GGS:บทที่ 898 เลือกสรร

 

“คุณซูนี่ช่างสร้างเหตุการณ์ที่น่าตื่นตะลึงมากมายเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ไฟเวทมนต์ เรื่องใบยาสูบ และรูปปั้นนางฟ้ากลางสวนนั่นอีก และเรื่องที่สุดยอดที่สุดก็คือการได้เป็นหุ้นส่วนในอุตสาหกรรมยาสูบแห่งรัฐ”

ตอนนี้เฟิงเย่เหม่ยนั้นได้พูดออกมาอย่างออกรสออกชาติพร้อมทั้งสายตาหื่นกระหายราวกับก็อบบลินที่ราวกับมองเหยื่ออันโอชะ

 

“น่าตื่นตะลึงที่ไหนกัน คุณเฟิงเองก็พูดเกินไปแล้วครับ” ซูจิ้งเองในตอนนี้ยังไม่แน่ใจในความต้องการของเฟิงเย่เหม่ย เขาจึงยังไม่ได้ตัดสินใจจะทำอะไรออกมาได้แต่ตามน้ำไป

“คุณซูนี่ก็ถ่อมตัวเกินไปค่ะ คุณซูนั้นเป็นหนึ่งในเหล่าหมู่คนรุ่นเดียวกันในประเทศนี้อย่างแน่นอน ยิ่งพูดในเรื่องธุรกิจแล้วแน่นอนว่าคุณซูจะต้องเป็นคนที่รวยที่สุดภายในสิบปีข้างหน้านี้ ว่าแต่เรื่องที่คุณซูร่วมมือคุณเตียนนี่พอจะบอกได้รึเปล่าคะว่าได้ร่วมมือกันทำอะไรบ้าง” เฟิงเย่เหม่ยถามออกมา

 

“อ๋อ ก็แค่ธุรกิจเล็กครับ อย่างการปลูกกุหลาบและมะละกอพวกนั้น เห็นเตียนจงยี่บอกว่าคุณเฟิงเองก็ต้องการที่จะลงทุนในธุรกิจด้านการเงินนี่นา แถมยังถือครองที่ดินชั้นเลิศไว้มากมายด้วยอีก ผมอยากรู้จริงๆว่าคุณเฟิงพอจะปล่อยที่ดินพวกนั้นให้ผมได้มั่งรึเปล่า” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม

 

“ฮิฮิ คูณซูนี่ล่ะก็ช่างใจร้อนจริงๆเลย เรื่องธุรกิจนั้นน่ะง่ายนิดเดียวแต่ว่าฉันเองนั้นหาโอกาสได้คุยกับคุณซูแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆนี่นา ขอให้ฉันได้มีโอกาสสักหน่อยเถอะนะ”

เมื่อเฟิงเย่เหม่ยพูดจบก็ได้หัวเราะจนตัวสั่น นั่นทำให้ดอกบัวตูมที่อยู่บนหน้าอกของเธอนั้นสั่นไหวจนทำให้เหล่าชายหนุ่มทั้งน้อยและใหญ่อย่างเตียนจงยี่หันควับไปมองในทันที

ขนาดเตียนจงยี่ที่ตอนนี้กลายเป็นคนมีฐานะและรักครอบครัวที่สุดแสนจะอบอุ่นแล้วก็ตามก็ยังอดใจไม่ไหว

ถึงจะเห็นแบบนี้แต่ตอนหนุ่มๆเขานั้นเจ้าชู้ไม่หยอก และเขาเองก็บอกได้เลยว่ายังไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนที่เสน่ห์แบบนี้มาก่อนเลย

 

เวลาเลยผ่านไป เฟิงเย่เหม่ยก็ยังคงหาเรื่องคุยกับซูจิ้งอย่างกระสัน ยิ่งคุยมากเท่าไหร่เรื่องราวที่คุยก็เริ่มเป็นเรื่องส่วนตัวมากขึ้น และคำพูดต่างๆก็เริ่มออกไปในทางสองแง่สามง่ามมากไปทุกที

และทุกๆครั้งที่ซูจิ้งพยายามเบนเรื่องเข้าเรื่องธุรกิจ เฟิงเย่เหม่ยก็จะยิ้มและเปลี่ยนหัวข้อคุยในทันที ยิ่งไปกว่านั้นในระหว่างการพูดคุยนั้น ทุกอากับกริยาต่างๆเธอจะพยายามหาทุกวิธีทางมาแตะเนื้อต้องตัวซูจิ้งอย่างตั้งใจจนดูออกว่าอ่อยเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นพยายามเบียดซูจิ้งเมื่อเธอรินไวน์ ตอนที่เธอเขย่าขาในขณะไขว่ห้างเธอก็พยายามให้ปลายเท้ามาแตะซูจิ้ง ตอนที่เธอสลับขาไขว่ห้างเธอก็จะทำแบบช้าๆและเปิดแบบกว้างๆให้ซูจิ้งได้เห็นอะไรอะไรได้อย่างชัดเจน

 

