“ขอต้อนรับสู่ชาแนลเกม มิท อย่างเป็นทางการนะครับ ในวันนี้พวกเราจะขอพูดถึงเหตุการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นในโลกของเกมในช่วงที่ผ่านมาเลยก็แล้วกันครับ”

เมื่อเสี่ยวเฟิงเปิดประตูออกมา เขาก็เห็นเสี่ยวหลิงนอนอยู่บนโซฟาและดูทีวีไปด้วย เธอนั่งกอดเข่าตัวเองพร้อมจ้องมองภาพด้วยสายตาเหงาหงอย

เสี่ยวหลิงได้ยินพี่ชายของเธอเปิดประตูออกมา เธอรีบหันไปมองก่อนที่จะหันกลับมาอย่างเย่อหยิ่ง “หึ!”

“เสี่ยวหลิง จะกินอะไรไหม? พี่จะเลี้ยงเธอเองวันนี้” เสี่ยวเฟิงล้างมือและไปยังห้องครัว เขายุ่งมากจนแทบไม่มีเวลากินข้าวกับน้องสาวตัวเอง

ชายหนุ่มรู้สึกผิดในใจ เพราะว่าเสี่ยวหลิงเองก็ร่างกายอ่อนแออยู่แล้วด้วย และต้องการสารอาหารมากกว่านี้

“อะไรก็ได้”

แววเสียงเศร้าสร้อยดังมาจากโซฟา เธอเมินพี่ชายเหมือนอย่างเคย

เสี่ยวเฟิงส่ายหัวและไม่ใส่ใจซักเท่าไหร่ เขาหยิบปลาแช่แข็งออกมาจากตู้เย็นที่เขาซื้อมาเมื่อวันก่อน ถึงจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ก็ยังมีสารอาหารที่เพียงพอ

เสี่ยวหลิงกินอาหารเผ็ดๆไม่ได้เพราะเธอร่างกายอ่อนแอแถมยังทำให้สิวขึ้นอีก ชายหนุ่มต้มปลาพวกนั้นด้วยวิธีพิเศษ จากนั้นไม่นานนักกลิ่นหอมๆก็โชยมาจากปลาตัวนี้

ปลาต้ม,หมูผัดเปรี้ยวหวาน และมะเขือเทศผัดไข่ มีเพียงสามจานเท่านั้นแต่ก็มีปริมาณที่เยอะมาก ซึ่งเยอะสำหรับสองคนมาก ในตู้เย็นมีวัตถุดิบน้อยมากและมันก็ดึกมาแล้ว ไม่งั้นเสี่ยวเฟิงก็ต้องออกไปซื้อของเอง

“อาหารเสร็จแล้วนะ เสี่ยวหลิง”

เสี่ยวเฟิงเรียกเธอในขณะที่จัดโต๊ะไปด้วย และพบว่าเธอยังนอนอยู่ที่โซฟาอยู่เลย เขามั่นใจว่าเสี่ยวหลิงไม่น่าจะทนทานในอาหารที่เขาทำได้แน่

เขาเดินไปที่ห้องและเห็นเสี่ยวหลิงที่กำลังจ้องมองไปยังทีวีด้วยความตั้งใจ

ชายหนุ่มเองก็มองทีวีอย่างช่วยไม่ได้ และเขาก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นว่าบนจอนั่นมีเขากำลังเล่นไลฟ์สตรีมเกมอยู่

“ตาทึ่ม นั่นนายใช่ไหม?”

แล้วเสี่ยวหลิงก็หันมาบอกเขาด้วยสีหน้าไม่เชื่อใจสุดๆ ไม่ว่าเธอจะเทียบเขากับใครในทีวีก็มีแต่รูปของเสี่ยวเฟิงเต็มไปหมด

“ทำไม ทำไมนายถึงโด่งดังแบบนี้ล่ะ? นายได้อันดับ 1 ของทุกคนเลยนะ!” เสี่ยวหลิงเบิกตากว้าง

“แน่นอน ก็ฉันเป็นพี่เธอนี่!” นี่เป็นโอกาสดีที่เสี่ยวเฟิงจะได้อวดภูมิแบบนี้ เสี่ยวหลิงเองก็เป็นเกมเมอร์ตัวยงเหมือนกัน ดังนั้นเธออาจจะมองเขาในแง่ที่ดีขึ้นก็ได้

“ถ้างั้นอะไรสำคัญกว่ากันล่ะ? ระหว่าง ฉัน กับ เกม?” ทันใดนั้นเสี่ยวหลิงก็ถามเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

พี่ชายงี่เง่าที่ไม่ยอมทำอาหารซักมื้อให้เธอกินมาหลายวัน นี่มันเกินไปแล้ว!

“แน่นอนว่า… เธออยู่แล้ว”

เสี่ยวเฟิงตะลึง ก่อนที่จะเกาจมูกตัวเองด้วยความเขิน

แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูมาช่วยชีวิตเขาไว้

“ใครน่ะ?”

