บทที่ 2600 สามคนหนึ่งครอบครัว 2 / บทที่ 2601 ศึกพ่อลูก

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2600 สามคนหนึ่งครอบครัว 2

แม้ว่าเสี่ยวตี้เฮ่าจะผอมลงไปนิดหน่อย แต่หน้าตายังคงน่ารักน่าเอ็นดู ยามที่เบิกตามองดูผู้คนเขาน่าเอ็นดูยิ่งนัก!

กู้ซีจิ่วอดใจไม่ไหว

“มามะ มาให้ข้าอุ้มหน่อย”

คิดจะรับตัวเด็กมาจากอ้อมแขนตี้ฝูอี ตี้ฝูอีกลับไม่ให้

“ร่างกายเจ้าไม่สะดวก แบกของหนักไม่ได้ ให้ข้าอุ้มเขาจะดีกว่า”

กู้ซีจิ่วเถียงไม่ออก

ตี้เฮ่าหน้าครึ้มแล้ว เขาไม่ใช่ของหนักนะ!

ตัวเขาในตอนนี้หนักแค่สิบกว่าจินเท่านั้น…

หากเขาผ่อนลมหายใจออก ก็จะเบายิ่งขึ้น

สามคนหนึ่งครอบครัวได้กลับมาอยู่ด้วยกันเช่นนี้

ตี้เฮ่ายังคงดีใจนัก รีบสั่งการแปดผู้คุ้มกัน

“จัดอาหารมา วันนี้ข้าวปลาอาหารต้องพรั่งพร้อม เอาหวานสี่ เค็มสี่ สามเผ็ด สามเปรี้ยว”

เขาร่ายนามอาหารสิบสี่อย่างออกมาในคราวเดียว ผู้คุ้มกันแปดคนนั้นตอบรับทันที ปรี่ออกไปแล้ว

ตี้ฝูอีมองตี้เฮ่าอย่างยิ้มมิเชิงยิ้มแวบหนึ่ง เด็กคนนี้มีความสามารถรอบด้านจริงๆ สยบแปดผู้คุ้มกันนี้ให้เชื่องดุจแมว…

ที่หาได้ยากยิ่งกว่านั้นคือ อาหารที่ตี้เฮ่าสั่งล้วนเป็นอาหารโปรดของกู้ซีจิ่ว ดูเหมือนเจ้าเด็กคนนี้จะรู้จักรสปากของมารดาเขาถ่องแท้ยิ่ง

กู้ซีจิ่วยังคงรู้สึกว่าสีหน้าของตี้เฮ่าซีดเซียวไปหน่อย จึงจับชีพจรให้เขาเล็กน้อย อาการเหมือนผ่านศึกมา สูญเสียพลัง เธอค่อนข้างฉงน

“เจ้าต่อสู้ที่อาณาจักรมารหรือ? ทำไมถึงเสียพลังวิญญาณไปมากขนาดนี้?”

ตี้เฮ่าชะงักไปแวบหนึ่งถึงเอ่ยตอบ

“คือ…ไม่กี่วันก่อนบังเอิญฝันร้าย จึงเสียพลังไปในความฝัน”

ได้ยินเขาเอ่ยถึงความฝัน กู้ซีจิ่วพลันใจเต้นขึ้นมา

“พูดถึงความฝัน หลายวันก่อนข้าเคยฝันถึงเจ้าด้วยนะ”

ดวงตาของตี้เฮ่าแวววาว

“จริงหรือ? ฝันถึงลูกว่าอย่างไร?”

กู้ซีจิ่วนวดหว่างคิ้ว ส่ายหน้าตอบ

“ลืมแล้ว ข้าจำได้เพียงว่าฝันถึงเจ้า แต่ลืมเนื้อหาส่วนใหญ่ในความฝันไปแล้ว”

ตี้เฮ่ายิ้มละไม เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาอย่างคล้ายจะไม่ได้ตั้งใจ

“คงมิใช่ว่าท่านแม่ฝันว่าได้ชมละครกับข้ากระมัง?”

กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง จำได้รางๆ ว่าในความฝันนั้นได้ชมละครฉากหนึ่งจริงๆ

แต่ที่ได้เห็นคือละครอะไรล่ะ?

“เฮ่าเอ๋อร์ เจ้าก็ฝันว่าได้ชมละครกับข้าหรือ? ชมละครอันใด?”

กู้ซีจิ่วโยนคำถามกลับไปเสียเลย

ตี้เฮ่าตอบอย่างไม่อนาทรร้อนใจ

“ลืมแล้ว ดูเหมือนจะเป็นคนนั่งเรือกับคนเดินหมากอะไรนี่แหละ…”

ภาพฉากที่กระจัดกระจายส่วนหนึ่งแวบขึ้นมาในสมองกู้ซีจิ่ว ในฉากเหล่านั้นมีคนชุดขาวและคนชุดดำ…

เดี๋ยวก่อน! ดูเหมือนเธอจะเคยฝันถึงชายชุดดำคนหนึ่ง!

