ในขณะที่ดอนนี่ยังคงตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน เสียงเคาะพลันดังขัดจังหวะ ทั้งคู่จึงหันขวับไปมองทางประตู

ประตูห้องเปิดแง้มไว้กึ่งหนึ่ง เนื่องจากผนังส่วนหนึ่งพังถล่มไปแล้ว ผู้คุมสอบที่สวมเสื้อคลุมเวทมนตร์แบบโบราณกำลังจ้องมองทั้งสองด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

ใบหน้าของดอนนี่เองก็ชาหนึบ แต่เขานึกอยากจะถามอีกฝ่ายเสียจริงๆ ว่าเหตุใดจึงใช้เวลานานนักกว่าจะมาถึง ช่างเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในละครโทรทัศน์เหล่านั้นที่ตำรวจและอัศวินกว่าจะมาถึงก็สายเกินไปและปัญหาทั้งหมดก็ได้รับการแก้ไขแล้ว

นักเวทศาสตร์มืดผมสีดอกเลาถือสมุดสีดำอยู่ในมือข้างหนึ่ง สายตาที่เขาใช้มองทั้งสองนั้นค่อนข้างเย็นชา เขาเริ่มขีดเขียนลงในสมุดขณะกล่าว “ร่างศพกลายพันธุ์ สร้างจากวัตถุดิบระดับต่ำเป็นส่วนใหญ่…พลังใกล้เคียงกับมหาอัศวิน ดีที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่ร่างกลับหลุดจากการควบคุม ฉะนั้นจึงควรหักคะแนนออกไปบางส่วน…

“ร่างศพทั่วไป ใช้แขนมัมมี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ…พลังเทียบเท่าอัศวิน…หยุดร่างศพกลายพันธุ์ได้ถึงสองครั้ง ถือว่าดีมากสำหรับผู้ฝึกใช้มนตรา และร่างศพนี้ก็อยู่ในการควบคุมของผู้สร้างโดยสมบูรณ์…”

ดอนนี่ตะลึงงัน ‘สรุปว่าผู้คุมสอบทำเพียงเฝ้ามองเช่นนั้นหรือ เหตุใดเขาจึงไม่ช่วยกันเล่า นี่เขาเชื่อใจคาร์ลถึงขั้นนั้นเชียวรึ หรือว่านี่ก็เป็นการทดสอบอย่างหนึ่งกันแน่นะ’

“สรุปว่าเราผ่านใช่ไหมขอรับ” เบรดส์ ผู้ที่ชอบให้คนอื่นเรียกตนว่าคาร์ล ถามด้วยความประหลาดจ “จริงๆ แล้วข้าลองใช้ ‘ร่างต้นกำเนิด’ ตอนที่ข้าสร้างมัน เพื่อทำให้มันบิน แต่กลับกลายเป็นว่า…”

เขาพูดไม่หยุด ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ดอนนี่พูดอะไรไม่ออกเลย โดยพื้นฐานแล้ว เขาเพิ่งจะยอมรับว่าเขาไม่ได้วางแผนจะสร้างร่างศพกลายพันธุ์เลยและทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงอุบัติเหตุ มันกลายเป็นว่าเจ้าอสูรกายเป็นเพียงร่างศพแปลกๆ ผิดรูปผิดร่างที่มีพละกำลังเหนือธรรมชาติ! เขาสารภาพออกไปเช่นนั้นได้อย่างไรกัน

นักเวทศาสตร์มืดผู้นี้มีดวงตาสีอำพันที่ดูขุ่นมัวเล็กน้อย เขาก้มลงมองกระดาษพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “เจ้าสองคนสร้างพวกมันขึ้นมาได้ นั่นหมายความว่าพวกเจ้ารู้จักวัตถุดิบเป็นอย่างดี”

ดอนนี่พลันตระหนักได้ว่ากระดาษคำตอบของเขาถูกไอดำจากเจ้าอสูรกายทำลายไปแล้ว แต่โชคดีที่ผู้คุมสอบรับรู้แล้ว

“ผลการสอบจะออกพร้อมกับวิชาที่เหลือ ไว้พวกเจ้าค่อยไปตรวจดูด้วยตัวเอง” พูดจบ นักเวทศาสตร์มืดผู้นั้นก็เก็บสมุด ท่าทางไม่สนใจใยดีต่อความลุ่มหลงคลั่งไคล้ของคาร์ล

หลังจากที่นักเวทศาสตร์มืดหันหลังกลับ เขาก็ชะงักและเอ่ยขึ้นว่า “การตะโกนว่า ‘ช่วยด้วย’ นั้นได้ผลดีกว่าการพึ่งพาตัวเองนัก…”

