บทที่ 660 รสชาติอร่อยหรือไม่

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

สีหน้าของเฉินจินแปรเปลี่ยนไปทันที

เขาเคยได้ยินชื่อของหลินเป่ยเฉิน

แต่ไม่เคยได้พบเห็นตัวจริง

เพราะฉะนั้น เขาจึงจำเด็กหนุ่มไม่ได้

แต่เมื่อได้ยินนักบวชสาวฮัวห่วยเอ่ยชื่อนี้ออกมา คุณชายเฉินจินก็แทบจะเป็นลมด้วยความหวาดกลัว

คนสนิทของนักพรตใหญ่หลงเยว่นอกจากนักพรตหญิงชินกับเยว่เว่ยหยาง ก็ยังมีหลินเป่ยเฉินอีกหนึ่งคน

นักบวชทุกคนของวิหารประจำเมืองเจาฮุย ล้วนแต่เคยได้ยินชื่อของเด็กหนุ่มผู้นี้มาทั้งสิ้น

ว่ากันว่าหลินเป่ยเฉินตอนที่อยู่ในเมืองหยุนเมิ่ง เขาเคยใช้ร่างกายเป็นที่สถิตย์ของวิญญาณเทพีกระบี่หลายต่อหลายครั้ง เรียกได้ว่าเป็นร่างทรงเทพเจ้าคนโปรดของเทพีกระบี่ก็ว่าได้

ก่อนหน้านี้ เคยมีข่าวลือว่าหลินเป่ยเฉินนำพาผู้คนอพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่เขตสองของนครเจาฮุย

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เฉินจินต้องรีบมาคิดบัญชีแค้นกับนักพรตใหญ่หลงเยว่ ชายหนุ่มตั้งใจว่าหลังจากนี้จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับหญิงชราทุกทางที่ทำได้ เพราะอีกไม่นาน หลินเป่ยเฉินจะต้องบุกเข้ามาช่วยเหลือนางแน่นอน

แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหลินเป่ยเฉินจะบุกเข้ามาเร็วขนาดนี้

เดิมทีเฉินจินมีความมั่นใจว่าหากต้องเผชิญหน้ากัน ตัวเขาก็พอมีฝีมือต่อสู้กับหลินเป่ยเฉินได้อย่างสูสี

เพราะไม่มีสิ่งใดที่เฉินจินต้องหวาดกลัวเลย

แต่เมื่อได้เผชิญหน้ากันจริงๆ

บัดนี้ เฉินจินเพียงอยากหลบหนีให้สำเร็จเท่านั้น

แม้ขาซ้ายของเขาจะขาดไปแล้ว แต่ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นก็ทำให้ชายหนุ่มลืมความเจ็บปวดไปหมดสิ้น เขาโคจรพลังลมปราณที่มีอยู่ในร่างกาย สะกิดเท้าขวาลงบนพื้นดิน และดีดตัวไถลไปข้างหลัง…

“พวกเราขวางมันเอาไว้”

เฉินจินถอยหลังไปด้วยพร้อมกับร้องตะโกนออกคำสั่งไปด้วย

ชายฉกรรจ์ในชุดนักบวชอีกหลายคนปรากฏตัวออกมาอย่างรวดเร็ว

หลินเป่ยเฉินกระทืบเท้าซ้ายลงไปบนพื้นหิน

ทันใดนั้น รากไม้และเถาวัลย์ที่ขึ้นรกครึ้มอยู่ข้างทางก็ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วราวกับเป็นงูเหลือมสีเขียวมรกต รากไม้เหล่านั้นเกี่ยวกระหวัดรัดพันขาและเท้าของบรรดาชายฉกรรจ์ล้มกลิ้งลงไปคนแล้วคนเล่า

“ย๊ากกก”

หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ระเบิดเสียงคำรามออกจากลำคอ

เขาระเบิดพลังลมปราณ

พยายามหลบหนีออกจากพันธนาการของรากไม้และเถาวัลย์

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาก็คือ…

กร๊อบ!

ได้ยินเสียงกระดูกแตกหักไปทั่วร่าง

รากไม้เหล่านี้เดิมทีสมควรมีความเปราะบางเป็นอย่างยิ่ง แต่บัดนี้พวกมันกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า เมื่อเพิ่มแรงบีบรัดมากขึ้น เสื้อผ้าของชายฉกรรจ์ก็ฉีกขาด คมของรากไม้กัดกินลงไปในเนื้อหนัง ทำให้กระดูกแตกหักมากขึ้นและมากขึ้น…

“อ๊าก…”

“ย๊ากกก ขาของข้า!”