“คุณเฟิงครับผมว่าเรากลับมาคุยกันเรื่องธุรกิจดีกว่ารึเปล่าครับ” ซูจิ้งนั้นก็ยังทำเป็นเฉยเมยอยู่

“นี่คุณซูไม่รู้จริงๆหรือว่าแกล้งไม่รู้กันคะเนี่ย” เฟิงเย่เหม่ยนั้นแสดงสีหน้าอันเย้ายวนก่อนที่จะกอดอกตัวเองจนดันดอกบัวตูมของเธอขึ้นมาและได้พูดออกมาต่อว่า

“ตอนนี้ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าฉันนั้นไม่ใช่สเป็คของคุณหรือว่าคุณไม่สนผู้หญิงกันแน่ ขอพูดตรงๆเลยแล้วกันค่ะว่าฉันนั้นไม่ได้ต้องการเงิน ขอเพียงแค่คุณทำให้ฉันมีความสุขได้ล่ะก็ฉันยอมขายที่ดินนั่นให้คุณแบบถูกๆเลย หรือก็คือราคาขึ้นอยู่กับคุณ แค่นี้คุณก็น่าจะเข้าใจแล้วนะ ”

ซูจิ้งเองเมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าจะได้เจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน ผู้หญิงสมัยนี้นี่ไม่มียางอายเหลือแล้วสินะ

ถึงจะเหมือนว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ได้ทั้งเงินและเรื่องอย่างว่าจนทำให้คนธรรมดานั้นยากจะหักห้ามใจได้ แต่กับซูจิ้งหาได้สนใจไม่

อย่างแรกแม้ตัวเขานั้นจะไม่ใช่พระอิฐพระปูนแบบหลิวเซี่ยฮุ่ย เขานั้นเป็นคนปกติดีทุกอย่าง แต่ตัวเขานั้นได้รักฉือชิงแบบหมดหัวใจและไม่วันทรยศต่อเธอแน่นอน

 

ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาทรยศเธอในเรื่องนี้ล่ะก็จะไปมีค่าคู่ควรอะไรกับเธอได้กัน ต่อให้เธอยอมรับได้แต่เธอขอทำบ้างล่ะ เรื่องนั้นเขาไม่มีวันยอมอย่างแน่นอน

อย่างที่สองต่อให้เฟิงเย่เหม่ยนั้นมีเสน่ห์เย้ายวนน่าหลงใหลและลิ้มลองขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าพูดถึงความสวยและงามแล้วไม่ได้เทียบติดกับฉือชิงแม้แต่น้อย แค่นึกถึงความงามของฉือชิงแล้วเขานั้นหมดอารมณ์กับเฟิงเย่เหม่ยแทบจะในทันที

 

อย่างที่สามด้วยการที่เฟิงเย่เหม่ยนั้นทำตัวเยี่ยงนี้ เขาแทบจะไม่อยากคิดเลยว่าเธอผ่านผู้ชายมากี่พันคนแล้ว แค่นึกถึงก็รู้สึกได้ว่ามีจุดแดงขึ้นตามตัวเต็มไปหมดแล้ว

“อื้ม งั้นเรามาคุยเรื่องธุรกิจกันดีกว่านะครับ” ซูจิ้งพูดออกมา

“คุณ…” เฟิงเย่เหม่ยได้แสดงสีหน้าบึ้งตึงออกมาเล็กน้อย เธอไม่เคยแสดงท่าทีแบบนี้ให้ใครเห็นมาก่อนเพราะว่าต้องรักษาอากัปกิริยาให้ดูเลิศเค้าไว้ แต่เมื่อเธอเห็นว่าซูจิ้งไม่ได้มีท่าทีอะไรแบบที่คนอื่นๆเขาเป็นจึงได้โกรธออกมา

 

ตอนนี้เธอได้บ่นพึมพำออกมาว่า “คุณซูที่เป็นผู้คิดค้นออกมาทั้งผงเสริมความงาม ผงเสริมทรวงอก ผงลดน้ำหนัก และชุดชั้นในกระชับสัดส่วนย่อมต้องเจอสาวสวยมามากมายอยู่แล้วนี่นะ หรือไม่ก็ฉันคงไม่สวยและสาวพอในสายตาของคุณซูใช่รึเปล่า”

 

“ผมมาที่นี่เพียงเพื่อทำธุรกิจเท่านั้นครับ หากว่าคุณเฟิงไม่มีอารมณ์ที่จะคุยเรื่องธุรกิจล่ะก็ ลืมๆการเจอกันในวันนี้ไปดีกว่า” ซูจิ้งพูดจบและได้ทำการยืนขึ้นก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปในทันที

เตียนจงยี่และหนุ่มหน้าตาดีเองก็ได้รีบเดินตามซูจิ้งออกไปติดๆ ต่อให้ยังไม่มีที่ปลูกข้าวในตอนนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขา พวกเขาไม่ได้รีบขนาดนั้น การที่เขามาที่นี่ก็เพราะว่ามันช่วยร่นเวลาได้เท่านั้นเอง เขาไม่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพียงเพื่อเรื่องแค่นี้อย่างแน่นอน

 