น้อยคนนักที่จะแวะเวียนผ่านที่นี่ เสี่ยวเฟิงไม่รู้จักใครมากนักในประเทศนี้ เสี่ยวหลิงอาจจะมีครอบครัวอยู่ก็จริงแต่แม่เลี้ยงของเธอก็ไม่อยากจะให้เธอกลับไปอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีทางเป็นแม่เลี้ยงของเธอแน่

“สารเลวเอ้ย! ทำอะไรอยู่? เปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

วินาที่ต่อมาเสียงอันฉุนเฉียวของสีเย่จิงก็ดังเข้ามา

เธอเสียงดังจนเสี่ยวเฟิงไม่มีทางเลือกและต้องเดินไปเปิดประตูให้ ไม่งั้นจะเป็นการรบกวนเพื่อนบ้านซะเปล่าๆ

“แม่งเอ้ย!”

สีเย่จิงเดินเข้ามาแล้วโยนกระเป๋าใส่เสี่ยวเฟิงพร้อมกับเตะด้วยขาอันแสนยาว เธอคนนั้นช่างดูสวยและเย่อหยิ่งในเสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสั้น

“เดี๋ยว! ข้าวเย็นฉันยังอยู่บนโต๊ะ อย่าทำมันหกนะ!”

เสี่ยวเฟิงถอยหลังกลับมาและจับกระเป๋าใบเล็กสีชมพูนั่นไว้และป้องกันลูกเตะของสีเย่จิง

สีเย่จิงหยุดทันทีที่ได้กลิ่นหอมโชยมาจากในบ้าน เธอยิ้มออกมาอย่างงดงามและเปลี่ยนมุมมองที่เธอมีต่อเสี่ยวเฟิงทันที

ชายหนุ่มพูดไม่ออก เสี่ยวหลิงแอบยื่นหน้าออกมาดูแล้วจ้องสีเย่จิงด้วยสีหน้าหวั่นเกรง

“ทำไมเธอถึงมาที่นี่อีก? ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าเกลียดจนห้ามเธอโผล่มาที่นี่อีก”

“แต่ฉันชอบเธอนะเสี่ยวหลิง! เพราะงั้นก็เลยจะมาเชื่อมสัมพันธ์ฉันและเธอยังไงล่ะ” สีเย่จิงไม่สนใจท่าทีของเสี่ยวหลิงพร้อมกับหันไปมองที่ชายหนุ่ม

“ไปหาตะเกียบมาให้ฉันสิ! ทำไมถึงได้โง่แบบนี้นะ? ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายยังโสด”

เสี่ยวเฟิงอดกลั้นความหงุดหงิดเอาไว้ และต้องไปหยิบตะเกียบมาให้เธออย่างไม่มีทางเลือก โชคยังดีที่เขาเตรียมอาหารเอาไว้เพียงพอสำหรับสามคน

“เสี่ยวหลิงมากินข้าวกันเถอะ! เธอยังเด็กอยู่และต้องกินเยอะๆเพื่อโตไวๆนะ” สีเย่จิงยิ้มด้วยความนอบน้อมและยังไม่กินก่อน พร้อมทั้งเรียกเสี่ยวหลิงให้มาที่นี่

เพราะว่าครอบครัวที่ดีของเธอเลี้ยงให้เติบโตมาเป็นคนที่มีคุณภาพแบบนี้ อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารอยู่บ้าง ในฐานะแขกเธอคงไม่อาจเริ่มกินก่อนเจ้าบ้านได้

แน่นอนว่าสำหรับตระกูลใหญ่แล้วเรื่องมารยาทและหน้าตาในสังคมคือที่สุด มันจึงเป็นเรื่องที่เข้มงวดในบ้านของเธอ

สีเย่จิงเกิดในตระกูลชนชั้นสูง เสี่ยวเฟิงเดาว่าบ้านของเธอน่าจะเป็นตระกูลเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้เก่าแก่ ซึ่งทำให้เธอต้องอยู่ในกฎระเบียบที่มั่นคง

“หน้าด้านที่สุด!” เสี่ยวหลิงไม่อยากจะกินข้าวร่วมกันกับสีเย่จิง เธอเดินไปที่โต๊ะอาหารด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “แต่คนหน้าด้านบางคนกินไปเท่าไหร่ก็ไม่โตหรอกนะ”

“ดังนั้นเสี่ยวหลิงเธอควรจะสูงให้ได้กว่า 1.7 เมตรนะ สูงกว่าพวกผู้ชายได้ก็ดี” สีเย่จิงยังคงจิกกัดเขาอยู่ เธอดูภูมิใจในความสูงของตัวเองมาก ขาของเธอสูงกว่าครึ่งนึงของตัวเธอเสียอีก

“จริงอ่ะ? แล้วทำไมหน้าอกเธอถึงได้แบนแบบนั้นล่ะ? ราบเรียบยังกับไม่มีอะไรเลย” เสี่ยวหลิงโคตรจะหมิ่นความแบนราบของหน้าอกสีเย่จิง

เธอคนนี้สูงก็จริง ใบหน้าก็งามพอสมควรด้วย

ทว่า เธอกลับไม่มีหน้าอกหน้าใจมากนัก

เสี่ยวเฟิงสัมผัสได้ถึงความจุกอกของสีเย่จิงอย่างบอกไม่ถูก สาวร่างสูงพูดต่อ “นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันต้องกินเยอะๆไง”

“เฮ้! นั่นปลาฉันนะ!”

