บทที่ 2598 ท่านหึงหวงตัวเองตลอดเลย... / บทที่ 2599 สามคนหนึ่งครอบครัว

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2598 ท่านหึงหวงตัวเองตลอดเลย…

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ลูกของเธอยังไม่มีชื่อเลยนะ!

ตอนนี้มีเวลาว่างแล้ว เหมาะจะตั้งชื่อให้ลูกได้พอดี…

เรื่องพวกนี้เธอล้วนถามออกมาทุกอย่าง ตี้ฝูอีถอนหายใจ

“เห็ดมรรคาม่วงที่เจ้าเก็บมา เดิมทีก็กลายสภาพมาจากพลังยุทธ์ของข้า เจ้าเอาพวกมันมาหลอมเป็นยาลูกกลอน ถูกข้าดูดกลืนเข้าไปหมดในคราวเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอี ย่อมฟื้นฟูกลับมาด้วย และบทลงโทษที่ข้าได้รับในปีนั้นคือชีพสิ้นนามมลาย ลิขิตสวรรค์ลบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับข้าไปจนหมด ตอนนี้ความทรงจำตอนเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายของข้ากลับคืนมาแล้ว แสดงให้เห็นว่าข้าขัดขืนวิถีสวรรค์ได้แล้ว ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับข้าก็จะกลับคืนมาอีกครั้ง เป็นเหตุผลที่ความทรงจำเจ้ากลับคืนมาด้วย ส่วนความทรงของเสินเนี่ยนโม่ นี่คือร่างกำเนิดของข้า ข้าย่อมจำได้ครบถ้วน อืม แข่งขันกับตัวเองไปไม่น้อยเลย…”

กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ยิ้มออกมาแวบหนึ่ง

“ใช่แล้ว ท่านหึงหวงตัวเองตลอดเลย…”

“นี่สิถึงจะเป็นนิสัยของข้า”

ตี้ฝูอีก็ยิ้มเช่นกัน กระชับนางเข้าหาอก

“เจ้าเป็นได้เพียงของข้า ผู้อื่นล้วนไม่ได้ทั้งนั้น ชาติก่อนก็ไม่ได้”

กู้ซีจิ่วนอนเกยอยู่บนร่างของเขาเสียเลย ทั้งมือ เท้า และแก้มแนบชิดกัน

“เช่นนั้นตอนนี้ท่านยังแข่งกับตัวเองอยู่หรือไม่?”

“แน่นอนว่าไม่”

แขนของนางตั้งอยู่บนแผ่นอกของเขา ดวงตาสุกสกาวดุจดวงดาวท่ามกลางรัตติกาล

ตี้ฝูอีลอบสูดหายใจเฮือกหนึ่ง รู้สึกว่าเชื้อเพลิงที่ไม่ง่ายเลย กว่าตนจะสะกดลงไปได้ปะทุขึ้นมาอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงตะแคงตัว ดึงนางลงมาจากร่างตน จัดแจงให้นอนอยู่ในวงแขน

“เด็กดี อย่านอนคว่ำเลย ไม่ดีกับลูก จะบีบพื้นที่ของนาง ระวังจะไม่โตเอา”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย ตอนนี้ลูกยังเป็นแค่ตัวอ่อนเล็กๆ ที่เพิ่งฝังตัวกระมัง? พื้นที่ในครรภ์ของเธอกว้างขวางเพียงพอ คาดว่าสามารถแหวกว่ายอยู่ด้านในได้ตามใจชอบด้วยซ้ำ…

เพียงแต่ ยากนักที่จะได้เห็นเขาห่วงใยลูกเหมือนกัน กู้ซีจิ่วดีใจยิ่งนัก แสดงท่าทีน้อมรับคำสั่งสอน ไม่นอนคว่ำอีก เธอนึกถึงคำถามอีกข้อขึ้นมาได้

“ถ้าอ้างอิงตามที่ท่านว่ามา พวกมู่เฟิงที่อยู่โลกเบื้องล่าง ก็จะฟื้นฟูความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับท่านได้เหมือนกันใช่ไหม?”

“ตามหลักแล้วน่าจะเป็นเช่นนี้”

“ถ้าความทรงจำของพวกเขากลับคืนมา ก็จะจดจำฉากตอนที่ท่านดับขันธ์ได้…ต้องเสียใจมากแน่ เฮ้อ อยากพาท่านกลับลงไปเร็วๆ จัง อยากเห็นว่าพวกเขาจะตื่นเต้นแค่ไหนตอนได้เห็นท่านหวนคืนมาอีกครั้ง…”

ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง อันที่จริงเขาก็อยากลงไปดูยิ่งนักเช่นกัน

โลกใบนั้น…

ถึงอย่างไรเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมานับหมื่นปี ปกปักรักษามานับหมื่นปี ยังคงน่าคะนึงหาอยู่บ้างจริงๆ

“รอให้เรื่องราวที่นี่จบลง เจ้าก็พาข้ากลับไปเถอะ”

ตี้ฝูอีจุมพิตดวงหน้าน้อยๆ ของนาง

“ได้! เอ๊ะ ทำไมถึงไม่เป็นท่านพาข้าไป? แต่เป็นข้าพาท่านไปล่ะ?”