ใบหน้าของกลุ่มชายฉกรรจ์บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด พวกเขาส่งเสียงร้องโหยหวนเหมือนหมูถูกเชือด

ทุกคนได้แต่คุกเข่าลงไปบนขั้นบันไดหิน

“คิดจะหลบหนีไปไหน?”

หลินเป่ยเฉินมองไปยังเฉินจินที่ใช้ขาเพียงข้างเดียวหลบหนีขึ้นไปบนบันไดชั้นบนได้หลายสิบขั้นแล้ว แววตาของเขาแข็งกร้าว พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กลับมารับประทานอุจจาระของเจ้าให้หมดเดี๋ยวนี้”

แล้วเถาวัลย์ข้างทางที่มีขนาดเท่ากับท่อนแขนคน เมื่อโคจรพลังลมปราณใส่เข้าไป มันก็เลื้อยตรงเข้าไปหาคุณชายเฉินจินด้วยความรวดเร็วราวกับเป็นอสรพิษสีเขียวสด…

“อ๊าก ไม่นะ ไม่!”

เฉินจินส่งเสียงร้องด้วยความสยองขวัญ

แต่เถาวัลย์ที่เลื้อยเข้าไปนั้นก็เกี่ยวพันขาข้างเดียวของเขาได้อย่างแม่นยำ คุณชายเฉินจินถูกยกตัวขึ้นห้อยหัวกลางอากาศ ก่อนจะโดนลากกลับมาลอยอยู่เหนือถังอุจจาระใบที่สอง!

“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ หลินเป่ยเฉิน ข้ารู้จักเจ้า… เหวอ โอ๊กกก…”

เฉินจินสัมผัสได้ถึงกลิ่นเหม็นเน่าที่ลอยขึ้นมาจากถังไม้ จึงอาเจียนออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

หลินเป่ยเฉินชักสีหน้าด้วยความไม่ชอบใจ “บัดซบ แค่พูดชื่อของข้า เจ้าก็อ้วกแตกเลยหรือ?”

นี่มันเท่ากับเป็นการดูถูกกันชัดๆ

หลินเป่ยเฉินทนไม่ไหวอีกต่อไป

“แบบนี้ต้องสั่งสอน”

เด็กหนุ่มควบคุมเถาวัลย์ให้หย่อนศีรษะของเฉินจินต่ำลงไปใกล้ถังอุจจาระมากขึ้นและมากขึ้น

เฉินจินพยายามดิ้นรนด้วยความตื่นตระหนก “ได้โปรด เจ้าอย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม ฟังสิ่งที่ข้ากำลังจะพูดก่อน ข้าก็มีสถานะเป็นผู้ที่ถูกเลือกเช่นกัน ข้าเป็นลูกศิษย์ของหัวหน้านักบวช เจ้าอยากได้อะไรบอกข้ามาได้เลย… เพียงแต่ว่า… อื้อหือ… ครั่กๆๆๆ”

ประโยคต่อมาหลังจากนั้นฟังไม่รู้เรื่องอีกแล้ว

เพราะศีรษะของคุณชายเฉินจินถูกจุ่มลงไปในถังไม้เรียบร้อย

ไม่มีใครทราบว่าเขากำลังจะพูดสิ่งใดออกมา

เพราะทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็ตื่นเต้นตกใจมากเกินไปจนทำอะไรไม่ถูก

ในเวลาเดียวกันนี้

“พรวด… กรี๊ดดดด”

เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูดังขึ้น

ปรากฏว่านักบวชสาวซึ่งตกลงไปในถังอุจจาระใบแรกนั้น สามารถปรับองศาร่างกายและยื่นศีรษะขึ้นมาจากถังไม้ได้สำเร็จ

ใบหน้าที่เคยสวยงามเย้ายวนใจ บัดนี้กลับถูกย้อมไปด้วยคราบของเหลวสีดำข้นเหมือนซอสถั่วเหลือง หนอนจำนวนมากไต่ยั้วเยี้ยอยู่บนใบหน้า นักบวชสาวฮัวห่วยกรีดร้องออกมาสุดเสียง แสดงออกชัดเจนถึงความตกตะลึงและหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