ใบหน้าของดอนนี่พลันแดงก่ำ เสียงกรีดร้องของเขาฟังดูร้าวระทมจนแย่ยิ่งกว่าเสียงกรีดร้องของเด็กสาวทั้งหลายยามเห็นวิญญาณในโรงเรียนเสียอีก ทั้งๆ ที่เขาคิดว่าตนเองค่อนข้างใจเย็นแทบจะตลอดเวลา

แต่นั่นก็ทำให้ร่างกายเขาผ่อนคลายความตึงเครียดลงเช่นกัน ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นยืนได้

“ขอโทษที่ไม่ได้ช่วยเจ้านะ ข้ามัวแต่แนะนำตัวอยู่ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ลองขยับแขนขาดูว่าติดขัดตรงไหนหรือไม่” คาร์ลกล่าว

ดวงตาสีม่วงเหลือบเงินของเขากลับมาดูอ่อนโยนอีกครั้ง และพวกมันก็ดูเหมือนบึงน้ำที่เปล่งประกายยามต้องแสงอาทิตย์ ดอนนี่ถึงกับต้องเบือนหน้าหนี โลกใบนี้ทำให้เขาสับสนยิ่งนัก

“ดูเหมือนว่าสภาพจิตใจเจ้าจะได้รับความกระทบกระเทือนนะ แต่มันไม่ควรเป็นเช่นนี้…ร่างศพกลายพันธุ์ไม่ควรจะทำร้ายจิตใจเจ้าได้ นอกจากการป้องปรามแห่งความตาย…นี่ข้าพลาดจุดไหนไปงั้นรึ” คาร์ลพึมพำ

แต่ไม่นานเขาก็กลับมายิ้มแย้มและพูดว่า “ข้ารู้ เจ้าเพียงแต่ตกใจเท่านั้น โทษที ผู้คุมสอบเพิ่งจะขัดจังหวะการแนะนำตัวของข้า ข้าชื่อเบลดส์ ท่านพ่อตั้งชื่อนี้ให้ข้า ซึ่งหมายถึง ‘ผู้มีความสุข’ ในภาษาสามัญ แต่จริงๆ ข้าชอบให้…”

ดอนนี่รีบพูดตัดบทอีกฝ่าย “‘คาร์ล’ เจ้าชอบให้คนอื่นเรียกเจ้าว่าคาร์ล ข้ารู้แล้ว”

“เยี่ยมไปเลย! เจ้าเป็นคนแรกเลยที่จดจำชื่อข้าได้รวดเร็วปานฉะนี้!” คาร์ลยิ้มกว้างจนดวงตาหยักโค้งดูคล้ายพระจันทร์เสี้ยวสองดวง “ณ ตอนนี้ เป้าหมายสำคัญที่สุดของข้าก็คือการเป็นชายชาตรีที่แท้จริง ข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าชื่ออะไร แต่ข้าเดาว่าเจ้าคงเป็นนักเรียนจากโรงเรียนดวงใจแห่งธรรมชาติใช่หรือไม่ ดูจากเสื้อคลุมเวทมนตร์บนตัวเจ้าแล้ว ในโรงเรียนเจ้ามีเอลฟ์อยู่เยอะหรือไม่ ครั้งก่อน ตอนที่ข้าไปเยือนป่าสตรู๊ป ผู้อาวุโสบอกข้าว่ามีเอลฟ์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ยอมรับมนุษย์และพวกเขาก็เต็มใจจะหาวิธีใช้ชีวิตอยู่กับมนุษย์อย่างยั่งยืน…”

“ข้าชื่อดอนนี่” ดอนนี่ตอบอย่างไม่อ้อมค้อมไปมา ใบหน้าของคาร์ลและเสียงทุ้มทรงเสน่ห์อย่างบุรุษของคาร์ลช่างกวนใจเขายิ่งเขา เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคาร์ลจะยืนอยู่ตรงนั้นและไม่พูดอะไรเลย

“เราควรจะออกไปได้แล้ว การสอบจบลงแล้วล่ะ” ดอนนี่กล่าวต่อ

คาร์ลปรบมือและพยักหน้า “เจ้าพูดถูก เราเดินไปคุยไปก็ได้ ร่างศพของเจ้าดูดีทีเดียว แต่เจ้าสามารถใช้ทฤษฎีระดับสูงอย่างอื่น เช่น ร่างต้นกำเนิด ข้าเองก็ใช้มัน”