“เพราะเจ้าเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ของที่นั่น เป็นอาณาเขตของเจ้า”

“ชิ ท่านก็เป็นอดีตเทพศักดิ์สิทธิ์ของที่นั่นไม่ใช่หรือไง?”

“อืม เป็นเพียงอดีตเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น”

“เช่นนั้นท่านจะลงไปด้วยในฐานะอดีตเทพศักดิ์สิทธิ์หรือ?”

“ไม่ ข้าจะลงไปด้วยฐานะสามีของเทพศักดิ์สิทธิ์ ข้ารู้สึกว่าเช่นนี้มีสง่าราศีกว่า”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย

เอาล่ะ ไม่ว่าเขาจะลงไปด้วยฐานะอะไร ขอเพียงยังอยู่ข้างกายเธอก็พอแล้ว

อย่างไรก็ตามต่อไปเธอจะโยนภาระวุ่นวายของเทพศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นไปให้เขาทั้งหมด เธอจะชี้นิ้วสั่งอย่างเดียว ใช้ชีวิตอย่างสำราญ

ความจริงแล้ว ตัวเธอเกียจคร้านยิ่งนัก และไม่มีใจใฝ่อำนาจ แค่อยากใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี ไม่อยากเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์นี้เลยจริงๆ…

เมื่อก่อนที่ขยันขันแข็งก็เพียงเพราะคิดจะปกป้องไว้ให้เขา…

“ใช่แล้ว ลูกของพวกเรายังไม่มีชื่อเลย ท่านตั้งให้สักชื่อสิ?”

กู้ซีจิ่วตื่นเต้น

ตี้ฝูอียื่นนิ้วไปบีบจมูกนางทีหนึ่ง

“เป็นลูกสาว ควรให้แม่อย่างเจ้าเป็นคนตั้ง ถึงจะดี”

————————————————————————————-

บทที่ 2559 สามคนหนึ่งครอบครัว

“ข้าตั้งชื่อได้ค่อนข้างแย่…”

ในตัวกู้ซีจิ่วไม่มีเซลล์โรแมนติกสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับการตั้งชื่อ ดูตัวอย่างได้จากสัตว์เลี้ยงที่เธอรับมา ชื่อของทุกตัวล้วนเรียบง่ายหยาบกระด้างตรงตัว…

อย่างเช่นเจ้าหอยยักษ์ อย่างลู่อู๋…

“เด็กดี ใช้สมองคิดดูให้ดีสิ เจ้าทำได้”

“ชิ ท่านขี้เกียจใช้สมองล่ะสิ? ท่านเห็นชายดีหญิงด้อย! แม้แต้ชื่อของบุตรสาวก็ไม่คิดจะตั้งให้…”

ยัดข้อหานี้ให้กันเสียแล้ว!

เขาชอบบุตรสาวมากไม่รู้หรือไง? เมื่อเทียบกับบุตรชายแล้ว เขายิ่งคาดหวังในตัวบุตรสาวที่จะถือกำเนิดออกมา ดีที่สุดคือให้มีหน้าตาเหมือนนาง เขาจะยิ่งเอ็นดูมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ ตี้ฝูอีจึงเริ่มคิดหาชื่อ…

เขาคิดออกมาสองสามชื่อ ล้วนถูกกู้ซีจิ่วปัดกลับไปด้วยเหตุผลเช่นนั้นบ้างเช่นนี้บ้าง สุดท้ายตี้ฝูอีก็บังเกิดความคิดบรรเจิด

“อันที่จริงก็มีชื่อแบบสำเร็จอยู่แล้วนี่ ตี้ซวี่เยวี่ยเป็นอย่างไร? ตอนนั้นเจ้าก็เคยใช้ชื่อนี้ ต่างกันเพียงแซ่เท่านั้น”

ทั้งสองพูดคุยกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะห่มผ้าคุยกันทั้งคืนจริงๆ

การคุยกันทั้งคืนนี้ได้ผลประโยชน์ยิ่งนัก อย่างน้อยก็ตั้งชื่อให้บุตรสาวได้แล้ว…ตี้ซวี่เยวี่ย

วันต่อมา ทั้งสองไม่ได้เดินทางไปทำลายผังดาราของเมืองอื่น แต่รุดกลับไปรับตี้เฮ่าที่อาณาจักรมารก่อน

เจ้าหนูถูกโยนทิ้งไว้ที่อาณาจักรมารเพียงลำพังนานขนาดนี้ ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง? จะผอมซูบหรือเปล่า? จะร้องไห้จนกลายเป็นหนูน้อยเจ้าน้ำตาไหม?