จังหวะนี้ พ่อบ้านหวังจงวิ่งตามลงมาจากขั้นบันไดชั้นบนมาถึงพอดี

“นายน้อยขอรับ หวังจงมาแล้ว หวังจงมาช่วยนายน้อยแล้ว…”

“คำว่าจงในชื่อของหวังจงมาจากคำว่าจงรักภักดี นายน้อยเปรียบเสมือนลูกชายของหวังจง ไม่ว่าใครก็ตามมีปัญหากับนายน้อย ก็เท่ากับว่ามีปัญหากับหวังจงด้วย หวังจงจะต้องจัดการ… อื้อหือ โอ๊กกกก!”

ตอนแรก พ่อบ้านหวังจงก็วิ่งลงมาด้วยความกระตือรือร้น

แต่แล้วสิ่งที่เขาพบเห็นก็คือนักบวชสาวฮัวห่วยกำลังนั่งแช่อยู่ในถังอุจจาระ

สีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนไปทันที

น่าขยะแขยงเหลือเกิน

ดังนั้น พ่อบ้านหวังจงจึงหมุนตัววิ่งหนีกลับขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง

แต่วิ่งได้ไม่กี่ก้าว ท้องไส้ของชายชราก็ปั่นป่วน สุดท้ายเขาก็ต้องแวะอาเจียนอยู่ข้างทาง อาเจียนทุกอย่างออกมาจากกระเพาะหมดไส้หมดพุง

“เอ๋ พ่อบ้านหวัง ท่านเป็นอะไรไป…”

“มีเรื่องอะไรหรือ?”

“เกิดอะไรขึ้น?”

เฉียนเหมย เฉียนเจิน หลู่หลิงซินและหลิวเฉิงเหนียนที่วิ่งตามหลังลงมา ทันเห็นเพียงแต่ว่าหวังจงกำลังนั่งอาเจียนอยู่ข้างทาง พวกนางจึงรีบเข้าไปถามด้วยความสงสัย

หวังจงใบหน้าซีดขาว ชี้มือไปยังทิศทางที่ตั้งของถังอุจจาระด้านล่างโดยไม่เหลียวหน้ามองกลับไป

เด็กสาวทั้งสี่คนหันมองไปตามทิศทางการชี้มือของชายชรา

“หืม…”

“แหวะ น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว”

“ทำไมคนเราต้องรับประทานอุจจาระแบบนั้นด้วย?”

“โอ๊ย เสียสายตาจริงๆ…”

สภาพจิตใจของเด็กสาวทั้งสี่ย่อมทนทานความอุจาดตาได้น้อยกว่าหวังจง เพียงมองเห็นจากระยะไกลเท่านั้น โลกทั้งใบของพวกนางก็เหมือนกับจะถล่มทลายลงมา และสุดท้าย กลุ่มเด็กสาวก็ต้องมานั่งอาเจียนข้างทางเป็นเพื่อนหวังจง!

มุมปากของหลินเป่ยเฉินกระตุกไม่หยุด

แย่จริง

ทำไมมันถึงได้น่าสะอิดสะเอียนแบบนี้เนี่ย

กลิ่นก็เหม็นหึ่งไปหมด

ถ้ามีคนกำลังรับประทานอาหารมาพบเห็นสิ่งนี้เข้านะ…

เพียงแค่คิด เด็กหนุ่มก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนเหมือนจะอาเจียนออกมาอีกคนแล้ว

เอาเถอะ พอแค่นี้ดีกว่า

เถาวัลย์หลายเส้นเลื้อยไปที่ถังไม้ของนักบวชสาวฮัวห่วย ก่อนจะดึงนางขึ้นมาจากในถัง และลากตรงไปยังน้ำตกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างภูเขา

สำหรับกับคุณชายเฉินจินก็เช่นกัน

หนึ่งบุรุษและหนึ่งนักบวชสาวถูกโยนลงไปชำระล้างร่างกายที่น้ำตกแห่งนั้น

พวกเขาตัวเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า

ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความขยะแขยงและหวาดผวา

“ไม่ทราบว่ารสชาติอร่อยหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินก้มหน้าถามโจทก์ทั้งสองคน

