุก ๆ ครั้งที่พวกเขาปรากฏตัว มันก็มักจะสร้างความสนใจให้กับผู้คนจำนวนมากเสมอ
เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจเสียงสนทนาที่ดังอยู่รอบรอบ เขาชินกับการที่ถูกคนจำนวนมากจ้องมานานแล้ว เท่าที่เขามองดูนั้น ส่วนใหญ่เขาเห็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 2 ถึงระดับ 4 มีน้อยมากที่มีตราสัญลักษณ์ระดับ 5 และมีเพียงเขาคนเดียวไม่มีใครอื่นเลยที่มีตราสัญลักษณ์ระดับ 6
เจี้ยนเฉินเดินผ่านห้องโถงและไปถึงที่ชั้นแรกของสมาคม ทันทีที่เขาเดินลงไปจากห้องโถง เขาเห็นหลินไป่เจมมี่และกีเตอร์กำลังกระโดดหยอง ๆ ไปมาด้วยความตื่นเต้น
“น้องหยางยู่เทียน ยินดีด้วยที่เจ้าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ” ทันทีที่เจมมี่มาถึงที่ตรงหน้าเจี้ยนเฉิน เขาก็พูดแสดงความยินดี สายตาของพวกเขาจ้องค้างไปที่ตราสัญลักษณ์สีน้ำเงินที่อยู่บนอกของเจี้ยนเฉินโดยไม่ละสายตา พวกเขารู้สึกชื่นชม
“น้องหยางยู่เทียน เจ้าเก็บงำความสามารถมาตลอดเลยนะตอนที่อยู่กับพวกเรา ใครจะคิดล่ะว่าเจ้าจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 จริง ๆ” หลินไป่พูดอย่างเจ็บปวด ในขณะที่สายตาของเขายังคงติดอยู่ที่ตราสัญลักษณ์สีน้ำเงินนั้น
เจี้ยนเฉินเป็นคนง่าย ๆ และพูดกับพวกเขาอย่างเป็นมิตร โดยปราศจากความเย่อหยิ่งใดใด หลังจากพูดกับพวกเขาทั้งสามเล็กน้อย เขาก็บอกลา เขาวางแผนที่จะเดินเล่นที่ถนนเพื่อดูว่าเขาจะสามารถหาวัตถุดิบสำหรับกระบี่ม่วงฟ้าได้หรือไม่
“น้องหยางยู่เทียน ข้า หลินไป่ กำลังว่างและไม่มีอะไรทำ ทำไมเจ้าไม่ให้ข้าพาเจ้าไปรอบ ๆ เมืองล่ะ? ข้าอยู่ที่เมืองแห่งเทพเจ้ามาหลายทศวรรษแล้ว ข้าอาจจะไม่รู้จักเมืองนี้ดีเหมือนกับมันอยู่บนฝ่ามือของข้า แต่ข้าก็พอรู้จักที่โด่งดังบ้าง 2-3 ที่”
“ถ้างั้นข้าคงต้องรบกวนพี่หลินไป่แล้ว” เจี้ยนเฉินป้องมือให้หลินไป่ด้วยรอยยิ้ม
“น้องหยางยู่เทียน ในฐานะที่ข้าเป็นรองผู้จัดการ ข้าไม่สามารถออกไปจากสาขานาน ๆ ได้ ดังนั้นข้าต้องรีบกลับไปแล้ว ข้าคงไปกับเจ้าไม่ได้ ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย” เจมมี่อำลาเจี้ยนเฉินก่อนที่จะจากไปด้วยจิตใจที่ชื่นบาน นี่เป็นเพราะว่าเขาเพิ่งได้รับข่าวว่าสำนักงานใหญ่นั้นดีใจมากมากกับสิ่งที่เขาทำ และได้เลื่อนขั้นเขาให้เป็นผู้จัดการของสาขาชั้น 2 ซึ่งมีอำนาจมากกว่ารองผู้จัดการของสาขาชั้น 3
เจี้ยนเฉินและหลินไป่อำลากับผู้ทดสอบกีเตอร์ก่อนที่กำลังจะออกมาด้านนอก
ในตอนนี้เอง เล่ยหมินเกา คนที่เคยพลาดท่าให้กับเจี้ยนเฉินกำลังเดินเข้าไปที่สำนักงานใหญ่ภายใต้การนำของลูกพี่ลูกน้องของเขา เล่ยหยิน ทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้าไปมนสำนักงานใหญ่ เขาก็พบเจี้ยนเฉิน
เล่ยหมินเกาและลูกพี่ลูกน้องของเขามองไปที่หน้าอกของเจี้ยนเฉินโดยเกือบไม่ได้ตั้งใจ เมื่อพวกเขาเห็นตราสัญลักษณ์สีน้ำเงินเข้ม ท่าทีของพวกเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงพร้อมสายตาที่ไม่เชื่อ
“นะ น้ำ ตราสัญลักษณ์สีน้ำเงิน มัน มัน มันเป็นไปได้อย่งไร ! ? ” เล่ยหมินเกาเริ่มหน้าซีด เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยในตอนนี้
การที่ได้เห็นตราสัญลักษณ์สีน้ำเงินของเจี้ยนเฉิน แม้แต่เล่ยหยินที่เย่อหยิ่งก็เกรงกลัวอย่างมาก นางพึมพำออกมาอย่างเศร้าหมอง “เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปได้เช่นไร..”