“มันคืออะไรงั้นหรือ” ดอนนี่ถามด้วยความสงสัยใคร่รู้

“ร่างต้นกำเนิดนั้นมาจากพิธีกรรมที่เรียกว่า ‘ย้อนรอยชีวิน’ และแนวคิดเรื่อง ‘ต้นกำเนิด’ ในยุคจักรวรรดิเมชเคตโบราณ พวกเขาเชื่อว่า…” คาร์ลสาธยายต่อไปและยังคงไม่หยุดเมื่อพวกเขาเดินออกมาจากหอคอยเวทมนตร์แล้ว “ท่านมหาจอมเวทธานาทอสได้เลื่อนขึ้นเป็นชั้นตำนานระดับสูงสุดก็เพราะสร้าง ‘ร่างต้นกำเนิด’ ได้สำเร็จนี่แหละ…”

นั่นมิใช่ข้อมูลที่ดอนนี่จะได้รับรู้ผ่านทางวิทยุ รายการโทรทัศน์ หรือกระทั่งจากอาจารย์ของเขา แม้ว่าแนวคิดมากมายจะทำให้ศีรษะเขาวิงเวียน แต่เขาก็ยังคงมีท่าทีสนใจเป็นอย่างยิ่ง สิ่งเดียวที่เขาวาดหวังก็คือการที่คาร์ลจะพูดให้สั้นกระชับกว่านี้

ในตอนนั้นเอง เขาก็พลันตระหนักได้ว่านี่มิใช่ข้อมูลที่ผู้ฝึกใช้มนตราคนหนึ่งควรจะรู้ ‘คาร์ลเป็นบุคคลสำคัญหรือเปล่านะ แถวๆ นี้มีอัศวินหรือผู้พิทักษ์ซ่อนตัวคอยอารักขาอยู่หรือไม่’

เขากวาดตามองไปรอบๆ รู้สึกราวกับว่าผู้พิทักษ์ทั้งหลายกำลังจ้องมองเขาจากหลังต้นไม้ที่ตั้งเรียงรายไปตามถนนและกำลังเล็งปืนเกาส์มาทางเขาอีกด้วย

หยาดเหงื่อเม็ดโตเริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากเขา ทั้งเขายังรู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบ

“ดอนนี่ เจ้าเข้าใจหรือไม่” คาร์ลถามเขา

ดอนนี่ตอบอย่างตะกุกตะกัก “อะ…อะไรนะ”

“เจ้าไม่เข้าใจหรือ ไม่เป็นไร ข้าจะเริ่มใหม่ทั้งหมด ไม่ต้องห่วง” ตอนนี้คาร์ลยิ่งดูตื่นเต้นกว่าเดิม

ในหัวดอนนี่ดังอื้ออึง “ข้าว่าข้าพอจะเขาใจภาพรวมแล้วล่ะ”

“อ้อ” คาร์ลหยุดตัวเอง ในใจค่อนข้างผิดหวัง เวลาที่เขาไม่แสดงท่าทางดีใจ เขาก็ยิ่งดูจริงจังและสง่างาม

บัดนี้ ดอนนี่ยิ่งประหม่ากว่าเดิม เขานึกกลัวว่าพวกผู้พิทักษ์พร้อมจะลั่นไกปืนได้ทุกเมื่อ เขาจะได้ออกไปจากที่นี่โดยที่อวัยวะอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่

“รู้ไหม…จริงๆ แล้วข้าว่าเจ้าเหมาะจะเป็นอัศวินมากกว่านะ ข้าว่าพละกำลังของเจ้าสูสีกับมหาอัศวินเลยเชียว” ดอนนี่พยายามเปลี่ยนเรื่อง ในความคิดเขา เขาเชื่อว่าคาร์ลนั้นแข็งแกร่งดั่งมังกรเลยทีเดียว

คาร์ลมีท่าทางขัดเขินเล็กน้อย “ก็แค่พอใช้”

จากนั้นเขาก็เหวี่ยงมือขวาเข้าชกต้นไม้ทางด้านข้าง

ตูม!

ต้นไม้ต้นนั้นพลันหักกลางและล้มลงไปกองกับพื้น

ดอนนี่แทบจะทำคางหล่น

“ข้าทำได้ดีที่สุดเท่านี้ เห็นไหม แค่ต้นไม้ต้นเดียวเท่านั้น” คาร์ลหัวเราะและตบบ่าดอนนี่