แน่นอน นี่เป็นเพียงการคิดไปเองฝ่ายเดียวของกู้ซีจิ่ว ตามการอนุมานของตี้ฝูอี เจ้าเด็กคนนี้อยู่ที่อาณาจักรมารแล้วเหมือนปลากระดี่ได้น้ำแน่นอน…

ความจริงได้รับการพิสูจน์แล้ว ข้ออนุมานของตี้ฝูอียังคงคลาดเคลื่อนไป ค่อนข้างใกล้เคียงกับแนวคิดของกู้ซีจิ่ว

เสี่ยวตี้เฮ่าป่วยแล้ว ผอมลง เพียงแต่ตัวสูงขึ้นนิดหน่อย

ก่อนหน้านี้ดูเหมือนเด็กอายุไม่กี่เดือน ตอนนี้ดูเหมือนเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบแล้ว

ตอนที่พวกตี้ฝูอีทั้งสองกลับมาถึง เขากำลังนั่งขัดสมาธิ ขาน้อยๆ ไขว้กันอยู่บนเตียงส่วนตัวของราชันมาร ดวงหน้าเล็กๆ ซีดขาว ข้างกายมีข้ารับใช้แปดคนกำลังทุ่มเทกายใจเฝ้าดูแลปรนนิบัติเขา…

บางคนก็พัดวีให้เขา บางคนก็ชงชาให้เขา แถมยังมีบางคนทุบขาให้เขาเบาๆ ด้วย…

ดูเหมือนชีวิตความเป็นอยู่จะสำราญบานใจยิ่ง

ตอนนั้นก่อนที่ตี้ฝูอีจะจากไป ได้สั่งการข้ารับใช้ให้ปรนนิบัติดูแลตี้เฮ่าน้อยดีๆ แต่อย่างไรก็ตามหลังจากเขาจากไปได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมาย ซ้ำยังไม่ได้กลับมาเนิ่นนานยิ่ง เป็นธรรมดาที่คนจะเกียจคร้านเฉื่อยชา

เมื่อก่อนข้ารับใช้เหล่านี้ ก็ล้วนเคยเป็นคนที่เย่อหยิ่งโอหังทั้งสิ้น รับใช้เขาเพียงคนเดียว ไม่หือไม่อือกับผู้อื่น

หากว่าเจ้าหนูไม่มีความสามารถเลิศล้ำ ไร้กลยุทธ์สยบพวกเขา มากสุดพวกเขาก็แค่ดูอาหารการกินให้เขาเท่านั้น ที่ตอนนี้เป็นเช่นนี้…

คาดว่าข้ารับใช้แปดคนนี้คงถูกเจ้าหนูทารุณเข้าแล้ว…

กู้ซีจิ่วพาตี้ฝูอีเคลื่อนย้ายเข้าตำหนัก ผู้คุมกันทั้งแปดยังคงมีความตื่นตัวสูงยิ่ง ได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้น

“ผู้ใดกัน…องค์ราชัน!”

“อา องค์ราชันในที่สุดพระองค์ก็กลับมาแล้ว!”

“ถวายบังคมองค์ราชัน!”

แปดผู้คุมกันโผเข้ามาถวายความเคารพ ฉากนั้นเสมือนคนตกทุกข์ได้ยากที่พบเห็นญาติมิตร แทบจะหลั่งน้ำตาอาบหน้าแล้ว

เสี่ยวตี้เฮ่าก็เงยหน้าขึ้นมาเช่นกัน เมื่อเห็นพวกกู้ซีจิ่วทั้งสอง ก็กระโดดผลุงลงพื้น สับขาสั้นๆ วิ่งเข้ามาหา

“ท่านแม่ ท่านพ่อ!”

เขาก้าวขาเล็กๆ ทั้งสองวิ่งเข้าหากู้ซีจิ่ว เสมือนเด็กน้อยทั่วไป ชัดเจนยิ่งนักว่าต้องการให้อุ้ม…

เพียงแต่เขายังไม่ทันไปถึงเบื้องหน้ากู้ซีจิ่วก็ถูกตี้ฝูอีดักหน้าแล้ว ตี้ฝูอีสะบัดแขนเสื้อ ม้วนตัวเขาขึ้นมา อุ้มไว้ในวงแขน ยิ้มน้อยๆ

“ตี้เฮ่า เจ้าโตขึ้นไม่น้อยเลย”

กู้ซีจิ่วก็ปราโมทย์ยิ่ง

“ใช่แล้ว คราวก่อนที่เห็นเขา ยังต้องให้คนอุ้มอยู่เลย ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้จะวิ่งเองได้แล้ว ซ้ำยังวิ่งได้มั่นคงขนาดนี้…”