“เล่ยหมินเกา, เล่ยหยิน บางทีพวกเจ้าสองคนอาจยังคงต้องการที่จะเอาลูกเสือของน้องหยางยู่เทียนอยู่อีกเช่นนั้นหรือ ? ” หลินไป่จ้องอย่างเย็นชาไปที่คนทั้งสอง แม้ว่าตระกูลที่พวกเขาอยู่นั้นจะไม่ได้อ่อนแอเลย แต่หลินไป่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 5 และเป็นสมาชิกที่มีศักยภาพที่จะไปถึงระดับ 6 ในอนาคต เขาได้รับการคุ้มครองจากสมาคม ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กลัวตระกูลเล่ยอยู่แล้ว
สิ่งที่หลินไป่พูดไปทำให้ท่าทีของเล่ยหมินเกาและเล่ยหยินเปลี่ยนไปอีกครั้ง เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ได้เป็นสมาชิกหลักของสมาคมแล้ว พวกเขาไม่สามารถไปมีเรื่องด้วยได้ แม้แต่ตระกูลของพวกเขา ตระกูลเล่ยยังไม่กล้าที่จะไปทำให้เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ไม่พอใจได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น
เจี้ยนเฉินมองผ่านสองคนนั้นไปอย่างไร้ความรู้สึก เขาไม่ได้สนใจคนทั้งสองนั้นเลย ด้วยตัวตนของเขาที่เป็นถึงเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 และยังเป็นถึงเซียนผู้คุมกฎอีกด้วย เขาไม่สนใจที่จะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับคนพวกนี้
“พี่หลินไป่ ไปกันเถอะ เลิกทำให้พวกเขาเสียเวลาที่มีค่าของพวกเขาได้แล้ว” เจี้ยนเฉินและหลินไป่เดินผ่านเล่ยหมินเกาและเล่ยหยินไป
“ใครจะไปคิดล่ะว่าเขาจะเป็นถึงเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่หนุ่มมาก ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ” เล่ยหยินพึมพำกับตัวเอง ท่าทีของนางสับสน หลังจากนั้นครู่เดียว สายตาของนางก็เป็นประกาย “ข้าต้องไปบอกท่านปู่สามเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เมื่อคิดได้ดังนั้น เล่ยหยินก็หันหลังและจากไป นางไม่ได้สนใจเล่ยหมินเกาที่เพิ่งได้สติกลับมาเลย
ในขณะที่เจี้ยนเฉินและหลินไป่เดินไปตามถนนนั้น เจี้ยนเฉินได้รู้เกี่ยวกับพื้นเพของหลินไป่บ้างจากบทสนทนาเล็กน้อย หลินไป่ไม่ได้เป็นคนที่มั่งคั่งจากตระกูลชั้นสูง เขาไม่ได้มีพื้นเพที่ดีเลย บ้านเกิดของเขาอยู่ที่ห่างไกลในภูเขา ในที่ซึ่งทุกคนอยู่อาศัยด้วยการทำไร่นาและล่าสัตว์
พ่อแม่ของหลินไป่นั้นเป็นชาวบ้านปกติธรรมดา อย่างไรก็ตาม ลูกชายของเขาก็ไม่ได้มีเส้นทางแบบเดียวกันกับพวกเขาทั้งสอง ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในหมู่บ้าน แต่เขายังเป็นเด็กที่มหัศจรรย์และโดดเด่นในบริเวณนี้