ดอนนี่รู้สึกเหมือนว่าเครื่องในทั้งหมดของเขาแทบจะทะลักออกมา

ตอนนี้ คาร์ลดูท่าทีจริงจังขึ้นขณะกล่าว “อัศวินมักจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาครั้งใหญ่ไม่ช้าก็เร็ว ซึ่งก็คือการเผชิญหน้ากับตัวเองและสำรวจตรวจตราตัวเอง ฉะนั้นแล้ว อาร์คานาและเวทมนตร์จึงสำคัญที่สุด อีกอย่าง สิ่งที่ทำให้ข้าอยากเข้าเรียนในวิทยาลัยเวทมนตร์ไฮด์เลอร์ก็คือ ข้าอยากจะเปลี่ยนใบหน้าข้าด้วยการปรับแต่ง ‘ยีน’ ในตัว ว่าแต่ เจ้ารู้จัก ‘ยีน’ ใช่หรือไม่ มันคือแนวคิดที่ได้รับการนำเสนอจากต้นฉบับที่ชื่อ ‘ชีวิตคืออะไร’ เจ้าได้อ่านหรือยัง มันเป็นผลงานชิ้นเอกในขอบเขตของโลกจุลภาคตามที่…”

กล้ามเนื้อบนใบหน้าดอนนี่กระตุกเล็กน้อยเมื่อคาร์ลไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตอบคำถามเลย เขาจึงรีบโพล่งถามก่อนที่คาร์ลจะร่ายยาวต่อไป “เปลี่ยนใบหน้าของเจ้าเช่นนั้นหรือ ข้ารู้ว่ามีน้ำยาเวทมนตร์มากมายที่ทำแบบนั้นได้ ข้าว่าเจ้าก็น่าจะมีเงินซื้อน้ำยาพวกนี้นี่ มันมีฤทธิ์ถาวรนะ”

“ก็นะ เจ้าไม่คิดว่าใบหน้าข้าออกจะดูดีหรอกหรือ” คาร์ลแย้มยิ้ม

รอยยิ้มนั้นทำให้ใบหน้าของคาร์ลยิ่งดูงดงามประณีต ดอนนี่ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างตะลึงงัน

คาร์ลกล่าวต่อ “น้ำยาเวทมนตร์พวกนั้นจะเปลี่ยนแปลงใบหน้าที่แสนสมบูรณ์แบบของข้าจนเกินไป สิ่งที่ข้าพยายามจะทำคือการทำให้ตัวข้าดูสมชายชาตรีกว่าเดิม แต่ไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างหลักแต่อย่างใด! เช่นนั้น ข้าก็จะกลายเป็นบุรุษที่หน้าตาดีมาก! ข้าวาดหวังถึงสิ่งนี้มาโดยตลอด ท่านแม่น่ะอยากได้ลูกสาวตอนตั้งท้อง…”

“เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับมารดาเจ้ากัน” ดอนนี่รู้สึกประหม่าน้อยลงแล้วในตอนนี้ เขาจึงตระหนักได้ว่าตนเองแทบไม่ต้องทำอะไรเลยตราบใดที่เขายินดีรับฟัง คาร์ลเต็มใจที่จะแบ่งปันทุกสิ่งทุกอย่าง และจากแง่มุมนี้ เขาจึงดูเป็นมิตรมากๆ

คาร์ลมองหน้าดอนนี่พลางตอบ “ก็เหมือนกับพลังจิต อำนาจจิตสามารถเปลี่ยนแปลงสสารได้ และเพราะอย่างนั้น การเปลี่ยนแปลงยีน…”

เขากำลังจะเปิดชั้นเรียนบรรยายอีกครั้ง

“ฟังดูเป็นอำนาจจิตที่ทรงพลังและน่ากลวมาก…” ดอนนี่โพล่งออกมา

คาร์ลหัวเราะแห้ง ก่อนจะตอบว่า “ข้าต้องไปแล้วล่ะ ไว้พบกันที่วิทยาลัยไฮด์เลอร์นะ ข้ามั่นใจว่าร่างศพของเจ้าจะทำให้เจ้าสอบเข้าได้แน่…”

คาร์ลเดินจากไป ทิ้งให้ดอนนี่ยืนอยู่ตามลำพัง

ดอนนี่รู้สึกว่าจริงๆ แล้วคาร์ลก็เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายทีเดียว

และตอนนั้นเอง ดอนนี่ก็พลันนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ คาร์ลบอกเขาว่าร่างศพกลายพันธุ์ไม่ควรจะทำให้จิตใจของเขาได้รับความกระทบกระเทือน นอกเหนือไปจากการป้องปรามแห่งความตาย…แต่คาร์ลรู้เรื่องนั้นได้อย่างไรกัน

ดอนนี่นึกอะไรไม่ออกอีกต่อไป

ทางด้านหลังต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดบนถนนสายนั้น อัศวินผู้หนึ่งเก็บปืนไรเฟิลของตนไปและกล่าวเสียงแผ่วกับใครสักคนผ่านทางอุปกรณ์แปรธาตุ “หาข้อมูลเกี่ยวกับเขา ห้ามพลาดแม้แต่เรื่องเดียว เราต้องรอบคอบไว้ก่อน”