“คุณซู…” ตอนนี้เฟิงเย่เหม่ยรู้สึกออกจนลุกขึ้นและเรียกซูจิ้งด้วยเสียงอันดังก้อง ในตอนนี้เองซูจิ้งได้หยุดเท้าลงและหันไปสบตากับเฟิงเย่เหม่ย นี่ทำให้เธอนั้นรู้สึกมีความสุขในทันทีพลางคิดไปว่าเขานั้นเปลี่ยนใจแล้ว

“คุณเฟิงครับ คุณแค่ต้องการผู้ชายจริงๆอย่างนั้นเหรอ” ซูจิ้งถามออกมา

 

“คุณซูหมายความว่ายังไง” เฟิงเย่เหม่ยที่ได้ยินคำถามถึงกับต้องงงจนขมวดคิ้ว เตียนจงยี่และหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ข้างๆเองก็มองซูจิ้งด้วยสายตาแปลกๆ พลางคิดไปว่านี่ช่างเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมาตอนนี้เลยจริงๆนะนายจ๋า

“ผมมีผลิตภัณฑ์ที่ทำให้คุณมีความสุขมากกว่าการได้มีอะไรกับผู้ชายอีกนะ เรื่องนี้ผมรับรองได้เลย” ซูจิ้งยังคงพูดต่อไป

“คุณซู นี่คุณแกล้งฉันอยู่ใช่รึเปล่าถึงได้พูดอย่างนี้กับฉัน” เฟิงเย่เหม่ยตอนนี้หน้าแดงระเรื่อ เตียนจงยี่และหนุ่มหน้าตาดีเองที่ได้ยินนี้ก็ถึงกับพูดไม่ออก

เอาของที่เขาว่ามานี่คงไม่ใช่ของที่เอาไว้ใช้เวลาหาใครมาร่วมรักไม่ได้แบบนั้นหรอกนะ ถ้าเป็นไอ้ของพรรณนั้นไม่สู้ว่าไปหาซื้อกันเองไม่ดีกว่ารึไง

“อันนี้ผมจริงจังนะ และก็ไม่ได้พูดล้อเล่นด้วย” ซูจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากๆ

“คุณซูอย่าคิดนะว่ากะอีแค่จะให้ของแบบนั้นกับฉันแล้วจะทำให้ฉันยอมถอยจากคุณได้” เฟิงเย่เหม่ยเริ่มโกรธขึ้นมา

 

“”ฮ่าฮ่า มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกน่า ถึงผมไม่สามารถอธิบายออกมาได้แบบชัดถ้อยชัดคำแต่ผมสามารถทำให้คุณลองใช้ดูก่อนได้” ซูจิ้งเองก็ยังคงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังออกมา ราวกับว่าเขานั้นกำลังกล่าวปาฐกถาตอนได้รับรางวัลโนเบลยังไงอย่างงั้น

 

“ดี พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ฉันจะลองดูว่าคุณมีอะไรมาให้ฉันกัน” เฟิงเย่เหม่ยได้กระฟัดกระเฟียดเดินออกไปในทันที

“ตกลงครับ พรุ่งนี้ผมจะโทรไปหานะ วันนี้ผมขอไปเตรียมตัวก่อน พรุ่งนี้เราค่อยเจอกัน” ซูจิ้งพูดจบก็ได้เดินจากมาในทันที ด้วยการที่กลุ่มของซูจิ้งนั้นกลัวว่าเฟิงเย่เหม่ยจะทำอะไรแผลงๆออกมาเลยรีบชิ่งออกมาอย่างไว

 

“กรี๊ดดดด” เฟิงเย่เหม่ยได้ทำการพลิกโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าจนหงายท้องจนเกิดเสียงดังลั่นไปทั้งชั้น ตลอดมาเธอนั้นมั่นใจในความสวยของตัวเองมาโดยตลอด มีเพียงผู้ชายไม่กี่คนเท่านั้นที่ต่อต้านเอาไว้ได้

 

นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเธอจริงๆที่เจอคนที่ไร้ความรู้สึกผิดมนุษย์มนาแบบนี้ แต่เธอเองก็ยังรู้สึกคาดหวังในสิ่งที่ซูจิ้งพูดออกมาไม่ได้เลย สิ่งที่เธอหวังจริงๆนั้นก็คือความสุขขั้นสุดที่เธอได้รับจากคนอื่น และตลอดมานี้เธอยังไม่เคยเจอความสุขที่ไปถึงจุดนั้นมาก่อนไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม

เธอพูดออกมาด้วยเสียงเคืองดังลั่นว่า

 

“ซูจิ้ง กล้าดียังไงกัน เรื่องวันนี้ฉันจะต้องเอาคืนนายให้ได้เป็นสิบเท่าแน่นอน ไม่ว่าช้าหรือเร็วก็ตาม ฉันจะทำให้นายมาเป็นทาสที่ต้องคอยมาอยู่ใต้กระโปรงของฉัน ฉันจะคอยดูว่าเมื่อถึงตอนนั้นนายจะมีท่าทางดีขนาดไหน ฮึฮึฮึ”