เฉินจินและนักบวชสาวฮัวห่วยพร้อมใจกันส่ายศีรษะทันที

หลังจากนั้น พวกเขาก็คุกเข่าลงไปบนพื้นดิน อ้าปากออก แต่พูดอะไรไม่ได้

สุดท้าย ก็ได้แต่อาเจียนนำทุกอย่างที่อยู่ในท้องออกมา แม้แต่น้ำดีก็แทบจะไม่มีเหลือ…

“เมื่อสักครู่ ข้าได้ยินพวกเจ้าบังคับขู่เข็ญผู้อื่นให้รับประทานสิ่งที่อยู่ในถังอุจจาระใช่หรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินพูดกับชายหญิงคู่นี้อย่างไร้ความปราณี “บัดนี้ ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าได้รับประทานพวกมันสดๆ บ้าง ถ้าพวกเจ้าสามารถรับประทานได้ เรื่องราวครั้งนี้ก็จะถือว่าเลิกแล้วต่อกัน แต่ถ้าพวกเจ้ารับประทานไม่ได้ ข้าก็จะส่งพวกเจ้าลงนรก”

หลังจากหยุดเล็กน้อย หลินเป่ยเฉินก็พูดออกมาอีกครั้ง “เฉียนเหมย เข้มแข็งหน่อย เลิกอาเจียนได้แล้ว เอายามาให้ท่านนักพรตใหญ่หลงเยว่รักษาอาการบาดเจ็บเดี๋ยวนี้…”

“รับทราบ… เจ้าค่ะ… นายท่าน…”

เฉียนเหมยเดินโซเซเข้ามาประคองนักพรตใหญ่หลงเยว่ด้วยใบหน้าซีดขาว ก่อนจะนำยาลูกกลอนออกมาให้หญิงชรารับประทานเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนักพรตใหญ่หลงเยว่

แต่เมื่อนางส่งเสียงครางในลำคออีกครั้ง เลือดก็ไหลทะลักออกมาจากข้อมือและข้อเท้า

เฉียนเหมยสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ “ข้าน้อยยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเจ้าคะ…”

พลัน เสียงที่แข็งกระด้างดังขึ้นจากข้างเนินเขาว่า “หลินเป่ยเฉิน มือและเท้าของนักพรตหลงเยว่ถูกจองจำด้วยตรวนคนบาป ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่เพียงแค่ข้าโคจรพลัง ข้าก็สามารถใช้ตรวนเหล่านั้นหักมือหักเท้านางได้แล้ว”

นักบวชสาวฮัวห่วยเริ่มกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง

เมื่อสักครู่นี้ตอนที่ได้ยินชื่อของหลินเป่ยเฉิน นักบวชสาวมัวแต่ตกตะลึง จนพลาดท่าเสียทีให้แก่เด็กหนุ่มอย่างไม่ควรจะเป็น แต่ครั้งนี้ นักบวชสาวฮัวห่วยกลับมามีความเยือกเย็นสุขุมดังเดิม นางรู้ดีว่าตนเองได้เปรียบฝ่ายตรงข้าม เพราะนางคือผู้เดียวเท่านั้น… ที่สามารถควบคุมตรวนคนบาปได้ตามใจชอบ!

“เจ้าคุกเข่าให้กับข้าก่อนสิ บางทีข้าอาจจะเลิกทรมานหญิงชรานางนี้ก็ได้”

นักบวชฮัวกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น

“ตรวนคนบาป?”

หลินเป่ยเฉินทวนคำเสียงดัง “เจ้าหมายถึงสิ่งนี้ใช่หรือไม่?”

ในมือของเด็กหนุ่มไม่รู้ว่ามีตรวนหนามสีดำทมิฬสี่ชิ้นอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ “เจ้าสามารถใช้พลังของตนเองควบคุมมันได้อย่างนั้นหรือ?”

นักบวชสาวฮัวห่วยเบิกตาโตตะลึงลาน

“เจ้าสามารถ… ปลดมันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ผู้ที่จะสามารถปลดตรวนคนบาปได้ จำเป็นต้องมีพลังศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แล้วเจ้า…”

นักบวชสาวอ้าปากพะงาบๆ ด้วยความเหลือเชื่อ

ก่อนที่นางจะแสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมา

ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย