ตอนที่ 734: ทักษะธาตุแสง (2)
ในไม่ช้า พลังจาง ๆ ก็ถูกส่งออกจากจี้หยกนั้น ไปที่กลางคิ้วของชายชรา
ชายชรานั่งนิ่งเงียบแล้วปิดตาลงซักพัก ก่อนที่เขาจะลืมตา เขาพูดด้วยความแปลกใจ “มันเป็นความจริง ! มีคนอายุ 24 ที่ชื่อหยางยู่เทียนที่ผ่านการทดสอบเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 พรสวรรค์ของเขาจะไม่ยอดเยี่ยมเกินไปหน่อยหรือ ? ไม่น่าเชื่อ เมื่อเขาไปถึงระดับ 6 แล้ว เขาก็คงจะเข้าร่วมในการแย่งชิงกันเพื่อจะเป็นระดับ 7 ในปีที่จะถึงนี้ ดูเหมือนว่า…” สายตาของชายชราสั่นไหว หลังจากนั้นไม่นาน เขาโบกมือและพูด “เล่ยหยิน เจ้าไปได้แล้ว”
“คะ ท่านปู่ ! ” เล่ยหยินออกไปอย่างสุภาพ
ทันทีที่เล่ยหยินออกไป ประตูบานหนักนั้นก็ปิดลงอีกครั้ง ชายชราที่นั่งอยู่ในห้องที่ปิดนั้นกำลังครุ่นคิด หลังจากนั้น เขาก็ดึงจี้หยกออกมาและส่งความคิดอีกอันไปที่จี้อีกครั้ง
ในเมืองแห่งเทพเจ้า ชายวัยกลางคนที่สุภาพเรียบร้อยนั่งอยู่บนเตียงในเขตที่หรูหรา ข้างหน้าของชายนั้นมีกริชยาวครึ่งเมตรกำลังส่องแสงนุ่มนวลในขณะที่มันลอยอยู่กลางอากาศ มันมีคลื่นพลังกระเพื่อมออกมาจากกริชนั้นซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังมหาศาลที่ซ่อนอยู่ภายใน
ชายนั้นเพิ่งสมาธิไปที่กริชซึ่งถูกสร้างมาจากพลังเซียนธาตุแสงและถอนหายใจเบา ๆ “มันยังมีเวลาอีกปีครึ่งจนกว่าจะถึงเวลาที่วัตถุเซียนจะทำงานอีกครั้ง แต่ทักษะธาตุแสงของข้ายังติดอยู่ที่ระดับ 3 พัฒนาการของข้าในช่วงห้าสิบปีนี้ช่างไม่น่าพอใจเอาเสียเลย ข้าสงสัยว่าข้าจะติดหนึ่งในสิบระหว่างการแข่งขันในอีกครึ่งปีนี้หรือไม่”
ทันใดนั้น ท่าทีของชายคนนี้ก็เปลี่ยนไป แค่เขาพลิกมือ จี้หยกโบราณก็ปรากฏขึ้นมาบนมือของเขา ความคิดจาง ๆ ลอยออกมาจากจี้และเข้าไปยังกลางหัวของชายนั้น
ชายนั้นนั่งนิ่งเงียบและหลับตาอยู่สักพัก ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นช้า ๆ แววประหลาดปรากฏขึ้นที่ตาของเขา เขาถอนหายใจ “มันมีบางคนที่ไปถึงระดับ 6 ได้ด้วยอายุเพียง 24 ปี มันเป็นเรื่องจริงหรือนี่ ? เหลือเชื่อจริง ๆ นั่นไม่ได้หมายความว่าความเร็วในการพัฒนาของเขาเร็วกว่าพวกนักสู้หลายเท่าเลยหรือ ? ถ้านี่เป็นเรื่องจริง ตระกูลเล่ยต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว”
ชายวัยกลางคนกระจายพลังเซียนธาตุแสงที่รวมอยู่ข้างหน้าเขาออกไป เขายืนขึ้นที่เตียงและก้าวอยู่ในห้องที่หรูหราพร้อมกับครุ่นคิด
หลังจากนั้นไม่นาน ชายคนนั้นก็หยุด เขามองตรงไปที่ประตูและเรียก “เฟิง ! “
ประตูถูกเปิดออกอย่างเงียบเชียบ ชายหัวล้านที่ดูกำยำเดินเข้ามาและประสานมือไปที่ชายวัยกลางคน “นายท่านเฉิงที่เคารพ ท่านต้องการสิ่งใดหรือ ? “
ชายวัยกลางคนพูด “เฟิง มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นที่สมาคมวันนี้ มีคนสำเร็จระดับ 6 ด้วยอายุที่ยังน้อยมาก คนคนนั้นชื่อหยางยู่เทียน ไปตามหาเขาเดี๋ยวนี้และเมื่อเจ้าพบเขาแล้ว บอกเขาไปว่า ข้า เฉิงต้วนเทียน ต้องการที่จะเป็นสหายของเขาอย่างมาก และในอีกสองวันข้างหน้านี้ ข้าได้จองโรงเตี้ยมลอยน้ำที่มีชื่อเสียงที่อยู่บนแม่น้ำน้ำหอมเอาซึ่งห่างจากเมืองไปสิบกิโลเมตร ข้าหวังว่าข้าจะได้เปิดอกพูดคุยกับเขา”
“ครับ นายท่านเฉิง ข้าจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้” ชายหัวล้านพูดเสียงทุ้ม
“เฟิง ข้าไม่มั่นใจว่าหยางยู่เทียนยังอยู่ที่สมาคมหรือเปล่า ถ้าเขาไม่อยู่ที่นั้น เจ้าสามารถใช้คนของตระกูลทั้งหมดได้เพื่อตามหาเขา” ในขณะที่ชายหัวล้านกำลังจะออกจากห้อง เสียงที่ราบเรียบของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
..
ในเวลาเดียวกันนั้น หลาย ๆ แห่งในเมืองแห่งเทพเจ้า คนสำคัญหลายหลายคนได้รับข้อความอันเดียวกัน ในตอนนั้นเอง เกือบทุกตระกูลที่ทรงอำนาจในเมืองแห่งเทพเจ้าก็ได้รู้ว่ามีเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่อายุเพียง 24 ปีปรากฏขึ้นมาที่สมาคม
ในเขตที่หรูหราในเมืองแห่งเทพเจ้า เสียงชราดังสะท้อนมาจากสนามเล็ก ๆ ที่ถูกคุ้มกันอย่างดี “มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นที่สมาคม เขาสำเร็จระดับ 6 ด้วยอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น นี่เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่ง เซี่ยโหวส่งคนไปตามหาคนผู้นี้เดี๋ยวนี้และเชิญเขาในฐานะแขกผู้มีเกียรติของคฤหาสน์โหวของข้า เจ้าอย่าได้ทำให้เขาขุ่นเคือง”
“ขอรับ ! ” เสียงเย็นชาสะท้อนมาจากข้างนอก หลังจากนั้นไม่นาน เงาดำก็สั่นเล็กน้อยและพุ่งออกไปยังที่ไกล ๆ ด้วยความเร็วสูง
ทางใต้ของเมืองแห่งเทพเจ้า ชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดาสามัญนั่งอยู่ที่ชั้นใต้ดินมืดมืดและฝึกฝนทักษะธาตุแสงอยู่ แสงนวลหนาสีขาวก็กำลังส่องแสงอยู่ที่ชั้นใต้ดินนั้นทำให้ทุกอย่างขาวไปหมด ในเวลาเดียวกันนั้น ห้องทั้งห้องก็ร้อนมากเหมือนกับว่ามันมีทะเลเพลิงอยู่ด้านใน
ความร้อนนั้นเกิดมาจากทักษะธาตุแสง ถ้าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ได้มาเห็น เขาคงจะต้องประหลาดใจอย่างมากเป็นแน่ เพราะว่าปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อทักษะธาตุแสงถูกฝึกในระดับที่สูงมาก ๆ แล้ว
แม้แต่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ทั้งหมดในเมือง มีคนที่ฝึกถึงขั้นนี้ได้แค่หยิบมือเท่านั้น และมีไม่มากเกินไปกว่าสิบคน
ทันใดนั้นเอง ท่าทีของชายวัยกลางคนที่อยู่ในชั้นใต้ดินก็เปลี่ยนไป พลังเซียนธาตุแสงที่เปล่งแสงด้วยความร้อนก็หายไป หลังจากนั้นไม่นาน ชายคนนั้นก็ดึงเอาจี้หยกออกมาและความคิดจาง ๆ ก็พุ่งออกมาจากมันและเข้าไปที่ระหว่างคิ้วของเขา
ชายวัยกลางคนนั่งปิดตาเงียบ เขาพูดด้วยเสียงทุ้มกับตัวเอง “เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่อายุ 24 ปีด้วยพรสวรรค์ที่เข้าใกล้ระดับ 7 สำหรับทักษะธาตุแสง และยังเป็นลูกศิษย์ลำดับที่ 3 ของประธานสมาคม หยางยู่เทียน เจ้าทำให้ข้ารู้สึกกดดันจริง ๆ” สายตาของชายชราเย็นชา จากนั้นเขาก็เปิดประตูที่ชั้นใต้ดิน พลังเซียนธาตุแสงมารวบรวมกันอย่างรวดเร็วที่ใต้เท้าของเขาเหมือนเมฆ และชายวัยกลายคนก็ออกไปด้วยเมฆนั้น
หลังจากที่ออกไปจากชั้นใต้ดิน ชายคนนั้นมองไปที่ท้องฟ้ายามราตรี เขาพูดอย่างไม่สนใจ “เงา อัจฉริยะได้ปรากฏตัวขึ้นที่สมาคม คนผู้นั้นมีนามว่าหยางยู่เทียน เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ไปหาว่าเขาอยู่ที่ไหนเดี๋ยวนี้และเชิญเขามาที่คฤหาสน์ ข้าต้องการที่จะคุยกับเขา”
“ขอรับ นายน้อยที่หนึ่ง” เสียงแหบแห้งดังมาจากเงามืดที่อยู่ด้านหลังชายวัยกลางคน หลังจากนั้น ก็เกิดสายลมเบาเบา และทุก ๆ อย่างก็กลับมาสงบอีกครั้ง
ตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว เจี้ยนเฉินกำลังพักผ่อนอยู่ในโรงเตี้ยมที่หรูหรา เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาทำไปในวันนี้จะไปเตะตาตระกูลที่ทรงอำนาจหลายตระกูลในเมืองแห่งเทพเจ้านี้
“เฮ้อ หลังจากเดินหามาเป็นวัน ข้ายังไม่เจอวัตถุดิบแม้แต่ชิ้นเดียวที่จะใช้ทำกระบี่ม่วงฟ้าเลย ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็ไม่รู้ว่าข้าจะรวบรวมวัตถุดิบทั้งหมดได้ตอนไหน” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเองในขณะที่เขานั่งพิงอยู่กับเตียงและรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“ทักษะธาตุแสง วิธีการเดียวเท่านั้นที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงจะใช้โจมตี ข้าสงสัยเหลือเกินว่ามันจะทรงพลังซักแค่ไหน ข้าอยากกจะให้ถึงตอนที่ข้าได้ไปที่หอคอยพลังเซียนธาตุแสงในอีกสามวันนี้เสียเหลือเกิน” เขาคิดเกี่ยวกับทักษะธาตุแสงและรู้สึกอดทนรอไม่ได้ทันที เขาอยากจะไปที่หอคอยพลังเซียนธาตุแสงซะตอนนี้ เพื่อจะไปดูสิ่งเดียวที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงสามารถใช้โจมตี ทักษะธาตุแสง !
ทันใดนั้นเอง แสงก็ส่องเป็นประกายที่ตาของเจี้ยนเฉิน เขานั่งขึ้นที่เตียงทันทีและจ้องไปที่ทิศทางที่ประตูอยู่
ประตูที่ถูกปิดสนิทอยู่ก็เปิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ คนที่ปกคลุมอยู่ในหมอกมืดเดินเข้ามาจากข้างนอก ตัวตนของเขานั้นไม่สามารถเห็นได้ เห็นเป็นแค่รูปทรงเท่านั้น เขาดูเหมือนภูตผี
เจี้ยนเฉินจ้องอย่างใจเย็นไปที่หมอกดำนั้นและถามด้วยเสียงทุ้ม “เจ้าเป็นใครกัน ? “
“เจ้าคือหยางยู่เทียนใช่หรือไม่ ? ” คนผู้นั้นตอบกลับมาด้วยคำถามด้วยเสียงที่แหบแห้ง
“ใช่ นั่นคือข้าเอง ! ” เจี้ยนเฉินไม่ได้เกรงกลัวใด ๆ แม้ว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาจะดูแปลก ๆ แต่เขาก็เป็นแค่นักสู้ที่ใช้พลังเซียนธาตุความมืด และเขายังเป็นเพียงแค่เซียนสวรรค์
“หยางยู่เทียน นายน้อยที่หนึ่งต้องการที่จะเชิญเจ้าเพื่อไปพูดคุยกับเขา มากับข้า” เสียงแหบแห้งของร่างเงานั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ใครคือนายน้อยที่หนึ่งกัน ? ” เจี้ยนเฉินถามอย่างใจเย็น
“เจ้าจะรู้เองเมื่อเจ้าไปถึงที่นั่น” เงานั้นพูด
รอยยิ้มเยาะเกิดขึ้นที่ริมฝีปากของเจี้ยนเฉิน เขาเอนไปที่หมอนของเขาและไม่ได้สนใจในเงาดำนั้น “ข้าต้องขอโทษด้วย ข้ากำลังพักผ่อนอยู่ ข้าไม่มีเวลาที่จะไปพบนายน้อยของเจ้า ออกไปจากห้องของข้าซะ”
“หยางยู่เทียน เจ้าไม่รู้เรื่องอะไรเอาเสียเลย!” เสียงของคนผู้นั้นค่อย ๆ เย็นชาขึ้นและเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“โฮก ! ” บางทีอาจจะเป็นเพราะจิตสังหาร เสือขาวที่อยู่บนหมอนลุกขึ้นทันที มันจ้องอย่างโกรธเกรี้ยวไปที่เงานั้นและในสายตาอันฉลาดเฉลียวของมันแฝงไปด้วยความท้าทาย
แม้ว่าเสือนั้นจะยังเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับ 5 แต่กับมนุษย์ที่เป็นเพียงเซียนปฐพี มันก็ไม่ได้แสดงความเกรงกลัวในเงานั้นเลย มันตั้งใจที่จะท้าทายและดูถูกเซียนปฐพีนั้น
“เจ้าเงา อย่าลืมไปซิว่าเจ้าอยู่ที่ไหน เจ้าต้องการจะต่อต้านเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่น่าเคารพอย่างนั้นหรือ ? ” ทันใดนั้นเอง เสียงที่ทรงพลังก็ดังสะท้อนออกมาจากข้างนอก ชายหัวล้านกำยำเดินอยู่ข้างนอก ด้วยเท้าของเขาที่ลอยอยู่บนพื้น
“หืม เฟิงเจี้ยนหมิง เจ้ามาผิดเวลาจริง ๆ ” เงานั้นเยาะเย้ย เขารู้ว่าชายหัวล้านตัวใหญ่นี้เป็นใคร
เฟิงเจี้ยนหมิงหัวล้านจ้องไปที่เงาด้วยความเย้ยหยันและพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “สิ่งที่เจ้ารู้อย่างเดียวคือการทำให้ผู้คนหวาดกลัว เจ้าข่มขู่ผู้คนด้วยการใช้พลังเซียนธาตุความมืด สำหรับข้า มันก็ไม่ต่างจากไอ้โง่คนหนึ่ง”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ ! ? ” หมอกดำนั้นเริ่มสั่นอย่างรุนแรง เสียงแหบแห้งนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ
“เจ้าเงา ถ้าเจ้าไม่พอใจละก็ เรามาสู้กันแล้วดูว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน ข้ามีเรื่องที่จะต้องทำเหมือนกัน ข้าไม่มีเวลาที่จะมาโต้เถียงกับเจ้า ข้าจะสู้กับเจ้าได้ทุกเมื่อเมื่อข้าเสร็จงานที่นายท่านเฉิงบอกให้ข้ามาทำ” ชายหัวใหญ่หัวล้านพูดอย่างเย็นชา
“ฮืมมม ! ” เงานั้นพ่นเสียงออกมาและหยุดพูด
จากนั้นเฟิงเจี้ยนหมิงก็มองไปที่เจี้ยนเฉิน ใบหน้าที่เย็นชาของเขาก็หายไปและเปลี่ยนท่าที เขาโค้งอย่างเคารพไปที่เจี้ยนเฉิน “ท่านหยางยู่เทียนที่เคารพ ข้าชื่อเฟิงเจี้ยนหมิง ข้ามาเพื่อจะส่งข้อความจากนายท่านเฉิงกับท่าน นายท่านเฉิงต้องการที่จะเป็นสหายกับท่านด้วยใจจริง และเขาก็ได้จองโรงเตี้ยมลอยน้ำที่มีชื่อเสียงบนแม่น้ำน้ำหอมในอีกสองวันที่จะถึงนี้ ซึ่งมันอยู่ห่างจากเมือง 10 กิโลเมตร เขาปรารถนาที่จะใช้ช่วงเวลานั้นในการพบปะสนทนาอย่างจริงใจกับท่าน”
“นายท่านเฉิง ? ” ความสนใจของเจี้ยนเฉินก็พุ่งขึ้นมา เขามองไปที่ชายหัวล้านแล้วพูด “เจ้ามาจากตระกูลเฉิงที่เป็นหนึ่งในแปดตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่ใต้อำนาจของตระกูลซาร์ใช่หรือไม่ ? “