และแล้วสงครามแย่งอาหารที่คุ้นเคยก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เสี่ยวเฟิงนั่งเงียบเอาไว้แล้วกินคนเดียวเงียบๆ เขาแปลกใจว่าทำไมสีเย่จิงถึงได้มาที่นี่บ่อยนัก แถมยังมาได้ถูกช่วงที่เขากำลังจะกินข้าวพอดีอีก

“แค่ก…”

ทันใดนั้นเสี่ยวหลิงก็ไอออกมาอย่างผิดปกติ เธอยกมือขึ้นปิดปากพร้อมใบหน้าที่แดงขึ้น

“เป็นอะไรไปเสี่ยวหลิง?”

เสี่ยวเฟิงทิ้งจานของเขาแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาเสี่ยวหลิงด้วยความรวดเร็วพร้อมสีหน้าเป็นกังวล

“เธอกินเร็วไป ก้างอาจจะติดคอก็ได้ ให้ฉันดูเอง”

สีเย่จิงรีบเข้ามาช่วยดู

“ไปไกลๆเลย” เสี่ยวเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

สีเย่จิงตะลึงแล้วหยุดลง หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้นไปชั่วขณะที่ได้ยินคำพูดนั้น เธอมองไปยังเสี่ยวเฟิงด้วยความรู้สึกประหลาด

ก้างปลาติดคอเสี่ยวหลิง มันแหลมและแทงเข้าในลำคอของเธอจนต้องไอเป็นเลือดออกมา

“อ้าปากสิ ฉันจะดูให้”

เสี่ยวเฟิงเช็ดน้ำตาที่ขอบตาเธอแล้วถามอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ยกคางเธอขึ้น

มันเจ็บเกินกว่าที่เด็กสาวจะพูดได้ แต่เธอก็ยังอ้าปากได้อยู่เล็กน้อย

ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจับคางเธอไว้ด้วยมือข้างนึงแล้วใช้มืออีกข้างเปิดปากของเธอ

ฟันของเธอดูเล็กและขาวสว่าง จากนั้นเขาก็มองเข้าไปในลำคอของเธอ

ปากของเสี่ยวหลิงเล็กมากจนเสี่ยวเฟิงไม่อาจใช้นิ้วเข้าไปข้างในได้สองนิ้ว

ข้างในนั้นช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก มันเต็มไปด้วยเนื้อเยื่ออันแสนนุ่มนิ่มและชอุ่มไปด้วยน้ำ เสี่ยวเฟิงพยายามจะหาก้างปลาในนั้นจนนิ้วของเขาสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มและวิเศษของลิ้นเสี่ยวหลิง

ชายหนุ่มสะดุ้งแล้วไซร้ไปตามลิ้นเพื่อหาตำแหน่งของก้างปลาทั่วทั้งปากแต่ก็ไม่พบ

“อดทนไว้นะเสี่ยวหลิง”

ชายหนุ่มพยายามใช้นิ้วของเขาล้วงหาก้างปลาในนั้น พร้อมกันนั้นเสี่ยวหลิงก็น้ำตาไหลออกมา

เสี่ยวเฟิงต้องทำต่อไปและถอยกลับไม่ได้แล้ว เขาพยายามล้วงลึกลงไปในลำคอน้องสาวตัวเอง และเสี่ยวหลิงก็เริ่มรู้สึกกระอักกระอวนมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มรู้สึกประหลาดมากขึ้น

“แค่ก! แค่ก! นี่นายจะฆ่าฉันรึไง?”

เสี่ยวหลิงหยุดไอไม่ได้ ก่อนที่จะทุบตีเสี่ยวเฟิงด้วยความไม่พอใจ

เสี่ยวเฟิงเอาก้างปลาออกมาได้แล้ว มันแหลมและยาวมากพร้อมกับมีเลือดของเสี่ยวหลิงติดอยู่ เขารีบเอามันไปทิ้งทันที

“บอกมาซิ ว่าเธอมาที่นี่ทำไม?”

เสี่ยวเฟิงจ้องไปที่สีเย่จิงที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยความไม่พอใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอที่แย่งปลาเสี่ยวหลิง น้องสาวของเขาก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้

สีเย่จิงแทบจะเป็นลมที่ได้ยินแบบนั้น สมองของเธอขาวโพลนไปหมดและเริ่มรู้สึกขึ้นมาในอก แล้วเธอก็หมุนตัวเดินกลับออกไปจากอพาร์ทเมนต์แล้วปิดประตูอย่างรุนแรง