พรสวรรค์ในการเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงของหลินไป่นั้นยอดเยี่ยมมาก เขาเติบโตมาในหมู่บ้านและเมื่อเขาอายุ 20 นั้น เขาก็สำเร็จระดับ 3 แล้ว หลังจากนั้น เขาก็ได้ถูกพบโดยเซียนสวรรค์จากสมาคมที่กำลังอยู่ในระหว่างปฏิบัติภารกิจอยู่ เขาถูกพามาที่เมืองแห่งเทพเจ้าโดยเซียนสวรรค์คนนั้นและเข้าร่วมสมาคมพร้อมกับได้อาจารย์ที่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 อีกด้วย หลังจากนั้น ชีวิตของหลินไป่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ซึ่งนั้นทำให้เขากลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 5 ที่เยี่ยมยอดเมื่อเขาอายุได้เพียงสี่สิบกว่าปี เขาสร้างชื่อให้ตัวเองในสมาคมและได้รับความเอาใจใส่จากสมาชิกระดับสูงของสมาคม
ในเมืองแห่งเทพเจ้านั้น มีคนสองสามคนจากตระกูลใหญ่ต้องการที่จะเอาเขาเข้าไปเป็นพวกด้วย แต่พวกเขาก็ถูกปฏิเสธ
เจี้ยนเฉินและหลินไป่ผ่านตรอกและถนนไปหลายสายและเข้าออกร้านรวงต่าง ๆ และเมื่อพลบค่ำพวกเขาก็หาโรงเตี้ยมเพื่อที่จะเข้าพัก
ในเวลาเดียวกันนั้น โคมไฟที่ส่องแสงภายใต้ตระกูลเล่ย เล่ยหยินในชุดขาวก็มาถึงที่หอคอยสูง นางยืนอย่างเคารพอยู่ข้างหลังประตูที่ปิดสนิทแล้วพูด “ท่านปู่สาม เล่ยหยินมีข่าวจะมารายงาน”
ประตูเปิดออกอย่างช้า ๆ สำแสงนวลสีขาวก็ส่องแสงออกมาจากช่องประตูที่เปิดนั้นพร้อมกับไล่ความมืดออกไป
“เล่ยหยิน เข้ามา” เสียงชราดังสะท้อนมาจากข้างใน
“เจ้าค่ะ ท่านปู่สาม” เล่ยหยินก้าวเข้าไปอย่างนุ่มนวลแล้วก้มหัวลง ข้างในนั้น มีชายชรานั่งไขว่ห้างอยู่บนเบาะ ตาของเขาปิดอยู่ในขณะที่นิ้วของเขานั้นทำท่าแปลก ๆ ชั้นพลังเซียนธาตุแสงห่อหุ้มทั้งตัวของเขาอยู่ พลังเซียนธาตุแสงนั้นเพิ่มขึ้นและขึ้นลงอย่างรวดเร็ว
เล่ยหยินหยุดอยู่ห่างสามเมตรจากชายชรา “ท่านปู่ เล่ยหยินเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะอายุประมาณยี่สิบกว่ากว่านอกสำนักงานใหญ่วันนี้ เขาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 แล้ว”
พลังเซียนธาตุแสงรอบ ๆ ชายชราคนนั้นก็เริ่มกระเพื่อมขึ้นอย่างน่ากลัว ตาของเขาเปิดขึ้นและพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ “อะไรนะ ? เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่อายุแค่ยี่สิบกว่า ? เล่ยหยิน เจ้ามั่นใจนะว่าเจ้าไม่ได้ตาฝาด ? “
“ในตอนนั้น พี่เล่ยหมินเกาก็อยู่ที่นั้นด้วย ถ้าท่านปู่ไม่เชื่อละก็ ท่านปู่ก็ไปถามเล่ยหมินเกาได้ หรือไปถามคนที่สมาคมก็ได้” เล่ยหยินพูดด้วยน้ำเสียงเคารพ
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่มีอายุยี่สิบกว่าปีเลย นี้มันน่าประหลาดใจเกินไป ข้าจะไปสอบถามสหายรักของข้าที่สมาคมตอนนี้” จี้หยกก็ปรากฏออกมาที่มีของชายชราและความคิดในหัวของเขาก็ถูกส่งออกมาจากกึ่งกลางของคิ้วของเขา