เธอพยายามคิดอย่างสุดชีวิต แต่ภาพฉากที่กระจัดกระจายเหล่านั้นเสมือนถูกคนเจตนาซ่อนเอาไว้ พอเธอนึกดูอย่างละเอียด ก็จะนึกไม่ออกแล้ว

เพียงจดจำได้รางๆ ว่าในความฝันมีบุรุษสองคนเดินหมากกัน หนึ่งสวมชุดขาวหนึ่งสวมชุดดำ วิถีการเดินหมากของพวกเขาก็แตกต่างกับวิถีหมากทั่วไป ดูเหมือนเธอจะได้เรียนรู้มาสามสี่ชนิดด้วย…

แต่ไม่ว่าจะนึกอย่างไรเธอก็นึกรูปร่างหน้าของสองคนนั้นไม่ออกเลย

เดี๋ยวก่อนนะ! วิถีหมากที่อยู่ในสมองเธอ ดูเหมือนจะคล้ายคลึงกับตอนที่ตี้ฝูอีจัดเรียงผังดาวอยู่บ้าง…

“ฝูอี ท่านร่ำเรียนศาสตร์ผังดาวมาจากผู้ใดหรือ?”

กู้ซีจิ่วโพล่งถามออกมา

เท่าที่เธอรู้ เทพศักดิ์สิทธิ์คนอื่นที่โบยบินขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบน จัดเรียงผังดาวไม่เป็น มากสุดก็เพียงทำนายดาราได้ จากนั้นก็เบี่ยงผลกระทบของดาวได้เพียงดาวสองดวง มิใช่เปลี่ยนแปลงวิถีโคจรได้มากมายเช่นตี้ฝูอี…

“หยั่งรู้ได้โดยไร้ผู้สอนสั่ง”

ตี้ฝูอีก็ไม่ปิดบัง

“เช่นนั้นท่านมีความทรงจำก่อนจะไปยังโลกเบื้องล่างหรือไม่?”

“ไม่มี” ตี้ฝูอีใจเต้นนิดๆ

ตอนอยู่ที่โลกเบื้องล่างเขาไม่มีวัยเด็กจริงๆ คล้ายว่าพอตื่นขึ้นมาก็อยู่ในวัยเด็กหนุ่มแล้ว ไม่มีความทรงจำช่วงเยาว์วัย…

หรือตนจะยังมีฐานะอื่นด้วย?

“ซีจิ่ว ฐานะของข้าเกี่ยวข้องกับความฝันของเจ้าหรือ? เจ้าเห็นข้าในฝันหรือ?”

ตี้ฝูอีถามประเด็นสำคัญออกมาแล้ว

….

————————————————————————————-

บทที่ 2601 ศึกพ่อลูก

ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ทราบถึงฐานะสูงสุดของตี้ฝูอีแล้ว

…เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์

ภารกิจที่เธอได้รับในตอนแรกคือตามหาเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ที่กลับชาติมาเกิดใหม่ มอบกำไลวงนั้นให้อีกฝ่าย…

เรื่องจริงได้รับการพิสูจน์แล้ว เสินเนี่ยนโม่คือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์อวตารมาเกิด กล่าวอีกอย่างคือ ตี้ฝูอีก็ใช่ด้วย

ในความฝันเธอเห็นคนสองคนเดินหมากกัน คนหนึ่งน่าจะเป็นตี้ฝูอี แต่อีกคนเป็นใครกันล่ะ?

น่าเสียดายที่ความฝันนั้นเลือนรางเกินไป เธอลืมไปพอสมควรแล้ว ยิ่งจดจำรูปลักษณ์ของคนชุดดำผู้นั้นไม่ได้ด้วย ไม่รู้ว่าคนชุดดำในความฝันจะเป็นคนเดียวกับจู๋ตู๋ชิงหรือเปล่า?

เธออดมองตี้ฝูอีแวบหนึ่งไม่ได้ จะอย่างไรก็คาดไม่ถึงว่า เขาคือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ ที่ควบคุมกฎเกณฑ์ของโลกทั้งใบ และเห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้เรื่องเลย

ไม่น่าเชื่อว่าตนจะผ่านเป็นผ่านตายจนได้ครองรักกับเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว

เธออ้าปาก คิดจะบอกอันใด จู่ๆ หยกนภาก็ส่งเสียงขึ้นมาในสมองเธอ

‘เจ้านาย บอกไม่ได้นะ!’

กู้ซีจิ่วหุบปากฉับ

เธอย่อมทราบดีว่าคำเตือนของหยกนภาหมายถึงอะไร ไม่ง่ายกว่าเธอกับเขาจะได้พบกันอีกครั้ง สามารถจับจูงมือกันได้อีกครั้ง หากว่าฝ่าฝืนลิขิตสวรรค์เอ่ยออกมาอีก ไม่แน่ว่าอาจจะก่อให้เกิดปัญหาวุ่นวายและผลกระทบที่ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้อีก…

ตี้ฝูอีฉลาดขั้นไหนแล้ว เขามองกู้ซีจิ่วอยู่ครู่หนึ่ง ก็ทราบแล้วว่านางมีเรื่องปิดบังตน ยิ่งไปกว่านั้นคือเขารับรู้การสื่อสารของเจ้าหยกนภาด้วย ใจเต้นแวบหนึ่ง ไม่ได้ถามลงลึกเช่นกัน

เขาคืออดีตเทพศักดิ์สิทธิ์ ย่อมรู้ดีว่าฝ่าฝืนลิขิตสวรรค์แล้วจะได้ผลลัพธ์แบบใด เมื่อก่อนเขาไม่ใส่ใจเนื่องจากไม่มีห่วงอาลัย ไม่กริ่งเกรงทัณฑ์แห่งลิขิตสวรรค์ แต่ตอนนี้ในในใจเขามีห่วงอาลัยแล้ว…

หญิงสาวและเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนที่เขาห่วงใยไม่อยากสูญเสียไปที่สุด

เขาไม่อาจให้ความอยากรู้อยากเห็นชั่วขณะมาทำให้โชคชะตาแปรเปลี่ยนเป็นเลวร้ายได้

ช่างเถิด เขาจะค่อยๆ สืบหาเอาเอง ขอเพียงมีคนรักอยู่ข้างกาย ไม่มีสิ่งใดที่เขาแก้ไขคลี่คลายไม่ได้!

“ซีจิ่ว ไม่สะดวกจะพูดก็ไม่ต้องพูดหรอก”

ตี้ฝูอีว่าพลางเลาะเนื้อปลาชิ้นหนึ่งให้นาง วางใส่ชามของนาง

“มาเถอะ กินปลาบำรุงสักหน่อย เนื้อปลาบำรุงสมอง ลูกจะได้ฉลาด”

เนื้อปลาชิ้นนั้นขาวผ่อง ก้างที่อยู่ในเนื้อล้วนถูกเขาแกะออกไปอย่างพิถีพิถันแล้ว ทำให้คนมองแล้วอยากอาหาร

ตี้เฮ่าที่อยู่ด้านข้างเงยหน้าน้อยๆ มองตี้ฝูอี นัยน์ตาโตกะพริบปริบๆ

“ท่านพ่อ เฮ่าเอ๋อร์ก็อยากกินปลาเหมือนกัน”

ตี้ฝูอีไม่เงยหน้าขึ้นเลย ยื่นไปยกจานปลามาให้เขา วางไว้ตรงหน้าเขา

“กินสิ”

“เฮ่าเอ๋อร์ก็กลัวก้างปลาเหมือนกัน”

ตี้เฮ่าดูน่าสงสารนัก

“เช่นนั้นก็แกะก้างออกสิ ซื่อบื้อ นี่ก็ต้องให้พ่อสอนอีกหรือ?”

ตี้เฮ่าพูดไม่ออกแล้ว…

ไหนบอกว่าจะรักถนอมเขาเหมือนลูกชายแท้ๆ?

ไหนบอกว่าจะโอ๋เอ็นดูเขา?

ปฏิบัติต่อเด็กน้อยวัยไม่กี่เดือนเช่นนี้ได้หรือ!

ที่แท้ไม่ว่าเมื่อไหร่ท่านพ่อล้วนวางท่านแม่ไว้เป็นอันดับหนึ่ง…

เขาเป็นเด็กน้อยที่ไม่อาจเรียกร้องความรักจากบิดาได้ ไม่ยุติธรรมนัก!

เขาทำตาปริบๆ มองไปที่กู้ซีจิ่วต่อ

“ท่านแม่…”

กู้ซีจิ่วยังไม่ได้พูดอะไร ตี้ฝูอีก็เอ่ยขึ้นแล้ว

“ห้ามออดอ้อน การออดอ้อนเป็นเรื่องน่าละอาย ชายชาตรีจะต้องสุขุมแต่เล็ก มีความรับผิดชอบ เรื่องของตัวเองต้องจัดการเอง…”

พอกล่าวประโยคนี้จบ ตี้ฝูอีพลันนึกขึ้นได้ว่าตอนที่ตนเยาว์วัย เสินจิ่วหลีก็เคยอบรมเขาเช่นนี้เหมือนกัน…

วันนี้ได้เอาคำพูดเดิมมาถ่ายทอดแก่บุตรชายคนนี้ เขายังคงรู้สึกเบิกบานนัก!

ตี้เฮ่าเงียบไปแล้ว

จริงๆ เลย ผู้อื่นยังเป็นเด็กน้อยอยู่ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ย้อนวัยอีกครั้ง ทำตัวออดอ้อนแล้วจะทำไม? ต้องน่ารักให้มากหน่อยสิ

ท่านพ่อน่าเบื่อ!

น่าชังนัก

ตี้เฮ่าดูแลตัวเองกินปลาด้วยเอง พยายามเลาะก้างออก ไม่ทันระวังถูกก้างทิ่มมือเข้า มีโลหิตหยดหนึ่งผุดซึมออกมาจากปลายนิ้ว